ทดลองอ่าน
ยอดหญิงเซียนเครื่องหอมเล่มห้า บทที่สอง
หลีจวินที่ยกเก้าอี้มานั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงปากประตู เมื่อได้ยินเสียงประตูดังขึ้น เขาจึงเงยหน้าขึ้นแล้วเรียกนางอย่างตื่นเต้นยินดี “อาชิว…”
“ดึกอย่างนี้แล้ว ไยพี่หลียังไม่กลับไปนอนอีก” มองไปซ้ายขวา นางจึงพบว่าทั้งโม่เสวี่ยและโม่อวี่ก็ล้วนอยู่ที่นี่จึงส่ายหน้า “ให้โม่เสวี่ยอยู่กับข้าก็พอแล้ว เหตุใดทุกคนต้องมาอดนอนด้วย” ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยการโอดครวญ
“อาชิวลำบากอย่างนั้น ข้าจะนอนหลับได้อย่างไร” วางหนังสือบนเก้าอี้แล้ว หลีจวินจึงลุกขึ้นยืน “เป็นอย่างไรบ้าง มีความคืบหน้าหรือไม่”
กู่ฉินใช้เวลานานเกือบหนึ่งปี เม็ดหอมเศร้าอาดูรนั้นก็ยังไม่สำเร็จ เขาย่อมไม่กล้าจินตนาการว่ามู่หวั่นชิวจะสามารถปรุงเครื่องหอมชั้นเลิศที่นางพูดถึงออกมาได้ภายในคืนเดียว
พูดถึงเรื่องนี้ดวงตามู่หวั่นชิวก็เปล่งประกาย นางกุมมือหลีจวินเอาไว้ “พี่หลีตามข้ามา” ดึงเขาเข้ามาในห้องแล้ว มู่หวั่นชิวก็ชี้ไปยังน้ำหอมสามสิบกว่าขวดที่วางอยู่ในถาด “เป็นของที่ข้าแบ่งครั้งในการปรุง พี่หลีดมดูสักหน่อยเถอะว่าแตกต่างกันมากหรือไม่”
“อาชิวปรุงออกมามากอย่างนี้เชียวหรือ” หลีจวินมองนางอย่างไม่อยากเชื่อสายตา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี
โม่อวี่โม่เสวี่ยที่ตามเข้ามาตะโกนพูดขึ้นมา “สวรรค์!” ก่อนที่โม่อวี่จะพูดต่อว่า “คุณหนู ภายในคืนเดียวท่านปรุงได้มากอย่างนี้เชียวหรือ”
พวกเขาเคยได้ยินอาจารย์โหยวพูดมาก่อน ปกติเวลาจะปรุงน้ำหอมสักขวดหนึ่งนั้นต้องใช้เวลาหลายวันหรือกระทั่งถึงสิบกว่าวัน
“อืม…” มู่หวั่นชิวพยักหน้า “ทดลองเป็นครั้งแรก ข้ากลัวจะทำได้ไม่ดี จึงตั้งใจแบ่งชุดลองทำสักหลายครั้งหน่อย ถ้าทุกครั้งมีกลิ่นออกมาเหมือนกัน แสดงว่ากลิ่นหอมคงที่แล้ว สามารถทำออกมาชุดใหญ่ได้เลย…” ท่ามกลางแสงเทียนที่พลิ้วไหว ดวงตาโตลึกล้ำส่องประกายราวกับเด็กน้อยที่เพิ่งทำเรื่องดีอันยิ่งใหญ่สะเทือนฟ้าดินมา และกำลังเฝ้ารอให้พ่อแม่เอ่ยคำชื่นชม มู่หวั่นชิวมองหลีจวินอย่างรอคอย “พี่หลีรีบช่วยดมให้ข้าสักหน่อยสิ!”
หลีจวินมองนางอย่างรักใคร่ เขาฉีกยิ้มพลางยื่นมือไปหยิบขวดขึ้นมา
“เป็นอย่างไรบ้าง” มองหลีจวินวางน้ำหอมขวดหนึ่งลงพลางนั่งหลับตาครุ่นคิดบนเก้าอี้อย่างเงียบๆ แล้ว หัวใจมู่หวั่นชิวก็ยกสูงขึ้นมาถึงลำคอ…
ภายในห้องเงียบผิดปกติ กระทั่งเข็มตกก็ยังได้ยินเสียง
“พี่หลี…” มู่หวั่นชิวเรียกเสียงเบา
“ภายในหนึ่งวันอาชิวสามารถปรับแก้สูตรลับเม็ดหอมเศร้าอาดูรนั่นได้หรือไม่” ขณะที่ทรวงอกถูกความเงียบงันกดจนแทบจะระเบิด ในตอนที่มู่หวั่นชิวทนไม่ไหวจะเอ่ยปากพูดออกมาแล้วนั้น หลีจวินก็ลืมตาขึ้นทันใด แล้วมองนางด้วยท่าทางขึงขัง
น้ำหอมนี้ใช้ไม่ได้หรือ!
มู่หวั่นชิวตัวสั่น ร่างนางไหวเอนแทบจะล้มลง
“อาชิว…” หลีจวินกอดนางไว้แล้วเรียกเสียงเบา
“พี่หลี…” สะบัดหลุดจากเขาแล้ว มู่หวั่นชิวก็ยืนตรงอีกครั้ง ก่อนจะหยิบน้ำหอมที่หลีจวินเพิ่งวางลงเมื่อครู่ขึ้นมาอีกครั้ง อันนี้ใช้ไม่ได้จริงหรือ…อันนี้ใช้ไม่ได้จริงๆ หรือ…ในใจนางถามตัวเองอย่างบ้าคลั่งนับครั้งไม่ถ้วน แล้วนางก็ค่อยๆ สงบสติลง
จริงสิ การรับรู้กลิ่นของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แม้จะเป็นสุดยอดกลิ่นหอมก็ใช่ว่าทุกคนจะชอบ
อย่างไรเสียส่งเครื่องหอมเข้าวังมาหลายปี หลีจวินต้องเข้าใจความชอบขององค์หญิงหมิงอวี้มากกว่านาง!
ถึงแม้เม็ดหอมเศร้าอาดูรที่กู่ฉินทิ้งไว้ในร้านหลีจี้จะยังทำไม่สำเร็จ แต่กลิ่นเริ่มแรกนั้นได้บอกเป็นนัยแล้วว่ามันต้องเป็นสุดยอดกลิ่นหอมที่ทำให้รู้สึกรันทดเศร้าระทม!
ก็เหมือนสาวงามล่มเมืองคนหนึ่ง ท่วงท่าลักษณะพิเศษเหล่านั้นมีเค้าลางให้เห็นมาตั้งแต่นางอายุยังน้อยแล้ว
ในใจของเขายังคงเป็นเครื่องหอมเศร้าอาดูรที่สามารถชิงความชมชอบองค์หญิงหมิงอวี้ได้ พร่ำพูดอยู่ในใจ มู่หวั่นชิวก็นึกขึ้นได้ทันใดว่าในชาติก่อนเป็นเม็ดหอมเศร้าอาดูรที่ได้ตำแหน่งผู้ชนะไป นางรู้สึกสิ้นหวัง พลางแอบคิดในใจว่า
นั่นสิ พี่หลีเป็นอัจฉริยะ สิ่งที่เขาคาดการณ์คงจะถูกต้อง ไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้แม้ข้าจะเปลี่ยนชะตาชีวิตของคนบางคนได้ แต่ชะตาของสิ่งของเหล่านี้กลับล้วนเปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย อย่างเช่นธูปพระพยักหน้าที่แม้คนทำจะไม่ใช่คนเดียวกัน แต่มันยังคงกลายเป็นธูปบรรณาการเหมือนกับในชาติก่อน หรืออย่างเช่นกลหมื่นเคราะห์ และหออีผิ่นเทียนซย่า…ของที่ไม่มีชีวิตเหล่านี้ ถึงแม้ชาติก่อนกับชาตินี้คนที่ครอบครองพวกมันและสิ่งที่เกิดกับมันจะไม่เหมือนกัน แต่สุดท้ายพวกมันก็ล้วนมีชะตาที่เป็นไปเช่นเดิม…
ยิ่งคิดก็ยิ่งมั่นใจว่าใช่ ความสิ้นหวังในใจมู่หวั่นชิวจึงเพิ่มมากขึ้น
เม็ดหอมเศร้าอาดูรนี้จะหนีพ้นชะตาที่ถูกคนนับหมื่นตามล่าหาซื้อมาครอบครองเหมือนกับในชาติก่อนได้อย่างไร
“อาชิว…”
“ตกลง…” ได้ยินหลีจวินเรียกนาง มู่หวั่นชิวก็เงยหน้าขึ้น “ทำตามที่พี่หลีบอกเถอะ พรุ่งนี้เช้าข้าจะลองดู!” น้ำเสียงของนางเด็ดขาด ในเมื่อธูปพระพยักหน้าผ่านมือนางจนกลายเป็นธูปบรรณาการมาแล้ว เช่นนั้นเม็ดหอมเศร้าอาดูรนี้ก็จะเป็นอย่างนั้นเช่นกัน ขอเพียงผ่านการปรุงจากมือของนางก็สามารถกลายเป็นเครื่องหอมอันดับหนึ่งในงานพระราชพิธีอภิเษกขององค์หญิงหมิงอวี้ได้!
คิดก็ส่วนคิด แต่เมื่อคิดว่าน้ำหอมขวดแรกที่ตัวเองตั้งใจปรุงออกมาถูกคัดทิ้งไปเช่นนี้ มู่หวั่นชิวยังคงรู้สึกยอมรับไม่ได้อยู่บ้าง นางยิ้มให้หลีจวินเหมือนไม่รู้สึกอะไร เพียงแค่อยากให้ตนเองดูสง่าสักหน่อยเท่านั้น
แต่ในชั่วขณะที่นางฉีกยิ้ม น้ำตากลับไหลลงมาอย่างควบคุมไม่ได้
“อาชิว…” หลีจวินเรียกเสียงเบา แล้วกอดร่างสั่นเทาของมู่หวั่นชิวไว้แน่น