ทดลองอ่าน
ยอดหญิงเซียนเครื่องหอมเล่มห้า บทที่สาม
“ใต้เท้าทำร้ายนางยังไม่พออีกหรือ” เห็นหร่วนอวี้ไม่พูดจา หลีจวินก็พูดอีกว่า “ในเมื่อชอบพอนาง เหตุใดใต้เท้าจะต้องทำร้ายทั้งสองฝ่ายจนไม่เหลือชิ้นดีเช่นนี้ด้วย จนถึงขั้นพบหน้ากัน…สองฝ่ายเป็นต้องแค้นกัน”
ไม่ใช่เพราะกลัวหร่วนอวี้ทำการเหี้ยมโหดหรือลงมืออำมหิตทำให้คนยากที่จะป้องกัน ยิ่งถ้าให้หลีจวินนึกถึงแต่ตนเองก็ว่าไปอย่าง แต่ที่เขามาพูดเช่นนี้เป็นเพราะมู่หวั่นชิวถูกหร่วนอวี้เฝ้าคิดถึงตามติด ซึ่งในความคิดเขานี่มิใช่เรื่องที่ดีเลย
ที่สำคัญที่สุดคือชื่อเสียงมู่หวั่นชิวถูกหร่วนอวี้ทำลายไปแล้ว นางทุกข์มามากพอแล้วกระมัง เขาย่อมไม่อยากเห็นนางได้รับอันตรายใดๆ อีก
“พบหน้ากัน สองฝ่ายเป็นต้องแค้นกัน…” หร่วนอวี้พึมพำซ้ำอีกรอบ ความเกลียดแค้นล้นฟ้าในดวงตามู่หวั่นชิวพลันปรากฏต่อสายตาเขาอีกครั้ง เขาแอบคิดว่า…ถ้าวางความเกลียดแค้นลง บางทีนางอาจจะเห็นว่าข้าดีกับนาง แล้วมาดูแลหัวใจข้าอย่างดีกระมัง
แต่ว่าข้าต้องทำอย่างไรจึงจะทำให้นางปล่อยวางความเกลียดแค้นล้นฟ้านั้นลงได้
คิดถึงเรื่องเหล่านี้หัวใจหร่วนอวี้พลันปวดหนึบอีกครั้ง ปากก็พูดว่า “เรื่องของข้า ไม่ต้องให้เจ้ายุ่ง!” ในดวงตาฉายความสิ้นหวัง เขาหมุนตัวจะเดินจากไป
บุกเข้ามาในใจเขา กลับไม่ต้องการเขา
ทุกอย่างระหว่างเขากับนางจะปล่อยให้นางเป็นคนตัดสินใจทั้งหมดได้อย่างไร
กักขังนางทั้งชาติแล้วอย่างไร ในเมื่อไม่สามารถทำให้นางปล่อยวางความแค้นในใจลงได้ เช่นนั้นก็ให้นางเพิ่มความแค้นขึ้นไปอีกก็แล้วกัน แม้ไม่ได้หัวใจของนาง…เขาก็ต้องได้ตัวนาง!
หลีจวินขยับตัวไปขวางหน้าเขาไว้
หร่วนอวี้ไม่คิดอะไรอีก เขายกมือซัดออกไป หลีจวินก็ไม่พูดอะไรเช่นกันหากวาดฝ่ามือปะทะเข้าหา จากทุ่งโล่งจนลึกเข้าไปในเขา แล้วไล่ตามจากตีนเขาไปถึงบนยอดเขา ทั้งสองไม่อาจแยกความเหนือชั้นกันได้ เมื่อเห็นว่าใช้ความพยายามจนสุดความสามารถแล้วก็ยังสลัดหลีจวินไม่หลุด หร่วนอวี้จึงหยุดชะงักทันใด
“เจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่!”
“ข้าชอบนาง!” ตรงข้ามกับความสบายอารมณ์ที่ผ่านมา หลีจวินมีสีหน้าขึงขัง “มีข้าอยู่ ข้าไม่อนุญาตให้ใครทำร้ายนาง! ถ้าใต้เท้าหร่วนชอบนางเช่นกัน พวกเรามาแข่งขันกันอย่างยุติธรรมได้ ใต้เท้าหร่วนมีวิธีอะไรก็พุ่งมาที่ข้าคนเดียวเถอะ หวังว่าใต้เท้าหร่วนจะไม่ใช้วิธีร้ายกาจกับนางอีก อย่า…” น้ำเสียงนั้นกลายเป็นเข้มขึ้น เขาพูดต่อทีละคำ “ทำร้าย…นาง…อีก”
เขาชอบนาง!
ไม่ใช่เพียงเพราะนางเป็นอัจฉริยะเท่านั้น!
ได้ยินผู้ที่เสมือนเทพหยิ่งยโสยอมรับว่าชอบมู่หวั่นชิว หร่วนอวี้ก็เชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริงทันที ที่ผ่านมาหลีจวินนั้นเย่อหยิ่งไม่สนใจสตรีมาตลอด ชอบแต่ผู้มีความสามารถ เขายอมใช้เงินจำนวนมากและไม่เลือกวิธีที่จะดึงตัวคนเอาไว้ แต่จะไม่พูดว่าชอบเด็ดขาด ยิ่งไม่มีทางลดตัวมาเจรจากับตนเองเช่นนี้
สำหรับสตรีผู้หนึ่งหากหลีจวินสามารถพูดคำว่า ‘ชอบ’ ออกจากปากได้ก็ย่อมต้องชอบจริงๆ
นึกถึงมู่หวั่นชิวที่เคยบอกกับตนเองว่านางชอบหลีจวิน ความอิจฉาล้นฟ้าพลันเอ่อล้นเต็มอกในทันที
การแข่งขันอย่างยุติธรรมอะไรกัน!
ต่อหน้าคนงามคู่นี้ หากเขาไม่ใช้วิธีที่เด็ดขาดยังจะมีโอกาสอีกหรือ!
หร่วนอวี้สบถเสียงเย็นชาพลางก้าวเท้าเดินไป
หลีจวินขยับตัวมายืนตรงหน้าหร่วนอวี้อีกครั้ง มองเขาด้วยสายตาเยือกเย็น
จ้องใบหน้างามสง่าเหนือคนทั่วไปตรงหน้าแล้ว ความโมโหก็ทะลักล้นในใจหร่วนอวี้ทันที เขามีสีหน้าเขียวคล้ำ ยกฝ่ามือขึ้นเดินพลังจนเต็มเปี่ยมแล้วก็ซัดไปยังคนตรงหน้า ทว่าน่าแค้นใจนักที่ไม่สามารถทำให้ต้นไม้หยกลู่ลมตรงหน้าต้นนี้สลายกลายเป็นเนื้อบดได้
แทบจะเป็นเวลาเดียวกัน หลีจวินพลันยกมือขึ้นตั้งรับ เมื่อสี่ฝ่ามือประสานกันก็เกิดเป็นเสียงดังสนั่นราวกับเขาถล่มแผ่นดินแยก ยอดเขาสูงใต้ฝ่าเท้าถูกแรงกระแทกกลายเป็นที่ราบในทันที ฝ่ามือทั้งสี่แนบติดกันแน่นสนิท ขณะเดียวกันร่างของคนทั้งสองก็ค่อยๆ ลอยขึ้น ก่อนจะพุ่งตรงไปที่แนวสันเขาท่ามกลางฝุ่นควันที่คลุ้งปกคลุมไปทั่ว
ฝุ่นควันจางลงไปบ้างแล้ว รอบข้างพลันเงียบสงบราวกับป่าช้า คนสองคนยืนเผชิญหน้าอย่างเงียบงันห่างกันราวหนึ่งจั้งแล้ว ทั้งหลีจวินและหร่วนอวี้ก็ล้วนไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง สายตาที่มองอีกฝ่ายมีความนับถือและชื่นชมเพิ่มเข้ามา นั่นเป็นความรู้สึกที่วีรบุรุษเสียดายวีรบุรุษ ต่างชื่นชมอีกฝ่ายอย่างจริงใจ…
น่าเสียดาย…พวกเขากลับถูกกำหนดให้ต้องเป็นศัตรูกัน
ผ่านไปครู่ใหญ่หร่วนอวี้ก็หมุนตัวก้าวยาวลงเขาไป
หลีจวินยืนนิ่งไม่ขยับเพียงตะโกนไล่หลังหร่วนอวี้ “นางเป็นหญิงดีที่ควรค่าให้รักถนอมไปชั่วชีวิต และเป็นหญิงที่หัวแข็งดื้อรั้น ถ้าใต้เท้าหร่วนคิดจะใช้วิธีเด็ดขาดจริง ท่านต้องจำไว้ว่านางยินดีตาย แต่จะไม่ยอมทรยศหัวใจตนเอง!”
แม้จะวางคนจากหน่วยเงาที่ดีที่สุดของตระกูลหลีไว้ข้างกายนาง แม้จะมีเขาคอยคุ้มครองนางไม่ห่างกาย แต่ก็มีเวลาที่คนเราสะเพร่ากันได้ เพื่อป้องกันเรื่องที่ไม่คาดคิด เขาก็จำต้องตัดความคิดเลวร้ายของหร่วนอวี้ทิ้งไปเสียก่อน!
‘…นางยินดีตาย แต่จะไม่ยอมทรยศหัวใจตนเอง!’
‘…นางยินดีตาย แต่จะไม่ยอมทรยศหัวใจตนเอง!’
‘…นางยินดีตาย แต่จะไม่ยอมทรยศหัวใจตนเอง!’
เสียงหนักแน่นราวระฆังเตือนตีลงข้างหูของหร่วนอวี้ สะเทือนจนหูของเขาอื้อ ตรงหน้าพลันปรากฏภาพของมู่หวั่นชิวยกกระบี่จ่อคอในวันนั้น ท่าทีของนางตัดสินใจแล้วที่จะเชือดคอตนเอง ร่างหร่วนอวี้ก็สั่นเทา ตัวเซจนแทบจะล้มลงทั้งยืน
หลีจวินพูดไว้ไม่ผิด หากเขากักขังนาง บังคับเพื่อจะให้ได้ตัวนาง ชั่วขณะต่อมานางก็จะตายต่อหน้าเขา
เมื่อคิดว่านางอาจจะตาย คิดว่าเขาอาจจะเสียนางไปตลอดกาล ความกลัวอันไร้ขอบเขตก็พุ่งขึ้นมาภายในใจ เขาเกิดความรู้สึกสิ้นหวังในหัวใจทันที เพียงชั่วครู่ต้นไม้ข้างหลังหร่วนอวี้ก็ลู่ไปด้านหลังพร้อมกัน รอยแตกกว้างหนึ่งชุ่นใต้ฝ่าเท้าของเขาก็กระจายตัว แตกยาวกลายเป็นวงกว้างในทันที…
เสียงคำรามเสียงหนึ่งดังยาวก้องฟ้า หร่วนอวี้พลันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตา เหลือทิ้งไว้เพียงหลุมใหญ่ลึกสองฉื่อครึ่ง…
ผ่านไปครู่ใหญ่รอบด้านก็เงียบสงบลง
ชายเสื้อสีดำพลิ้วไหว หลีจวินยืนนิ่งเงียบอยู่กลางสายลม มองไปทางทิศที่หร่วนอวี้หายตัวไปแล้ว เขาจึงผ่อนลมหายใจยาว เขาปล่อยวางความคิดเลวร้ายนั้นไปได้จะดีที่สุด
เมื่อครู่บนหลังคาบ้านเขารับรู้ได้ถึงรังสีความคิดเลวร้ายที่รุนแรง
ในตอนนั้นหร่วนอวี้คงคิดจะชิงตัวนางไป จากนั้นก็กักขังตัวนางไว้ชั่วชีวิตกระมัง
หลีจวินคิดอย่างหวาดกลัว เพียงโบกมือตรงจุดที่หร่วนอวี้ยืนอยู่เมื่อครู่ ไม่ว่าจะหลุมใหญ่หรือรอยแยกก็ล้วนประสานกลับเป็นดังเดิมในทันที ราวกับไม่เคยมีใครยืนอยู่มาก่อน