ทดลองอ่านนิยาย ปางบุญ บทที่ 9 – บทที่ 10 – หน้า 10 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

LOVE

ทดลองอ่านนิยาย ปางบุญ บทที่ 9 – บทที่ 10

“ข่มให้สังขารมันอ่อนแอลง…เพิ่งโดนรถชนมา เฝือกยังเพิ่งถอดได้ไม่นานมานี้…ทำมาค้าขายอะไรก็ไม่ขึ้น…กู้หนี้ยืมสิน เอาเงินไปลงทุนก็เหมือนละลายหายไปในแม่น้ำ…แต่มันก็ทนทานจริงๆ!”

เสียงฮึ่มฮั่มในลำคอดูราวกับเหลืออดเหลือทนแล้ว

“นี่เป็นการเตือนครั้งสุดท้าย หากมันยังไม่ยอมอีกล่ะก็…กูจะทำให้ชีวิตมันสิ้นไร้จนถึงที่สุด…จนแม้แต่ชีวิตของมันเองก็ไม่เหลือ!” เป็นเสียงตวาดกร้าวสุดท้ายก่อนที่ร่างผอมแห้งนั้นจะคอพับคออ่อนฟุบลงกับพื้น

แขไขรีบพุ่งเข้ามาดูอาการ ส่วนชายหนุ่มทอดถอนหายใจเมื่อการช่วยเจรจาไม่ได้ผลอันน่าพึงพอใจ พอมาถึงตอนนี้สายตาคมเพิ่งเหลือบเห็นหญิงสาวที่นั่งนิ่งอยู่ริมประตู เมื่อเขาหันไปมองรัตน์สิกาเต็มๆ ตา บางอย่างก็ผุดขึ้นมาในใจ เหมือนจู่ๆ สวิตช์ไฟในสมองก็ถูกเปิด หลอดไฟในหัวสว่างวาบขึ้นมาทันที

เขานึกรู้…ว่าแท้ที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวกันแน่!

 

ระหว่างที่เดินทางกลับ รัตน์สิกาตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง สิ่งที่ได้พบเจอราวกับเป็นเรื่องแปลกใหม่ หญิงสาวอาจจะคุ้นเคยกับภาพลักษณ์ที่ดูดีของคนเป็นร่างทรงเฉกเช่นย่าของเธอและพ่อปู่อัคนิรุทร ไม่ใช่มุมมืด การกดขี่ข่มเหง เพียงเพื่อสนองอัตตาของตนเหมือนอย่างเช่นวันนี้…

ชัชพลจึงมีโอกาสลอบพินิจพิจารณาอีกฝ่าย…ใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตภายใต้แพขนตางอน ปลายจมูกโด่งเชิดขึ้น และริมฝีปากบางเฉียบ

เหมือนกัน แต่แตกต่างกัน

รัตน์สิกาในวันนี้ไม่คล้ายคำแก้วในวันนั้น

หากดูโดยทั่วไปแล้วอาจไม่ผิดแผกกันนัก ลักษณะต่างๆ ยังคงความเหมือน เพียงแต่ว่าคำแก้วนั้นมีรูปร่างผอมบาง ดูอ่อนแออมโรค ที่สำคัญคือแววตา…นัยน์ตาโศกของคนในอดีตช่างแตกต่างกับนัยน์ตาสุกสกาว ที่เปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นในตัวเองของคนปัจจุบันนี้

แม้จะรู้สึกไม่อยากมองหน้า ไม่อยากพูดด้วย อยากหนีไปให้ไกลจากผู้หญิงคนนี้ให้มากที่สุด แต่กลับไม่อาจห้ามความรู้สึกอีกด้านที่พุ่งสวนทางกันมา นั่นคืออยากคอยอยู่ใกล้ๆ ทั้งยังไม่อาจห้ามสายตาไม่ให้มองหาอีกฝ่ายได้ ดังนั้นชายหนุ่มในตอนนี้ก็ไม่ต่างกับการตกอยู่ท่ามกลางลมพายุที่พัดมาทั้งทิศเหนือทิศใต้ ทำเอาซวนเซไปซ้ายทีขวาที

ทว่าอีกสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนแต่ยากที่จะทำใจยอมรับมันคือความรู้สึกที่ว่า…ทำไมไม่เชื่อใจกัน

ทำไมถึงไม่เชื่อว่าสิงห์คำจะสามารถปกป้องเธอได้…

 

สวนหลังบ้านครึ้มด้วยร่มไม้ใหญ่ ปลูกไม้ดอกเล็กๆ และไม้ประดับจำพวกเฟิร์น ทั่วทั้งบริเวณจึงเต็มไปด้วยสีเขียวขจี ให้ความรู้สึกเย็นหูเย็นตา เย็นใจ และเย็นด้วยอุณหภูมิอากาศอีกด้วย

บึงบัวขนาดปานกลางซึ่งถูกขุดขึ้นกึ่งกลางสวนบัดนี้มีน้ำใสล้นปรี่ สามารถมองเห็นฝูงปลาที่แหวกว่ายอยู่ไปมา ลำตัวของมันพลิ้วไหวท่ามกลางสายน้ำและกอบัวสาย ดอกบัวสีชมพูเข้มจัดชูช่อสลอนขึ้นมาจากน้ำ แม้จะไม่ได้มีบัวอยู่แน่นขนัด แต่พอตัดกับสีเขียวเข้มของทั้งสวนก็ให้ความรู้สึกลงตัว

ร่างสูงโปร่งและเรือนร่างเพรียวบางเดินทอดน่องไปยังกึ่งกลางของสะพานไม้ที่ข้ามผ่านกลางบึงบัว

Comments

comments

Continue Reading

More in LOVE

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com