เมิ่งเจวี๋ยแนะอวิ๋นเกอให้รับผิดชอบแค่เพียงหน้าที่ทำอาหาร ส่วนเรื่องโผล่หน้าออกมารับแขกนั้นให้ท่านอาฉางเป็นคนดูแลไป อวิ๋นเกอชอบเพียงทำอาหารมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ชอบคบค้าสมาคมกับผู้คนอยู่เป็นทุน ดังนั้นนางจึงยินดีที่จะทำตามคำแนะนำของอีกฝ่าย
ผลอันเกิดจากการมาเยี่ยมเยือนของผู้มีชื่อเสียงเหล่านั้น ผนวกกับฝีมือไม่ธรรมดาของอวิ๋นเกอ และการจัดวางแผนการเป็นอย่างดีของเมิ่งเจวี๋ย ทำให้คำเล่าลือแพร่สะพัดจากหนึ่งไปเป็นสิบ จากสิบไปเป็นร้อย เพียงไม่นานพ่อครัวลึกลับเช่นนางก็กลายเป็นหนึ่งในหัวข้อสนทนาของผู้คนทั่วทั้งเมืองฉางอัน
และเพราะอวิ๋นเกอ ชื่อเสียงของหอสุราชีหลี่เซียงจึงเริ่มขจรขจาย มีการเปิดสาขาย่อยขึ้นในตัวเมืองฉางอัน ท้าทายร้านที่มีประวัติเก่าแก่ยาวนานนับร้อยปีอย่างหอสุราอี้ผิ่นจวีโดยไม่หวาดหวั่น
ภายใต้แผนการที่ถูกจัดวางไว้เป็นอย่างดีของเมิ่งเจวี๋ย พ่อครัวใหญ่ของหอสุราอี้ผิ่นจวีจึงถูกบีบให้ต้องท้าอวิ๋นเกอประลองเพื่อรักษาชื่อเสียง ‘พ่อครัวอันดับหนึ่งในใต้หล้า’ ของตนเอง ด้วยการตัดสินแพ้ชนะบนเวทีกลางแจ้ง
หลังผ่านการปรึกษาหารือกัน ในที่สุดหอสุราชีหลี่เซียงกับหอสุราอี้ผิ่นจวีก็บรรลุข้อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย พวกเขาตัดสินใจเชิญกรรมการอิสระห้าคนมาชิมอาหารต่อหน้าผู้คนเพื่อหาผลแพ้ชนะ
เมิ่งเจวี๋ยเสนอให้เพิ่มที่นั่งลับอีกสองที่ ขายให้กับคนที่ต้องการเข้าร่วมเป็นกรรมการตัดสิน แต่ไม่สะดวกที่จะเปิดเผยฐานะต่อหน้าสาธารณชน ผู้ที่ยอมจ่ายเงินประมูลด้วยราคาสูงสุดก็จะได้ที่นั่งนั้นไป ที่นั่งลับจะถูกจัดไว้ภายในห้องซึ่งมีหน้าต่างเชื่อมต่อมาถึงยังเวที ทำให้สามารถลองลิ้มชิมอาหารต่อหน้าผู้คนได้ อีกทั้งเมื่อชิมอาหารเสร็จก็ยังตัดสินให้คะแนนตามความพอใจของตนอย่างลับๆ ได้อีกด้วย
หอสุราอี้ผิ่นจวีมีชื่อเสียงอยู่ที่ฉางอันนานนับร้อยปี คุณชายคุณหนูตระกูลใหญ่จำนวนมากล้วนมากินอาหารที่หอสุรานี้ตั้งแต่ครั้งยังเยาว์ ส่วนชีหลี่เซียงก็แค่หอสุราเล็กๆ ชานเมืองฉางอันเท่านั้น ว่ากันด้วยเรื่องความสัมพันธ์กับผู้มีอำนาจในฉางอันแล้ว แน่นอนว่าหอสุราอี้ผิ่นจวีย่อมเป็นต่อ พ่อครัวใหญ่ของหอสุราอี้ผิ่นจวีรู้สึกว่าข้อเสนอของเมิ่งเจวี๋ยนี้เป็นผลดีต่อตนเองจึงตอบรับด้วยความยินดี
ด้วยความพยายามของหอสุราอี้ผิ่นจวีและหอสุราชีหลี่เซียง การประลองคราวนี้จึงคึกคักเสียยิ่งกว่าการคัดเลือกยอดพธูเสียอีก ตั้งแต่เหล่าขุนนางไปจนถึงพวกพ่อค้าเร่ในตลาด ทุกคนต่างพากันพูดคุยถกเถียงกันอย่างดุเดือดว่าการประลองระหว่างหอสุราโอ่อ่าอย่างอี้ผิ่นจวี กับหอสุราธรรมดาๆ อย่างชีหลี่เซียง ฝ่ายใดกันแน่ที่จะเป็นผู้ชนะ
บางคนรู้สึกว่าพ่อครัวของหอสุราอี้ผิ่นจวีเปี่ยมล้นไปด้วยประสบการณ์ พิถีพิถันในการใช้เครื่องปรุง ยิ่งไปกว่านั้นการที่หอสุราอี้ผิ่นจวีสามารถยืนหยัดท่ามกลางลมมรสุมอยู่ในฉางอันมาได้นับร้อยปี นั่นก็แปลว่าอิทธิพลของผู้ที่อยู่หลังม่านนั้นไม่ใช่ธรรมดา ดังนั้นจึงย่อมต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในเวลาเดียวกันก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ถือหางหอสุราชีหลี่เซียง เห็นว่าอาหารของพวกเขาแปลกใหม่ มีลีลาเฉพาะตัว ยิ่งกับผู้มีใจด้วยแล้ว พวกเขายิ่งดูออกว่าการที่อวิ๋นเกอสามารถมีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วฉางอันในระยะเวลาสั้นๆ เช่นนี้ได้ อิทธิพลของผู้ที่หนุนหลังก็ย่อมต้องไม่ธรรมดาเช่นกัน
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ บ่อนพนันที่เห็นเงินให้ทำกำไรก็รีบเปิดโต๊ะเชื้อเชิญผู้คนให้ไปวางเดิมพันประลองสุดยอดพ่อครัวที่ร้อยปีถึงจะมีสักครั้งนี้ จนการประลองในคราวนี้เลื่องลือถึงขีดสุด
อวิ๋นเกอกลับไม่ใส่ใจในผลแพ้ชนะ ส่วนลึกแล้วนางไม่ชอบบรรยากาศคึกคักหรูหราโอ้อวดเช่นนี้แม้แต่น้อย ที่นางนึกกังวลอยู่ในเวลานี้คือฮั่วกวงจะมาหรือไม่
“เมิ่งเจวี๋ย ทำเช่นนี้จะเรียกใต้เท้าฮั่วกวงมาได้จริงกระนั้นหรือ”