เชียนโม่รู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก
ตอนเดินตามฉู่หวังกลับเข้าไปในกระโจม เธอไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว มองเงาด้านหลังของฉู่หวังด้วยความฉงน คนผู้นี้ทำให้คนจับอารมณ์ไม่ถูก เธอระมัดระวังตัว กลัวว่าไม่รู้เมื่อไรจะก่อเรื่องทำให้เขาชักสีหน้าใส่อีก
ซื่อเหรินฉวีเข้ามาผลัดเปลี่ยนภูษาให้ฉู่หวัง
เชียนโม่ยืนอยู่ด้านข้าง สายตามองไปที่อื่น
รอจนเขานอนลงบนเตียง เชียนโม่จึงเดินเข้าไป จับมือเขาขึ้นมาตรวจดูชีพจร
“กระบี่เล่มนั้นหลอมขึ้นตอนกว่าเหรินขึ้นสืบทอดตำแหน่ง ใช้ช่างฝีมือดีที่สุดของแคว้นฉู่” ฉู่หวังพลันเอ่ยขึ้น
เชียนโม่งงงัน ผ่านไปครู่หนึ่งก็นึกได้ว่าคำพูดนี้เขาพูดกับตน เธอมองไป เพียงเห็นฉู่หวังหลับตาลงครึ่งหนึ่ง
“มันเคยช่วยกว่าเหรินสังหารศัตรู ไม่เคยใช้ตัดหญ้า”
นี่กำลังชี้แจงให้เราฟังหรือ
หลังจากอึ้งตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เชียนโม่ก็พยักหน้าติดๆ กัน สักพักก็อดเอ่ยขึ้นไม่ได้ “แต่ข้าเห็นว่าของใช้สำคัญที่การใช้งาน ไม่ใช่ว่ามาจากไหน”
“หืม?” ฉู่หวังลืมตา ชำเลืองมองนาง “หมายความว่าอย่างไร”
เชียนโม่กล่าว “ของใช้ทุกอย่างล้วนมีประโยชน์การใช้สอยเป็นพื้นฐาน กระบี่ของต้าหวัง ตอนแรกเป็นของมีคม ต่อมาก็เป็นกระบี่ ต้าหวังใช้สังหารศัตรู ข้าใช้ตัดหญ้า ล้วนเป็นการใช้งาน ล้วนไม่มีอะไรผิด”
ใบหน้าของฉู่หวังมีแววประหลาดใจ
“ไร้มารยาท” ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็เอ่ยขึ้น
เชียนโม่เบ้ๆ ปาก คิดเสียว่าตนสีซอให้ควายฟังอีกแล้ว เธอตรวจชีพจรเสร็จก็วางมือเขากลับลงไป
“ต้าหวังบอกหนักศีรษะ เป็นมานานแค่ไหนแล้วเพคะ” เธอเปลี่ยนเรื่องพูด
ฉู่หวังกลับไม่ตอบ ท่าทางครุ่นคิด “คำพูดเมื่อครู่ ใครเป็นคนพูดกับเจ้า”
“ปู่ของข้า” เชียนโม่ตอบ ยื่นมือไปคลำหน้าผากของเขา มือเพิ่งจะแตะถูก ซื่อเหรินก็เข้ามารายงานว่าโต้วเจียวมาแล้ว
ฉู่หวังขานรับคำหนึ่งแล้วลุกขึ้น เชียนโม่รีบถอยไปอยู่ด้านข้าง
“ต้าหวัง กระหม่อมขอออกศึก!” โต้วเจียวพอเข้ามาถึงก็ลงหมอบกราบฉู่หวังอย่างเป็นทางการ
ฉู่หวังมองเขา ออกจะอับจนปัญญา
หากวิจารณ์ด้วยจิตใจที่สงบเยือกเย็น โต้วเจียวผู้นี้กำลังความสามารถเลิศล้ำ กับราชวงศ์ก็นับว่าเคารพนบนอบ ฉู่หวังก็พึ่งพาอาศัยเขาอยู่ไม่น้อย แต่คนผู้นี้บางครั้งบ้าระห่ำอวดดีเกินไป ชอบแย่งความดีความชอบกับผู้อื่น ครั้งก่อนฉู่หวังมอบหมายให้หลูจี๋หลีนำทัพหน้าไปโจมตีแคว้นยง โต้วเจียวก็ไม่พอใจอยู่แล้ว ครั้งนี้มาขอออกศึกก็ด้วยจิตใจที่อยากจะวัดความสูงต่ำของฝีมือ
“กว่าเหรินตัดสินใจแล้ว ซือหม่าไม่ต้องพูดอีก” ฉู่หวังเอ่ยขึ้น
โต้วเจียวรีบกล่าว “ต้าหวังยกทัพมาปราบยงด้วยตนเอง มาถึงประตูบ้านแล้วกลับหนี เรื่องนี้หากแพร่ออกไป ไยมิใช่ทำให้คนหัวเราะเยาะ…”
“โต้วเจียว!” ฉู่หวังสีหน้าแปรเปลี่ยนทันที ตวาดก้อง “ท่านลืมคำพูดของอดีตลิ่งอิ่นแล้วหรือ นี่เป็นพระบัญชา ท่านกล้าไม่ปฏิบัติตาม?”
น้ำเสียงและสีหน้าที่เฉียบขาดของเขา แม้แต่เชียนโม่เองก็ตกใจ
โต้วเจียวสีหน้าแปรเปลี่ยน รีบสำรวมกิริยาท่าที คุกเข่าลงหมอบกราบ “กระหม่อมมิกล้า!”
ฉู่หวังมองเขา ครู่หนึ่งสีหน้าท่าทางก็ผ่อนคลายลง
“เจตนาของซือหม่า กว่าเหรินเข้าใจดี ยกทัพมาครั้งนี้ซือหม่าก็มีความดีความชอบ” ฉู่หวังกล่าวต่อ “แผนโจมตียง กว่าเหรินกับขุนนางทั้งหลายได้ปรึกษาหารือและตกลงกันแล้ว ทุกฝ่ายเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจึงจะประสบผลสำเร็จ ซือหม่าเข้าใจหรือไม่”
โต้วเจียวสีหน้าไม่สงบ แต่ก็ไม่มีความเห็นต่างอีก ลงหมอบกราบฉู่หวัง “กระหม่อมเข้าใจ” พูดจบก็กราบอีกครั้ง แล้วลุกขึ้นล่าถอยออกไป
ฉู่หวังมองเขาจากไป รอจนไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าแล้วจึงแค่นเสียงฮึออกมา
ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็หันมามองที่ด้านข้าง แววตายังคงมีประกายแหลมคม เชียนโม่มองประสานสายตากับเขา ร่างสั่นสะท้านขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“เหตุใดจึงไม่คลำศีรษะแล้ว” ฉู่หวังสีหน้าไร้อารมณ์ความรู้สึก กลับนอนลงอีกครั้ง “รีบมา!”