ทดลองอ่าน
ยอดหญิงเซียนเครื่องหอมเล่มห้า บทที่สาม
จนกระทั่งท้องฟ้าสว่าง หร่วนอวี้จึงปรากฏตัวที่หน้าประตูจวนผู้บัญชาการ เพียงชั่วข้ามคืนเขาดูเหมือนจะแก่ลงไปมาก บนใบหน้าคมคายได้รูปดูห่อเหี่ยวมากขึ้น
“ใต้เท้าไปที่ใดมาทั้งคืนขอรับ” หร่วนซีที่รออยู่หน้าประตูจวนผู้บัญชาการพอเห็นหร่วนอวี้ก็รีบเดินมาหา เห็นสีหน้าผิดปกติของอีกฝ่าย เขาก็กลั้นลมหายใจเดินตามหลังหร่วนอวี้ไปอย่างเงียบๆ
“เครื่องหอมปล้นกลับมาหมดแล้วหรือ…” เดินตรงเข้าห้องแล้ว หร่วนอวี้จึงเอ่ยปากถาม
มือที่เทชาอยู่ชะงักไป หร่วนซีวางกาน้ำชาลงแล้วทรุดตัวลงคุกเข่า “ข้าน้อยไร้ความสามารถ เมื่อคืนทำพลาดแล้ว…”
ทำพลาด?!
นิ่งอึ้งไปชั่วครู่หร่วนอวี้จึงพรวดพราดลุกขึ้นมา “ทำพลาดได้อย่างไร” แล้วตบโต๊ะอย่างแรง “…พวกเศษสวะ!”
“ข้าน้อยไร้ความสามารถ…” หร่วนซีตัวสั่น “ข้าน้อยประมาทเองที่ประเมินองครักษ์ตระกูลหลีต่ำเกินไป…” เห็นหร่วนอวี้มองด้วยสายตาดูหมิ่น เขาจึงพูดอีกว่า “องครักษ์ที่คุ้มกันเครื่องหอมชุดนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อน ทุกคนล้วนเป็นยอดฝีมือ รุกเข้ามาโดยไม่ห่วงชีวิต พวกเราเสียพี่น้องไปห้าหกคนก็ยังชิงไม่ได้แม้แต่ตัวอย่าง ข้าน้อยเห็นว่าถ้ายังยืดเยื้อต่อไปจะยิ่งเสียหายจึงสั่งให้ถอนกำลังกลับมา…” แล้วพูดพึมพำว่า “ข้าน้อยสงสัยว่าคนกลุ่มนี้คือหน่วยเงาที่ตระกูลหลีแอบชุบเลี้ยงเช่นที่ผู้คนเล่าลือกัน…
ข้างนอกเล่าลือกันว่าตระกูลหลีแอบซ่องสุมนักฆ่าหน่วยเงาไว้กลุ่มหนึ่ง ทุกคนล้วนมีวรยุทธ์ล้ำเลิศ เป็นมารที่ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา
ภายในห้องเงียบเสียงลง
เหงื่อเม็ดโตไหลลงมาตามหน้าผากของหร่วนซี เขาได้ยินกระทั่งเสียงหยดเหงื่อที่ตกลงกระทบพื้นหิน หัวใจพลันรัดแน่นเป็นก้อน
“เจ้าลุกขึ้นเถอะ” ผ่านไปครู่ใหญ่ หร่วนอวี้จึงถอนหายใจ
“ใต้เท้า…” หร่วนซีแทบจะทรุดนั่งบนพื้น เขาเงยหน้าขึ้นอย่างยากจะเชื่อ
หร่วนอวี้ทำการใดล้วนเด็ดเดี่ยวเหี้ยมโหด ให้รางวัลลงโทษอย่างชัดเจนไม่แบ่งแยกคนสนิท แล้วครั้งนี้เหตุใดจึงไม่ลงโทษเขาเล่า
“ข้าประมาทเอง…” ราวกับล่วงรู้ความคิดในใจของหร่วนซี หร่วนอวี้จึงพูดทอดถอนใจ
เครื่องหอมชุดนี้เกี่ยวพันถึงชะตาชีวิตของคนตระกูลหลี หากถูกปล้นชิงไปผลลัพธ์คงยากจะคาดคิดได้ แล้วเหตุใดตระกูลหลีจะไม่ส่งหน่วยกล้าตายมือดีที่สุดมาเล่า เป็นเขาเองที่รีบร้อนให้หร่วนซีนำองครักษ์ที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันไปปล้นชิงเครื่องหอม ซึ่งเป็นเพราะเมื่อวานเขาถูกฉินต้าหลงและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงทำให้เกิดความงุนงง
“ขอบคุณใต้เท้าที่ไม่เอาผิดขอรับ!” ผ่านไปครู่ใหญ่หร่วนซีจึงรู้สึกตัว เขาโขกหัวขอบคุณไม่หยุด
“เจ้าลุกขึ้นเถอะ…” หร่วนอวี้ยกถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมา
หร่วนซีรับคำแล้วลุกขึ้นยืน “ข้าน้อยเหลือคนไว้สะกดรอยตามสินค้าชุดนั้น ใต้เท้า…” อยากจะพูดว่าใต้เท้าวางใจได้ คืนนี้ข้าน้อยไม่พลาดอีกแน่นอน แต่คำพูดมาถึงริมฝีปาก เขาก็นึกถึงการสู้ศึกอันยากลำบากเมื่อคืนนี้ขึ้นมา ความบ้าดีเดือดสู้ไม่คิดชีวิตขององครักษ์ตระกูลหลีเหล่านั้น เพียงแค่คิดก็ทำให้หัวใจเขาสั่นไม่หยุด เสียงพูดจึงขาดห้วงไป
แม้จะทำการปรับแผนกันทั้งวัน หรือเตรียมการมาพร้อมสรรพเพียงใด แต่คืนนี้จะสำเร็จได้แน่หรือ
แม้แต่เมื่อคืนบุกโจมตีโดยไม่ให้ตั้งตัวแล้วแท้ๆ ก็ยังไม่สำเร็จเลย คืนนี้ตระกูลหลีจะต้องเพิ่มการป้องกันมากขึ้นอย่างแน่นอน!
“รีบไปที่ค่ายกองกำลังลับรวบรวมกำลังคนมาสามสิบคน…” ดื่มน้ำชาทีละอึกๆ จนกระทั่งเห็นก้นถ้วยชา หร่วนอวี้จึงเงยหน้าขึ้น มือหนึ่งหยิบป้ายหยกสีเขียวเข้มจากข้างเอวโยนไปให้หร่วนซี
“ใต้เท้าจะโยกกำลังหน่วยกล้าตายของตระกูลหร่วนหรือขอรับ…” รับป้ายหยกมาแล้ว หร่วนซีก็มองหน้าหร่วนอวี้อย่างตกใจ
ค่ายกองกำลังลับเป็นค่ายซ่องสุมของตระกูลหร่วน ก่อตั้งเมื่อสิบปีก่อน คนที่ชุบเลี้ยงเอาไว้ล้วนจงรักภักดีต่อหร่วนอวี้ เป็นคนเก่งที่ไม่กลัวตาย ค่ายซ่องสุมนั้นถือเป็นค่ายลับสุดยอดของหร่วนอวี้ที่แม้แต่หลิ่วอู่เต๋อก็ยังไม่รู้ แต่เพียงเพื่อจะต่อกรกับตระกูลหลีแล้ว หร่วนอวี้กลับจะโยกกำลังลับส่วนตัว!
“ใต้เท้า…” เห็นหร่วนอวี้นิ่งเงียบไม่พูดจา หร่วนซีจึงเรียกเขาแล้วเทน้ำชาใส่ถ้วยชาในมือหร่วนอวี้จนเต็มอย่างระวังตัว
อิงอ๋องกับหลิ่วอู่เต๋อต่างก็ล้วนจับจ้องเครื่องหอมของตระกูลหลีชุดนี้อยู่ หร่วนอวี้โยกกำลังลับส่วนตัวเช่นนี้ หากถูกอิงอ๋องกับหลิ่วอู่เต๋อพบและเพ่งเล็งเข้า ภายหน้าคงไม่มีคนมาคอยสนับสนุนแล้ว
หากเป็นจริงดังนี้วันหน้าหร่วนอวี้โกรธเคืองกับอิงอ๋องและหลิ่วอู่เต๋อขึ้นมาจะทำเช่นใดเล่า
คิดถึงความสัมพันธ์ที่กำลังอยู่ในขั้นวิกฤตของหร่วนอวี้กับหลิ่วเฟิ่งแล้ว หร่วนซีก็รู้สึกขนลุกชัน เขามองหน้าหร่วนอวี้อย่างตึงเครียด
“ให้พวกเขาสวมชุดองครักษ์จวนผู้บัญชาการทั้งหมด ก่อนยามสามคืนนี้ไปซุ่มที่เขาชังเหยียน” หร่วนอวี้ครุ่นคิดอย่างจริงจัง “จากนั้นซีเอ๋อร์ค่อยนำองครักษ์สามสิบคนไปทำเช่นนี้…” หร่วนอวี้โน้มตัวลงมาพูดเสียงเบา
หร่วนซีตั้งใจฟัง ก่อนจะเบิกตาโตอย่างตกใจ “ใต้เท้าจะลงมือเองเลยหรือ ให้ข้าน้อยคอยคุ้มกันเท่านั้น ทำให้นายท่านกับอิงอ๋องสับสน?” ดวงตาเปล่งประกายขึ้นมา “แผนดีๆ…ใต้เท้าลงมือเอง ครั้งนี้ตระกูลหลีก็หนีไม่พ้นแล้ว และกำลังคนสองทางที่ซุ่มซ่อนอยู่ที่เดียวกันมาปลอมตัวแล้วเปลี่ยนกันโจมตีเช่นนี้ ต่อให้หลิ่วอู่เต๋อกับอิงอ๋องสายตาแหลมคมเพียงใดก็ดูไม่ออกแน่ว่าคนที่ลงมือปล้นสินค้าคือคนมีฝีมืออีกกลุ่มหนึ่งของตระกูลหร่วน!”
หร่วนซีพยักหน้ารับคำ มองหร่วนอวี้อย่างนับถือ
น้ำชาในมือค่อยๆ มีควันลอยขึ้นมา ในดวงตาหร่วนอวี้ฉายความโหดเหี้ยม
“หลีจวิน นี่เจ้าทำให้ข้าต้องต่อกรกับเจ้าเองนะ!”
มีเพียงตระกูลหลีล่มสลาย หลีจวินตายแล้ว มู่หวั่นชิวจึงจะยอมหันมามองหน้าเขาอย่างจริงจังกระมัง