“คนผู้นี้คือหมอที่ต้าหวังจะพาไปรักษาโรคระบาด” ซื่อเหรินฉวีกล่าวแล้วทอดถอนใจ “ได้ยินว่าที่แนวหน้าไข้จับสั่นกำลังระบาด ไม่รู้ทหารล้มตายไปมากน้อยเท่าไรแล้ว ผู้น้อยคิดขึ้นมาคราใดก็ร้อนใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้…”
เขาพูดได้เศร้ารันทดยิ่ง แทบจะยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตาอยู่แล้ว เซ่าจั้งโบกมืออย่างทนไม่ไหว “รู้แล้วๆ ในเมื่อเป็นคนที่ต้าหวังพามาก็เข้าไปเถิด” พูดจบเขาก็ให้ทั้งสองเข้าไปรอที่ห้องด้านหน้า ตนเองเข้าไปข้างใน มุดเข้าไปในชั้นวางที่นับไม่ไหว พักใหญ่ก็หอบม้วนไม้ไผ่ออกมากองใหญ่
“ตำราการแพทย์มีไม่มากนัก” เขาวางม้วนไม้ไผ่ลงบนโต๊ะแล้วกล่าวกับเชียนโม่ “ตำราล้ำค่า ไม่อาจนำออกไป เจ้าต้องอ่านที่นี่”
เชียนโม่ดีใจมาก รับปากทันที ทั้งกล่าวขอบคุณไม่หยุดปาก
ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว หลังงานเลี้ยงเลิกรา ซื่อเหรินทั้งหลายก็ถือโคม ประคับประคองบรรดาแขกเหรื่อที่เดินไม่ค่อยจะตรงทางออกจากงานเลี้ยง
อู่จวี่พาซูฉงที่ปากบอก ‘ข้ายังไม่เมา’ มาส่งให้คนรับใช้ของเขา รอจนพวกเขาไปแล้วก็แหงนมองไปเหนือศีรษะ ดวงจันทร์อยู่ตรงศีรษะพอดี แสงจันทร์สว่างสุกใส ภายใต้ม่านราตรีหมึกคราม หลังคาตำหนักสูงใหญ่แลคล้ายเนินเขา เงียบวิเวกและใหญ่โตโอฬาร
“เจ้าไม่กลับไปหรือ” เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง อู่จวี่หันกลับไปก็เห็นฉู่หวัง เขารีบทำความเคารพ
“ไม่กลับแล้วพ่ะย่ะค่ะ” อู่จวี่กล่าว “กระหม่อมให้คนส่งจดหมายกลับไป บอกคืนนี้จะค้างในวัง”
ฉู่หวังรู้ว่าเขาทำเช่นนี้เพื่ออะไร ออกจะอับจนปัญญา “กว่าเหรินทำตัวเป็นโล่ขวางธนูอีกแล้ว หือ?”
อู่จวี่ยิ้มเหย รีบกล่าว “มิกล้า”
ในเวลานี้เอง ซื่อเหรินผู้หนึ่งก็เข้ามาทูลฉู่หวังว่ามู่ฟูเหรินต้องการพบเขา
ฉู่หวังรับคำ มองอู่จวี่แล้วยิ้มเยาะตนเอง “กว่าเหรินก็มีเรื่องที่หลบเลี่ยงไม่ได้” พูดจบก็ขึ้นรถ สั่งให้ไปวังเหยียนเหนียนของมู่ฟูเหรินทันที
อู่จวี่ส่งฉู่หวังแล้วก็ยืนอยู่อีกครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินกลับเรือนพักข้าราชสำนักตามลำพัง
ยามค่ำคืนในวังเงียบสงบ ตามทางเดินในวังนอกจากอู่จวี่แล้วก็มีเพียงทหารลาดตระเวนกับซื่อเหรินผ่านเป็นครั้งคราว บริเวณเรือนพักในวังก็เงียบสงัด ทหารรักษาการณ์เห็นเขามาก็รีบเปิดประตู อู่จวี่กำลังจะเดินกลับห้องพักของตน คิดไม่ถึงว่าตอนเดินผ่านห้องเก็บตำรากลับเห็นข้างในยังมีแสงไฟสว่างอยู่
เขากับเซ่าจั้งปกติมีมิตรไมตรีต่อกัน รู้ว่าเซ่าจั้งเป็นคนที่เมื่อถึงเวลาเลิกงานก็จะไม่รั้งรออยู่ต่อ จึงอดแปลกใจไม่ได้และเดินเข้าไปดู
ในห้องเก็บตำรา เซ่าจั้งไม่อยู่ ที่โต๊ะกลับมีสตรีผู้หนึ่งนั่งอยู่ ในมือถือม้วนไม้ไผ่ คล้ายกำลังอ่านอย่างยากลำบาก หัวคิ้วขมวดแน่นเป็นปม
แรงงานหญิงโม่ อู่จวี่มองนาง อึ้งตะลึงไป
เชียนโม่อยู่ในห้องเก็บตำรา นั่งทีก็ปาเข้าไปครึ่งวัน ท้องฟ้ามืดค่ำลงทุกที เซ่าจั้งเห็นเชียนโม่ไม่มีท่าทีจะกลับไปก็ไม่ไล่ สั่งซื่อเหรินให้ดูแลฟืนไฟให้ดีแล้วก็กลับไปก่อน เชียนโม่เคยได้ยินเพื่อนร่วมงานของคุณปู่ที่ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับมนุษยชาติบอกว่าวิชาการแพทย์ช่วงแรกสุดกำเนิดมาจากเวทมนตร์คาถา แม้แต่ในยุคปัจจุบันก็ยังมีให้เห็นอยู่ ในชนเผ่าเก่าแก่บางชนเผ่า หมอผีก็อาจใช้ยารักษาอาการป่วยให้คนได้