“พี่สาม…” รับรู้ถึงบรรยากาศหนักอึ้งไหลเวียนอยู่รอบตัว กดจนหลิ่วเฟิ่งรู้สึกหายใจไม่ออก นางจึงกุมมือหร่วนอวี้ไว้ทันทีแล้วเอ่ยเรียกเสียงเบา
รู้สึกคล้ายว่ามือเล็กอ่อนนุ่มของมู่หวั่นชิวยื่นมา หร่วนอวี้จึงดึงมากอดแน่นในอ้อมกอด สองมือลูบมือเล็กไปมาอย่างแรงพลางก้มลงมาจุมพิตอย่างรวดเร็วราวลมฝนโปรยปรายลงมา
ร่างหลิ่วเฟิ่งพลันสั่นเทา นางตะลึงไปชั่วครู่ก่อนจะครางออกมา แล้วโผเข้าหาหร่วนอวี้ “พี่สาม…” นางหายใจหอบพึมพำเสียงเบา มือเล็กไล้ตามสาบเสื้อเลื่อนเข้าไปตรงแผ่นอกของเขา
หร่วนอวี้สั่นสะท้านไปทั่วร่าง กระชากเปิดเสื้อของหลิ่วเฟิ่ง เนินเนื้อขาวราวหิมะคู่หนึ่งพลันปรากฏให้เห็นในทันที เขาส่งเสียงคำรามเบาๆ แล้วงับเม็ดสีแดงที่สั่นระริกเม็ดนั้นเอาไว้
แรงกระตุ้นลึกถึงกระดูกพลันซาบซ่านไปทั่วร่างในทันที หลิ่วเฟิ่งครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “อย่านะ…” แม้ปากจะบอกว่าอย่า ทว่ามือกลับจับร่างของหร่วนอวี้แน่นขึ้น นางอยากให้เขาทำอะไรสักอย่างเพื่อมาเติมเต็มความว่างเปล่าที่ส่งมาจากส่วนล่าง
หร่วนอวี้ปล่อยยอดทรวงอกแล้วก็จูบแก้มของนาง “อาชิว…” เขาเอ่ยเรียกเสียงเบา “จะให้ข้าทำอย่างไร เจ้าจึงจะยอมแต่งงานกับข้า” รู้สึกว่าร่างในอ้อมกอดแข็งแกร่ง หร่วนอวี้ก็ตกใจพลันได้สติคืนมาเช่นกัน “อาเฟิ่ง…”
เขาผลักตัวหลิ่วเฟิ่งที่กึ่งเปลือยออกจากอ้อมกอด ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
ดวงตางามเบิกโต หลิ่วเฟิ่งจ้องตรงไปที่หร่วนอวี้
ผ่านไปครู่ใหญ่ นางกระโดดลงมายืนบนพื้นทันที
เพียะๆ นางตบหน้าหร่วนอวี้อย่างแรง แล้วรวบปิดเสื้อวิ่งออกไป
ถูกหญิงสาวตบหน้าเช่นนี้ ผ่านไปนาน หร่วนอวี้ที่เอามือทาบหน้าก็ดึงสติคืนมา เขามีสีหน้าลำบากใจ มือกำเป็นหมัดแน่น เส้นเลือดหลังมือขึ้นนูนออกมา ทว่าเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้อันเศร้าสลดของหลิ่วเฟิ่งดังลอยมาจากนอกประตูแล้ว เขาก็คลายมือออกอย่างไร้เรี่ยวแรง
“อาเฟิ่ง…” เขาเรียกเสียงเบาพลางยื่นมือออกไป แต่กลับไม่ได้ไล่ตามไป
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่
หร่วนอวี้จึงค่อยๆ หยิบเม็ดหอมครึ่งเม็ดบนโต๊ะขึ้นมา ห้านิ้วขยับเบาๆ เม็ดหอมก็แหลกกลายเป็นผงในทันที ร่วงไหลออกมาตามร่องนิ้วอย่างช้าๆ ลงไปในไฟเทียน พลันเปลี่ยนเป็นควันในทันใด
กลิ่นควันหอมกรุ่นราวกับดอกไม้ไฟยามเที่ยงคืน…
มิน่าเล่าหลีจวินจึงปกป้องนางถึงเพียงนั้น มิน่าเล่าตนเองเอ่ยปากขอนางหลายครั้งแล้ว หลีจวินกลับใช้สาวงามมากถึงสิบคนมาแลกเปลี่ยนอย่างไม่เสียดาย มิน่าเล่าหลีจวินจึงเป็นปรปักษ์กับเขาโดยไม่เสียดาย ไม่ว่าอย่างไรก็จะคุ้มครองความปลอดภัยของนางให้ได้ ที่แท้…เขาควรรู้แต่แรกแล้วว่านางเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง!
หร่วนอวี้ที่รู้ว่าหลีจวินชอบคนมีความสามารถมากเพียงใด คิดเรื่องราวมากมายออกในทันที
กู่ฉินเคยพูดว่าที่นางแสดงความโดดเด่นครั้งหนึ่งในงานประชันเครื่องหอมที่เมืองซั่วหยางได้นั้นเป็นเพราะนางขโมยสูตรลับคนอื่นมาสร้างชื่อเสียง นางเป็นเพียงคนโง่เขลาไร้ปัญญา ทว่าแท้จริงแล้วสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นหลีจวินที่ทำให้คิดไปทั้งสิ้น
หลีจวินอาจจะพบการทรยศของกู่ฉินนานแล้ว ขณะเดียวกันก็พบว่ามู่หวั่นชิวเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งจึงตั้งใจจะดึงนางออกจากกำมือของกู่ฉิน แอบคุ้มครองบ่มเพาะไว้ก็เพื่อเตรียมป้องกันการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นเช่นในวันนี้
กู่ฉินเป็นหมากที่ถูกตระกูลหลีโยนทิ้งนานแล้ว
มู่หวั่นชิวต่างหากจึงจะเป็นหมากลับแท้จริงของตระกูลหลี เป็นดวงดาวที่โผล่ขึ้นมาในวันพรุ่งนี้!
คิดถึงหลีจวินแย่งนางไปจากมือตนเองหลายครั้ง คิดถึงนางที่เคยบอกว่าชอบหลีจวิน เพียงชั่วครู่หลังกำปั้นของหร่วนอวี้ก็ขึ้นเป็นเส้นเขียว กล้ามเนื้อข้างแก้มกระตุก เขาพรวดพราดยืนขึ้นมาแล้วรีบเดินออกไป…