นี่พอจะนับได้ว่าเส้นทางต่างกันแต่มาบรรจบที่จุดหมายเดียวกันหรือไม่ กงอิ่นยิ้มจนหุบปากไม่ลง
“เหตุใดต้าหวังจึงรับรองคนแคว้นเจิ้งที่ถงซาน” หลังยามอู่ต้าฟูซูฉงจึงเร่งรุดมาจากนครอิ่งตู เห็นคนแคว้นเจิ้งเหล่านั้นก็เบ้ปาก “พวกเอาตัวรอดไปวันๆ!”
อู่จวี่ยิ้ม แคว้นฉู่กับแคว้นจิ้นไม่ถูกกัน แคว้นเจิ้งแทรกอยู่ตรงกลาง เดี๋ยวก็สนิทสนมกับจิ้น เดี๋ยวก็สนิทสนมกับฉู่ ท่าทีคลุมเครือไม่ชัดเจน มักทำเรื่องให้แคว้นฉู่โกรธอยู่เสมอ
“อย่างไรก็ตาม ในเมื่อต้าหวังไม่ต้องการจะใช้กำลังทหาร” อู่จวี่ยื่นสุราจอกหนึ่งให้เขา “ให้คนแคว้นเจิ้งได้มาเห็นถงซาน ข่มขวัญสักหน่อยก็ดี”
บนที่นั่งตำแหน่งสูง กงซุนหุยได้นำสาส์นจากเจิ้งป๋อขึ้นถวายฉู่หวัง ฉู่หวังอ่านแล้วก็พบว่าเนื้อหาในสาส์นเขียนด้วยถ้อยคำนอบน้อมนุ่มนวลละมุนละไม ล้วนเป็นคำพูดที่เป็นพิธีรีตอง
“ท่านเจ้าแคว้นของเรานับถือต้าหวังมาก ทรงปรารถนาจะประทานพระธิดาให้อภิเษกสมรสกับต้าหวังเพื่อจะได้เกี่ยวดองกัน ให้แคว้นทั้งสองผูกสัมพันธ์เป็นมิตรที่ดีต่อกันตลอดไป” กงซุนหุยกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“อ้อ” ฉู่หวังมองเขาแล้วยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร ในเวลานี้เองคนรับใช้ได้นำเนื้อจระเข้ที่เพิ่งปรุงเสร็จขึ้นมาถวาย ฉู่หวังพลันนึกถึงหญิงสาวที่เอาตัวขึ้นมาจากน้ำเมื่อตอนกลางวันได้ จึงเอ่ยถามเสี่ยวเฉินฝู “แรงงานทาสผู้นั้นอยู่ที่ใด”
อู่จวี่ที่อยู่ไม่ไกลได้ยินเข้า มือที่กุมจอกอยู่พลันชะงัก
เสี่ยวเฉินฝูรีบกล่าว “ทูลต้าหวัง แรงงานหญิงโม่ยังอยู่ในเรือนพ่ะย่ะค่ะ” พูดพลางกลอกนัยน์ตาไปมาแล้วว่า “ต้าหวังจะทรงเรียกนางให้มาร่วมงานเลี้ยงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ฉู่หวังดื่มสุราไปคำหนึ่งพลางนึกถึงใบหน้าขาวนวลเนียนตอนเชยคางนางขึ้นมา คงเพราะไออย่างรุนแรง ในดวงตาของนางจึงเต็มไปด้วยประกายแวววาวของน้ำ ดูอ่อนแอบอบบางและงุนงง
เสี่ยวเฉินฝูเห็นต้าหวังไม่ตรัสอะไรจึงเอ่ยเรียก “ต้าหวัง”
“ไม่ต้อง” ฉู่หวังกลับบอก “ไปเถิด”
เสี่ยวเฉินฝูประหลาดใจ ได้แต่ทำความเคารพแล้วล่าถอยออกไป
กงซุนหุยยืนอยู่ด้านข้าง เห็นฉู่หวังเอาแต่สนทนาเรื่องสัพเพเหระกับคนอื่นก็รู้ว่าไม่สนพระทัย หลังจากพูดคุยด้วยอีกสองสามประโยคก็ล่าถอยกลับไปยังที่นั่งของตนอย่างเสียหน้า
เมื่อกลับถึงที่นั่ง เล่อเอ่อต้าฟูของแคว้นเจิ้งก็ถามเขา “เป็นอย่างไร”
กงซุนหุยฝืนยิ้มพลางสั่นหัว
เล่อเอ่อย่นหัวคิ้ว มองไปทางฉู่หวังที่กำลังคุยสนุกกับผู้อื่นแล้วด่าว่า “จิงหมาน* ถึงกับไร้มารยาทเพียงนี้!”
“เบาเสียง!” กงซุนหุยถลึงตาใส่เขาแล้วถอนหายใจทีหนึ่ง “ปีนั้นเฉิงหวังจับตัวพระธิดาของเหวินกงไปสองคน เหวินกงยังนิ่งเงียบไม่ส่งเสียง มาวันนี้ปฏิเสธการแต่งงานแล้วอย่างไร อยู่ในถิ่นของผู้อื่น พูดให้น้อยลงหน่อย!”
เล่อเอ่อแค่นเสียงฮึออกมาคำหนึ่ง
ซื่อเหรินฉวี* ได้ยินหญิงอาวุโสมารายงานก็รีบมาที่ห้องเล็ก เห็นเชียนโม่ตื่นแล้วก็โล่งอก
* จิงหมาน จิงเป็นอีกชื่อหนึ่งของแคว้นฉู่ บางทีก็เรียกว่าจิงฉู่ หมานแปลว่าป่าเถื่อน โหดร้าย เป็นการเรียกอย่างดูถูก เป็นคำที่คนในสมัยโบราณใช้เรียกชาวฉู่ ชาวเยวี่ย หรือคนทางใต้ของจีน
* ซื่อเหริน คือตำแหน่งเจ้าพนักงานผู้ปรนนิบัติรับใช้เจ้านายในวัง เทียบได้กับมหาดเล็ก โดยมากเป็นขันที