“ทูลต้าหวัง” กงอิ่นรีบกล่าว “ระยะนี้มีแร่ออกน้อย เป็นเพราะฝนตกหนักติดต่อกัน ทำให้ในบ่อแร่มีน้ำสะสมอยู่ อีกทั้งเมื่อเดือนที่แล้วในเหมืองแร่มีโรคระบาดเกิดขึ้นกะทันหัน แรงงานทาสตายไปจำนวนหนึ่ง เรื่องนี้กระหม่อมได้รายงานให้ลิ่งอิ่น** ทราบแล้ว สองวันนี้มีแรงงานทาสส่งมาถึงจำนวนไม่น้อย ในถงซานก็กำลังเร่งเตรียมการขุดแร่พ่ะย่ะค่ะ”
ฉู่หวังผงกศีรษะ วางม้วนอักษรไม้ไผ่ในมือลง เขาเดินออกจากห้องโถงไปหยุดที่ข้างราวลูกกรง ลมพัดโชยมา แขนเสื้อทั้งสองข้างของเขาปลิวขึ้นเล็กน้อย
อดีตหวังให้ความสำคัญต่อภูเขาเหมืองแร่ในเมืองเอ้อแห่งนี้ จึงสร้างค่ายบัญชาการไว้บนเนินข้างภูเขาถงลวี่เพื่อความสะดวกในการควบคุมดูแล และสามารถทอดสายตาลงมามองเห็นทั่วทั้งเหมืองแร่
ฉู่หวังมองขึ้นไปเหนือศีรษะ ท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาล แสงสายัณห์โรยตัวลงมาแล้ว ตะวันที่คล้อยต่ำลอยอยู่เหนือยอดเขาไกลโพ้น แสงสุดท้ายที่เหลืออยู่อาบย้อมท้องฟ้าให้มีสีม่วงจางๆ แสงไฟในค่ายบัญชาการสว่างไสว ในเหมืองแร่ก็จุดคบไฟขึ้นมาละลานตาแล้ว ส่องสว่างบ่อแร่ที่เรียงรายอยู่แน่นขนัด คนที่กำลังทำงานเดินขวักไขว่ไปมาไม่ขาดสาย
“เมื่อครู่กว่าเหรินผ่านเข้ามาในเขตเหมืองแร่ เห็นแรงงานทาสมาใหม่จำนวนมาก” ฉู่หวังพลันเอ่ยขึ้น “มาจากที่ใดกัน”
“แรงงานทาสที่มาใหม่ล้วนมาจากแถบชนเผ่าหยางเยวี่ยและชนเผ่าซู” กงอิ่นรีบตอบ “เดือนที่แล้วหัวหน้าเผ่าก่อกบฏ ซือหม่า*** ยกกำลังไปปราบปราม แรงงานทาสที่จับมาได้ส่งมาที่เหมืองแร่ทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ”
ฉู่หวังมองแสงเทียนระยิบระยับที่อยู่ไกลๆ พลางเอ่ยถาม “แรงงานทาสในเหมืองแร่เวลานี้มีจำนวนเท่าไร”
“หนึ่งหมื่นสามพันกว่าคน” กงอิ่นตอบ “ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด สองวันนี้น่าจะเพิ่มถึงหนึ่งหมื่นห้าพันคนพ่ะย่ะค่ะ”
ฉู่หวังหลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะก็เอ่ยขึ้น “ระยะนี้ฟ้าฝนดี สภาพอากาศร้อนชื้น แรงงานทาสทำงานทั้งวัน ทั้งอาศัยอยู่ในสถานที่เช่นนั้น จะป้องกันโรคระบาดได้อย่างไร เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้มีคนงานเท่าไรก็ไม่พอ”
กงอิ่นมีท่าทีประหลาดใจ “ความหมายของต้าหวังคือ…”
“กว่าเหรินถามหัวหน้ากองร้อยแล้ว บ้านที่แรงงานทาสพักอาศัยไม่ได้ซ่อมแซมมาสองปีแล้ว ทั้งมีคนใหม่มาเพิ่มอีกจำนวนมาก ไม่มีที่ให้พักอาศัย ชะลอการออกแร่ไปก่อนไม่เป็นไร ตั้งแต่พรุ่งนี้ให้แรงงานทาสผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาสร้างบ้านพัก”
กงอิ่นได้ยินฉู่หวังสั่งการเช่นนี้ก็รีบรับคำ
เชียนโม่ไม่ได้คาดเดาผิด
คนที่อยู่ในเหมืองแร่รวมถึงตัวเธอเองด้วยมีจำนวนมากราวกับมดราวกับแมลง ส่วนใหญ่ก็เป็นทาสที่ทำงานหนัก
แต่อย่างน้อยเธอก็รู้แล้วว่าตัวเองอยู่ที่ไหน กระทั่งอยู่ในราวยุคสมัยใด
ในสถานที่ที่ควบคุมโดยคนที่พูดภาษาฉู่โบราณย่อมต้องเป็นแคว้นฉู่ แคว้นฉู่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน อาณาเขตในแต่ละยุคสมัยก็ไม่เหมือนกัน แต่ในสมัยปัจจุบันแหล่งเหมืองแร่ทองแดงขนาดใหญ่ที่รู้จักมีเพียงแห่งเดียวคือภูเขาถงลวี่
ภูเขานี้อยู่ระหว่างเมืองเอ้อกับเผ่าหยางเยวี่ย ตอนต้นยุคชุนชิว สยงฉวีผู้เป็นฉู่หวังในสมัยนั้นเข้ายึดครองแคว้นเอ้อ คนรุ่นหลังได้คาดคะเนว่าหลังจากแคว้นฉู่เข้าครอบครองภูเขาถงลวี่ แร่ทองแดงที่มีจำนวนมากมายมหาศาลได้ทำให้แคว้นฉู่มีกำลังแข็งแกร่งขึ้นมาก และได้สร้างรากฐานมั่นคงให้กับแคว้นฉู่จนได้รับการยกย่องให้เป็นเจ้าจักรวรรดิสืบต่อมาอีกหลายร้อยปี
** ลิ่งอิ่น เป็นตำแหน่งผู้บริหารราชการแผ่นดินของแคว้นฉู่ในยุคชุนชิว เทียบได้กับตำแหน่งอัครเสนาบดี
*** ซือหม่า เป็นตำแหน่งขุนนางผู้มีอำนาจควบคุมทางการทหาร เทียบได้กับตำแหน่งสมุหกลาโหม