การประเมินสถานการณ์ตรงหน้าจำเป็นต้องเกิดขึ้นทุกวินาทีและสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา หัสยุทธกับโอบเกียรติคิดไปในทางเดียวกันว่าหากกลุ่มที่มีคนเจ็บสามคนขึ้นรถพยาบาลเรียบร้อยแล้ว คนร้ายต้องทิ้งตัวประกันคนหนึ่งไว้แน่ เนื่องจากรถกระบะของตำรวจเป็นแบบตอนเดียว จุผู้โดยสารได้สองคน ในเมื่อคนร้ายมีสองคน มันคงไม่คิดเอาตัวประกันไว้หลังรถแน่ แต่ถ้าหากจะเอาตัวประกันไปด้วย ก็น่าจะสามารถอัดคนเพิ่มเข้าไปได้แค่คนเดียวซึ่งควรจะเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ไม่ใช่ชายร่างอ้วน ตอนนี้ตำรวจก็ต้องพยายามคิดให้ทันความคิดของโจรว่ามันจะทำอย่างไรต่อไป
ตุ่นกระซิบข้างหูให้วิรุฬเดินช้าๆ เพื่อที่เขาจะได้รอโอ่งให้เดินขึ้นมาประกบ การก้าวขึ้นรถกระบะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ โอ่งดึงตัวประกันหญิงให้เดินขึ้นมาเกือบจะเป็นระนาบเดียวกันกับวิรุฬ ขณะทุกคนกำลังเดินตรงมายังรถกระบะ หัสยุทธก็ยกมือซ้ายขึ้นเป็นสัญญาณให้บุกเข้าไปทางด้านซ้ายเพื่อโอบหลังคนร้ายก่อน ทิศนั้นโอบเกียรติคุมสถานการณ์อยู่ คนของโอบเกียรติได้รับคำสั่งต่อกันเป็นทอดๆ
การเคลื่อนไหวของหน่วยจู่โจมนายหนึ่งทำให้โอ่งรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย หางตาของเขาจับความเคลื่อนไหวนั้นได้ หัวหน้าคนร้ายหยุดเดินแล้วหันหลังชิดกับแผ่นหลังของลูกน้อง เขาประกาศก้อง
“อย่าขยับนะมึง ให้กูไปก่อน ไม่งั้นได้ตายหมดนี่แหละ กูวางระเบิดไว้ในธนาคารแล้วด้วย ถ้ากูไม่รอด พวกมันก็ตายห่าหมด…เลือกเอา”
หัสยุทธได้ยินคำประกาศนั้นชัดเจนทุกคำ คนเจ็บดูท่าทางไม่ดีเอาเสียเลย แม่บ้านก็เริ่มร้องไห้ ส่วน รปภ. ก็ดูเหมือนจะไม่สามารถควบคุมสติได้เช่นกัน ชายสูงวัยอาจจะไม่ได้ถูกฝึกมาให้เอาตัวรอดในสถานการณ์เช่นนี้ หัสยุทธจำเป็นต้องปรากฏตัวที่ด้านหน้ารถตู้อีกครั้ง เขาตะโกนเสียงดังเพื่อให้ผู้ร้ายเห็นว่ามันยังอยู่ในห้วงเวลาของการเจรจาอยู่ และยังไม่มีใครผิดคำพูดตามที่ได้ให้สัญญาไว้
“ใจเย็นๆ นายไปได้ เอารถไปเลย ฉันสตาร์ทรถไว้แล้ว แต่ระเบิดไม่อยู่ในสัญญา นายต้องให้ตำรวจเข้าไปช่วยคนในธนาคาร”
“ไม่ๆๆๆ จะไม่มีการเคลื่อนไหวตอนนี้”
โอ่งตะโกนเสียงดัง แขนข้างที่โอบสุภาพสตรีไว้เริ่มกระชับแน่นขึ้น ส่วนตุ่นก็ชักไม่มั่นใจว่าอาจจะมีใครสักคนกำลังเล็งปืนมาที่เขา
“เฮ้ นายต้องเข้าใจว่าตำรวจจะไม่ยอมเสียเปรียบไปมากกว่านี้” หัสยุทธเตือนสติ “การเจรจาจบลงไปแล้ว เราให้ในสิ่งที่นายขอ และต่อจากนี้นายจะไม่ได้อะไรเพิ่มอีก ถ้าจะเปลี่ยนใจก็เปลี่ยนซะตั้งแต่ตอนนี้ ปล่อยตัวประกันให้เป็นอิสระแล้วมอบตัวซะ”
โอ่งเพิ่งสำนึกได้ว่าไม่น่าพูดเรื่องระเบิดขึ้นมาเลย ในทีแรกเขาต้องการให้ตำรวจเห็นว่าตนเป็นต่อและสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนกับดักที่เขาวางไว้กำลังย้อนกลับมาเล่นงานตัวเอง ขณะนี้กลุ่มคนร้ายและตัวประกันยืนกระจุกตัวอยู่กลางลานกว้างหน้าธนาคาร อีกไม่ถึงสิบก้าวก็จะถึงรถกระบะอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนทุกคนไม่กล้าขยับ
“กูจะขึ้นรถ!”
คนร้ายเลือกทางเดินของตัวเองในที่สุด หัสยุทธไม่ขัด เขาผายมือไปยังรถกระบะ
“งั้นเชิญ แต่ฉันจะเดินเข้าไปรับคนเจ็บเอง โอเคไหม”
โอ่งสบตากับหัสยุทธภายใต้หมวกไหมพรม เขาพยายามหาความจริงใจ ความมั่นคง และความซื่อสัตย์จากดวงตาคู่นั้น
ในหัวของวิรุฬมีแต่ความระแวงและเป็นกังวล เขาเริ่มไม่ไว้ใจทั้งสถานการณ์และคนร่วมแผนการของเขา ตั้งแต่เห็นพาหนะที่จะหนีออกจากสถานที่เกิดเหตุเขาก็รู้แล้วว่าโอ่งคงไม่ยอมพาเขาไปด้วยแน่ และการติดอยู่ที่นี่ร่วมกับตัวประกันคนอื่นอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เขาต้องการความมั่นใจว่าตนเองจะไม่เป็นที่สงสัยของใครต่อใคร โดยเฉพาะผู้บังคับบัญชา เมื่อคิดดังนั้นวิรุฬจึงเริ่มมองหาโอกาสที่จะทำให้สถานการณ์ตรงหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง