แคว้นฉู่เองก็ไม่ยกเว้น เวทมนตร์เป็นที่นิยมกันแพร่หลาย ผู้คนยังคงเข้าใจว่าอาการเจ็บป่วยมาจากภูตผีปีศาจ วิชาการแพทย์จึงไม่ได้แยกออกจากเวทมนตร์คาถาอย่างสิ้นเชิง ตำรับตำราที่เซ่าจั้งหาออกมาให้เชียนโม่ ส่วนใหญ่ที่จดบันทึกไว้ก็เป็นเรื่องของหมอผี เมื่อพูดถึงการรักษาโรคอะไรก็หลีกไม่พ้นพิธีกรรมพิลึกกึกกือพวกเสี่ยงทายและการเต้นรำต่างๆ ส่วนที่พูดถึงการใช้ยาเพียงอย่างเดียวมีไม่มาก แม้กระนั้นเชียนโม่ก็ยังคงอ่านอย่างยากลำบาก ตัวอักษรในตำราเหล่านี้เธอไม่ได้รู้จักทั้งหมด บางส่วนอาจเพราะอยู่ในยุคแรกๆ ลักษณะของตัวอักษรจึงมีการเปลี่ยนแปลง บางส่วนก็เป็นคำนามที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ดูแปลกตาไปเสียทั้งหมด เชียนโม่ค่อยๆ อ่านไปทีละตัวๆ ที่ไม่รู้จักก็จดเอาไว้ คาดเดาความหมายคร่าวๆ ยังต้องแบ่งเครื่องหมายวรรคตอน แบ่งประโยคเอง ด้วยเหตุนี้เธอจึงอ่านได้ช้ามาก ทั้งยังใช้แผ่นไม้มาจดบันทึกอีกกองหนึ่ง
เชียนโม่รู้สึกไม่สบายขาอย่างมาก เธอไม่เคยชินกับการนั่งพับเข่าเช่นคนในยุคสมัยนี้ นั่งได้ไม่นานก็รู้สึกชาขาทั้งสองข้าง รอบด้านไม่มีผู้คน เธอก็จะเปลี่ยนท่านั่งอยู่ตลอดเวลา บางครั้งนั่งขัดสมาธิ บางครั้งก็ยื่นเท้าไปข้างหน้าเสียเลย
ขณะที่เธอกำลังก้มหน้าก้มตาศึกษาอยู่นั้นก็มีเสียงเคลื่อนไหวก๊อกแก๊กที่ด้านข้าง เชียนโม่เข้าใจว่าเป็นซื่อเหรินในห้องเก็บตำราและเงยหน้าขึ้น กลับพบว่าเป็นอู่จวี่ เชียนโม่ชะงักอึ้งไปชั่วขณะ พลันนึกขึ้นได้ว่าท่านั่งของตนไม่สุภาพอย่างมาก จึงรีบหดขาเข้ามาแล้วจะลุกขึ้นมาทำความเคารพ
“ไม่ต้องลำบาก ข้าแค่ผ่านมาเท่านั้น เห็นห้องเก็บตำรามีคน เลยเข้ามาดู” อู่จวี่พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยน ครู่หนึ่งก็ถูกแผ่นไม้ไผ่บนโต๊ะดึงดูดสายตา จึงหยิบขึ้นมาดูม้วนหนึ่ง
“ยาของหมอผี”
เชียนโม่กล่าวขึ้น “ต้าหวังจะให้ข้ารักษาโรค ตอนนี้ข้าอยู่ว่างๆ ก็เลยมาอ่านตำราที่ห้องเก็บตำรา”
เรื่องที่เชียนโม่จะตามกองทัพไป อู่จวี่ทราบเรื่องแล้ว จึงพยักหน้า “ตำราเหล่านี้ หมอผีแต่ละสมัยในอดีตรวบรวมไว้ เป็นสิ่งล้ำค่ายิ่ง”
เชียนโม่ยิ้มๆ อู่ต้าฟูผู้นี้คำพูด การกระทำ อากัปกิริยาล้วนมีกลิ่นอายของความสุภาพนุ่มนวล ทั้งเขายังเคยให้ความช่วยเหลือตนมาแล้วสองหน ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ในใจของเชียนโม่ก็รู้สึกสงบนิ่งลงมาก
อู่จวี่วางแผ่นไม้ไผ่ลง ครู่หนึ่งก็ถูกแผ่นไม้ไผ่ที่อยู่ข้างๆ ดึงดูดสายตาอีก เขามองๆ ดูแล้วก็ต้องแปลกใจ
แผ่นไม้ไผ่เหล่านั้นล้วนเพิ่งเขียนขึ้นมาใหม่ ตัวอักษรเล็กและเป็นระเบียบเรียบร้อย ทว่าลักษณะของตัวอักษรเหล่านั้นเขากลับไม่เคยเห็นมาก่อน
“ข้าเขียนไปเรื่อยเปื่อย” เชียนโม่รีบเก็บแผ่นไม้นั้นขึ้นมาแล้วพูดหน้าเหยๆ
อู่จวี่มองหญิงสาวแปลกประหลาดผู้นี้ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เพียงยิ้มๆ เขาพลันรู้สึกว่าคืนนี้ไม่ต้องพักผ่อนเร็วนักก็ได้พลางมองไปที่ชั้นวางตำราในห้องเก็บตำราแล้วเดินเข้าไป
เชียนโม่คิดว่าอู่จวี่มาถามๆ แล้วก็จะไป กลับเห็นเขาหอบม้วนไม้ไผ่สองม้วนออกมาแล้วนั่งลงที่โต๊ะของเซ่าจั้ง
เห็นนางมองมาด้วยสายตาประหลาดใจ อู่จวี่จึงเอ่ยขึ้น “ข้าเองก็มีตำราที่ยังอ่านไม่จบ ได้โอกาสมาอ่านต่อพอดี”
เชียนโม่เห็นเขาพูดเช่นนี้ก็ไม่อาจพูดอะไรได้อีก ครู่หนึ่งก็ดึงสายตากลับ อ่านตำราต่อไป
ในห้องเก็บตำราเงียบสงบยิ่ง เชียนโม่อ่านไปได้อีกหน่อยก็ถูกตัวอักษรหลายตัวทำให้จนมุม ขณะกำลังกลัดกลุ้มอยู่นั้นก็นึกถึงอู่จวี่ขึ้นมาได้
เธอชำเลืองมองเขา ลังเลอยู่ชั่วขณะ “อู่ต้าฟู ขอคำชี้แนะบางอย่างจากท่านจะได้หรือไม่”
อู่จวี่เงยหน้า ผงกศีรษะ “เรื่องอะไรหรือ”