บทที่ 12 มาร์ค ซี เทต
“เอแคลร์ ครัวซองต์ ฟัวกราส์ คาเวียร์” เพลงพิณเรียกชื่อที่ปกติเป็นชื่อของขนมและอาหารออกมาด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ…อิ่มทั้งๆ ที่ทั้งสี่อย่างนั้นไม่ใช่ของกิน
ลูกแมวสีส้มขนฟูน่ารักในตะกร้าที่นิคโอบอยู่ด้วยใบหน้าปั้นยากนี้ชื่อเอแคลร์กับครัวซองต์ ส่วนลูกสุนัขสีช็อกโกแลตพันธุ์ลาบราดอร์ที่บุชอุ้มอยู่ชื่อฟัวกราส์ และอีกตัวซึ่งมีสีและพันธุ์เดียวกันที่ร้องงื้ดง้าดอยู่ในอ้อมแขนของดอนชื่อคาเวียร์…ยิ่งมองเจ้าสี่ตัวที่เธอเพิ่งซื้อมาจากร้านขายสัตว์เลี้ยงชื่อดัง เพลงพิณก็ฉีกยิ้มจนแก้มแทบปริด้วยความดีใจ…ไม่เสียแรงที่เธอยอมหักห้ามความกลัวขึ้น ฮ. จากเกาะมิครอสมาถึงที่นี่ ตอนแรกเธอคิดจะเข้าไปซื้อกางเกงยีนสักสองสามตัวในร้านแก๊ปซึ่งเป็นยี่ห้อโปรดของเธอ แต่พอเธอเห็นร้านขายสัตว์เลี้ยง เธอก็รู้แล้วว่าทำไมชะตาลิขิตให้เธอมาที่นี่วันนี้
อันน่าซึ่งช่วยเพลงพิณหิ้วถุงบรรจุของสำหรับสัตว์เลี้ยงมากมายเต็มมือทั้งสองข้างเห็นนายสาวมีความสุขเหมือนแมวได้ปลาย่างก็รู้สึกดีไปด้วย แต่เมื่อคิดว่ามีอะไรรออยู่เมื่อทั้งหมดกลับไปที่ปราสาท หญิงสาวก็อดที่จะหวาดหวั่นไม่ได้
ท่านคอนสแตนตินเกลียดสัตว์เลี้ยงทุกชนิด ถ้าเห็นเจ้าสี่ตัวนี่คงคำรามจนปราสาทสะเทือนแน่…ทำไมคิริอาเพลงพิณไม่ฟังที่เราทั้งอ้อนวอนทั้งเตือนเลยน้า กลุ้มใจจริง เฮ้อ
ทั้งหมดกำลังเดินอยู่บริเวณจัตุรัสใหญ่กลางเมืองซึ่งมีทั้งสวนสาธารณะใหญ่เลียบถนนและแหล่งช็อปปิ้งทั้งของกินของใช้ เพลงพิณสอดส่ายตามองร้านค้าริมทางบ้าง หันมาหยอกล้อกับลูกๆ ทั้งสี่บ้าง ทำให้ทั้งหกคนเคลื่อนตัวผ่านแหล่งที่มีผู้คนมากมายนี้ได้ค่อนข้างช้า
สตีเฟ่นเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ทั้งสองมือว่างเปล่า บอดี้การ์ดหนุ่มมองสองข้างถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาจับจ่ายซื้อของในยามเย็นอย่างระวังระไว ดวงตาสีฟ้าเข้มมองเพื่อนร่วมอาชีพอีกสามคนด้วยความรู้สึกอ่อนใจ นายหญิงจอมป่วนจะรู้บ้างไหมว่าการให้บอดี้การ์ดมาอุ้มพวกสัตว์เลี้ยงขนฟูน้ำลายยืดพวกนี้จนมือไม่ว่างนั้นมันเสี่ยงขนาดไหน ถ้าเกิดเรื่องฉุกเฉิน หรือตัวเธอเองตกอยู่ในอันตรายจะทำอย่างไรกัน
ไม่ทันที่ความคิดของสตีเฟ่นจะหยุดลง เรื่องยุ่งๆ ก็เกิดขึ้นมาจริงๆ เมื่อลูกแมวที่เพลงพิณกำลังจะจับมาอุ้มเกิดกระโดดออกจากตะกร้าแล้ววิ่งจี๋แทรกไปตามกลุ่มคนบนทางเท้า
“อ๊ายยย…เอแคลร์ กลับมานี่นะ”
เพลงพิณร้องอุทาน รีบพุ่งปราดตามไปทันทีอย่างไม่รีรอ เพราะกลัวว่าแมวน้อยจะวิ่งลงไปบนถนน ร่างเล็กเบียดแทรกผู้คน พลางร้องขอโทษไปด้วยตลอดทาง ฝ่ายเจ้าแมวน้อยก็เหมือนจะยิ่งแกล้ง วิ่งซิกแซ็กตะบึงไปข้างหน้าด้วยหางชี้ฟู แสดงนิสัยซุกซนน่าปวดหัวออกมาเต็มที่
บอดี้การ์ดที่มีหน้าที่ต้องตามติดนายหญิงรีบวิ่งตามอย่างทุลักทุเล กลุ่มคนตัวโตสี่คนที่อุ้มลูกแมวบ้าง ลูกสุนัขบ้าง รวมถึงหญิงสาวอีกคนที่ร้องเรียกชื่อนายหญิงลั่นและหิ้วของพะรุงพะรังเรียกความสนใจจากผู้คนรายรอบ เนื่องจากบริเวณนี้เป็นแหล่งจับจ่ายซื้อของชื่อดังที่คนชนชั้นกลางรวมถึงผู้มีชื่อเสียงบางคนชอบมาเดินเล่น ทุกมุมถนนจึงมีปาปารัซซี่คอยสังเกตการณ์อยู่ ลำพังผู้หญิงตัวเล็กวิ่งไล่แมวพวกปาปารัซซี่คงไม่สนใจ แต่ถ้าผู้หญิงคนดังกล่าวมีบอดี้การ์ดเป็นชาวต่างชาติสวมสูทเรียบกริบคอยอารักขาสี่คน รวมถึงคนสนิทอีกหนึ่ง ก็เหมือนเป็นการป่าวประกาศว่าผู้หญิงคนนั้นต้องอยู่ในวงสังคมชั้นสูงอย่างไม่ต้องสงสัย
จนกระทั่งเพลงพิณหอบแฮกๆ แมวน้อยเจ้าเล่ห์ก็หยุดวิ่ง เจ้านายสาวกระหยิ่มยิ้มย่องทำท่าจะกระโจนตะครุบ แต่แล้วเจ้าขนฟูสีส้มก็รนหาที่ตายเมื่อมันวิ่งลงไปที่ถนน เพลงพิณไม่คิดอะไร มองถนนว่าว่างก็วิ่งตามแมวน้อยลงไป