โต้วเจียวเห็นกงซุนหรงอายุยังน้อยกลับรู้จักควบคุมอารมณ์ ก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย เขามองโต้วซัง ญาติผู้น้องที่นั่งอยู่ไม่ไกลนักแวบหนึ่ง โต้วซังเข้าใจความหมายและหันมากล่าวกับกงซุนหรง “ข้าได้ยินว่ากงซุนเคยทำศึกกับชนเผ่าหรง ชนเผ่าตี๋ ไม่ทราบว่าถูกต้องหรือไม่”
กงซุนหรงกล่าวตอบ “ไม่ผิด แคว้นฉินเจ้าผู้ครองแคว้นต้องเฝ้ารักษาการณ์ด้านตะวันตกเฉียงเหนือ ทำศึกกับชนเผ่าหรงชนเผ่าตี๋เป็นเรื่องปกติธรรมดา”
โต้วซังกล่าวต่อ “ข้าเคยได้ยินว่าวิธีการรบของแคว้นท่าน จะให้ขบวนม้าอยู่หน้า รถและพลทหารอยู่ข้างหลัง บุกเข้าปะทะเข่นฆ่าสังหารทัพของข้าศึกจนโกลาหลอลหม่าน ชนเผ่าหรงตี๋เพียงได้ยินก็ขวัญหนีดีฝ่อ”
กงซุนหรงยิ้มบาง “การจัดวางกำลังในการสู้รบเช่นนี้ อดีตเจ้าผู้ครองแคว้นเป็นผู้ริเริ่มขึ้น เคยสร้างความเสียหายให้ชาวหรงอย่างหนัก และยึดคืนดินแดนผืนใหญ่ได้”
โต้วซังก็ยิ้ม “ข้ามีข้อสงสัยมานานเรื่องหนึ่ง ขบคิดเท่าไรก็ไม่เข้าใจ ไม่ทราบจะขอคำชี้แนะจากกงซุนได้หรือไม่”
กงซุนหรงกล่าว “ยินดีรับฟังรายละเอียด!”
“ข้าได้ยินว่าที่แคว้นของท่านเข้าร่วมเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ ด้วยมีจุดประสงค์จะขอแร่ทองแดง” โต้วซังยิ้ม “แคว้นของท่านมีวิธีการทำรบที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ยังจะต้องการทองแดงไปด้วยเหตุใด”
ทุกคนต่างสีหน้าแปรเปลี่ยน
คำพูดนี้ของโต้วซังออกจะเกินเลยไป ดูไม่มีความเคารพ ซูฉงขมวดคิ้ว คิดจะโต้แย้งสักสองประโยค แต่กลับถูกอู่จวี่กดบ่าไว้ เขาสั่นศีรษะ แสดงท่าทีให้ซูฉงมองไปที่ตำแหน่งสูง
ฉู่หวังนั่งตัวตรง ดูไม่ออกว่าพอใจไม่พอใจ โต้วเจียวที่อยู่ด้านข้างก็เอาแต่รินสุราให้ตนเอง คล้ายไม่ได้ยินอะไรเช่นนั้น
กงซุนหรงฟังคำพูดของโต้วซังแล้วก็ยิ้มๆ “แคว้นฉินทางตะวันตกมีชนเผ่าหรง ตี๋ ทางตะวันออกมีแคว้นจิ้น แม่ทัพและทหารของฉินแม้จะห้าวหาญ การปศุสัตว์แม้จะแข็งแกร่ง แต่จะอย่างไรก็ล้วนแต่เป็นร่างกายที่มีเลือดเนื้อ ข้าได้ยินว่าคนแคว้นฉู่อาศัยเรือโลดแล่นไปทั่วแม่น้ำลำคลอง วางกำลังเรือทำศึกทางน้ำ แทนกำลังคนได้นับหมื่น ไม่ทราบว่าคนแคว้นฉู่ทำลายข้าศึกก็ใช้เพียงเรือหรือ”
โต้วซังมีสีหน้าประหลาดใจ แต่ก็เอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว “เรื่องสำคัญของบ้านเมือง ก็ได้แก่การบวงสรวงเซ่นไหว้และการรุกล้ำก่อกวนของชนกลุ่มน้อยแถบชายแดน ทองแดงสามารถนำมาทำติ่ง* กุ่ย** ทำอาวุธยุทโธปกรณ์ แคว้นของท่านนอกจากม้าวัวแล้ว ไม่ทราบยังมีอะไรที่คู่ควรกับการนำมาแลกเปลี่ยนกับทองแดงของชาวฉู่หรือไม่”
“สิ่งที่แคว้นฉินนำมาทำการค้าหาใช่ม้าวัวไม่” กงซุนหรงเอ่ยอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ข้าได้ยินว่าวิธีทำภาชนะในสมัยโบราณ ภาชนะหนึ่งชิ้นต่อหนึ่งเบ้าหลอม ติ่งขนาดใหญ่หนึ่งใบต้องใช้เวลาทำหกเดือน เบ้าหลอมสิบอันทำออกมาสำเร็จเพียงใบเดียว เป็นเหตุให้ช่างฝีมือบ่นว่าเหนื่อยแต่ไม่ได้ผลงาน มาบัดนี้การทำภาชนะใช้วิธีแยกแม่พิมพ์หลอม ติ่งขนาดใหญ่ใช้เวลาเพียงเดือนกว่าก็แล้วเสร็จ ทำติ่งเหมือนกัน ไยสิ้นเปลืองเวลาแตกต่างกันมาก แคว้นฉู่ทางใต้มีชนเผ่าหมานและอี๋ ตะวันออกมีแคว้นอู๋ เหนือมีแคว้นเจิ้ง แคว้นซ่ง นอกจากนั้นยังมีแคว้นจิ้น กลุ่มขุนศึกที่ตั้งตนเป็นใหญ่คอยโอบล้อมจ้องหาโอกาส ไม่ต่างอะไรกับแคว้นฉิน ฉู่กับฉินแยกกันอยู่เหนือใต้ก็เหมือนแม่พิมพ์ที่แยกกันหลอม ร่วมแรงกันทำภาชนะ ตรึงสี่ด้านเอาไว้ ผลประโยชน์ที่ได้ไม่ใช่เพียงถงซานที่ใช้แรงงานเช่นม้าวัวจะมาเปรียบได้ นี่เป็นประการที่หนึ่ง”
* ติ่ง คือภาชนะสามขา มีหูสองข้าง ชาวจีนสมัยโบราณใช้เป็นหม้อหุงต้ม กระถางธูป และเครื่องประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์
** กุ่ย คือภาชนะใส่อาหารในสมัยโบราณ คล้ายหม้อปากกลม มีหูจับสองข้าง