ผ่านไปครู่หนึ่งนางก็ทอดถอนใจ “แม่ก็หวังดีต่อเจ้า ตอนเจ้าสืบทอดตำแหน่งใหม่ๆ แคว้นต่างๆ พากันมอบหญิงงาม ตำหนักฝ่ายในมีนางในเต็มไปหมด แม่คิดว่าไม่นานคงมีลูกหลานเต็มบ้าน แต่จนบัดนี้สองปีกว่าแล้ว เจ้าก็ยังไม่มีลูกสืบสกุล แม่จะไม่ร้อนใจได้อย่างไร”
ฉู่หวังหัวเราะ “เสด็จแม่ร้อนใจมากหรือ เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะเรียกเจิ้งจีเยวี่ยจีมาปรนนิบัติก็แล้วกัน”
มู่ฟูเหรินถูกยั่วให้หัวเราะ ด่าด้วยสีหน้ายิ้มๆ “ลูกคนนี้ พูดจาไร้ยางอายเช่นนี้ได้อย่างไร!”
เวลาล่วงเข้าสู่ยามดึก มู่ฟูเหรินกับฉู่หวังหลังกินอาหารมื้อดึกแล้ว นางเห็นบุตรชายสีหน้าเหนื่อยล้าจึงไม่รั้งเขาไว้อีก ให้เขากลับวังไปพักผ่อน
ฉู่หวังเดินออกไป เพิ่งจะลงบันไดก็มีเสียงนุ่มนวลละมุนละไมเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ข้างกาย “น้อมส่งต้าหวัง”
ฉู่หวังหันไปมองก็เห็นเจิ้งจี
“ยังไม่พักผ่อนหรือ” เขาถาม
เจิ้งจีเอ่ยเบาๆ “ฟูเหรินกับต้าหวังยังไม่ได้พักผ่อน หม่อมฉันไม่กล้าไปพักก่อนเพคะ”
นางรูปร่างสูงสะโอดสะอง อ่อนหวานแช่มช้อย ยืนอยู่ภายใต้แสงจันทร์ดูบอบบางน่าทะนุถนอม นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เห็นฉู่หวังกำลังจ้องมองตน ในใจก็สั่นไหว ดวงตาทั้งสองทอประกายเฝ้ารอคอย
แต่ไม่ทันรอให้นางได้พูดต่อ เสียงอ่อนโยนของฉู่หวังก็ดังขึ้น “หลายวันมานี้เจ้าเหน็ดเหนื่อยมากแล้ว อย่าลำบากอีกเลย ไปพักผ่อนเถิด”
เจิ้งจีงงงัน รีบทำความเคารพแล้วรับคำ
รอจนเสียงฝีเท้าของฉู่หวังไปไกลแล้ว นางจึงเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง
ท้องฟ้ามืดมิด แสงเทียนก็ไม่อาจสลายความมืดได้ เจิ้งจีมองเงาร่างของฉู่หวังที่หายลับไปจากประตูวังด้านนั้น สีหน้าพลันหงอยเหงา ยืนนิ่งไม่ขยับ
เสี่ยวเฉินฝูหันหน้าไปมอง ทอดถอนใจอยู่ในใจ
แคว้นต่างๆ ที่อยู่รอบแคว้นฉู่ล้วนต้องขอความช่วยเหลือจากแคว้นฉู่ อดีตหวังโปรดปรานเรื่องอิสตรี แคว้นต่างๆ เอาใจในสิ่งที่เขาชอบ ในตำหนักฝ่ายในมีสาวงามจากทุกแว่นแคว้น สองปีก่อนฉู่หวังขึ้นสืบทอดตำแหน่ง แคว้นต่างๆ ก็รีบส่งสาวงามคนใหม่มาให้อีก ฉู่หวังไม่ปฏิเสธ รับเข้ามาไว้ในตำหนักฝ่ายในทั้งหมด เจิ้งจีผู้นี้แคว้นเจิ้งเป็นผู้ส่งมา เชี่ยวชาญการขับร้องร่ายรำ นางกับเยวี่ยจีที่มาจากแคว้นเยวี่ยได้รับความโปรดปรานที่สุด ปลายปีที่แล้วลิ่งอิ่นเฉิงจยาที่ล้มป่วยมานาน ในที่สุดก็ถึงแก่กรรม ไม่นานฉู่หวังถูกทัดทานตักเตือน ภายในเวลาชั่วคืนเดียวก็ยกเลิกเรื่องสนุกสนานรื่นเริงที่วังเกาหยางทั้งหมด ปล่อยให้นางในทั้งหลายในตำหนักฝ่ายในต้องเงียบเหงาอ้างว้าง
ฉู่หวังเป็นคนหนุ่มคนหนึ่ง ทุกคนต่างเข้าใจว่าเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ ไม่นานก็คงเปลี่ยนใจ แต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้กลับไม่มีทีท่าว่าจะหวนกลับ ในท้องพระโรงเขาจัดการคนที่ไร้ความสามารถจำนวนมาก ลงโทษคนที่คดในข้องอในกระดูก ปรับเปลี่ยนธรรมเนียมใหม่ ส่วนฝ่ายในฉู่หวังก็ลงมือสะสาง ขันทีบางคนที่ชอบไปมาหาสู่และสมคบกับขุนนางภายนอกอย่างใกล้ชิด ประจบสอพลอจนเป็นนิสัยก็ถูกลงโทษเช่นกัน ฉู่หวังดำเนินการอย่างรวดเร็วเฉียบขาด ดุจฝนที่เทกระหน่ำลงมาปานฟ้ารั่ว หลังจากผ่านไปแล้วทุกคนถึงได้ตระหนัก ต้าหวังผู้นี้ยามถอยจะสงบนิ่งเตรียมพร้อมรอโอกาส ยามรุกเพียงโจมตีคราเดียวก็ถูกเป้า เป็นบุคคลร้ายกาจน่ายำเกรงยิ่ง