ทดลองอ่าน
ยอดหญิงเซียนเครื่องหอมเล่มห้า บทที่สาม
โม่เสวี่ยเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาในใจ
“คุณหนู…” นางรีบลุกขึ้น วิ่งตามไปพร้อมเสียงสะอื้น
“อาชิว…” หร่วนอวี้ที่กำลังจะเคาะประตูหน้าคฤหาสน์ตระกูลไป๋เห็นมู่หวั่นชิวออกมา เขาจึงเรียกอีกฝ่ายอย่างยินดี “อาชิว”
มู่หวั่นชิวมองหร่วนอวี้ที่มีชีวิตชีวาคล้ายว่าไม่รู้จัก นางพลันเข้าใจกระจ่างขึ้นมา…เครื่องหอมของข้าถูกเขาปล้นชิงไปแล้ว! เพื่อให้หลิ่วเฟิ่งมีชื่อเสียง เพื่อถอนรากถอนโคนตระกูลหลี อยู่ในเขตเมืองต้าเยี่ยเช่นนี้มีเพียงเขาที่มีความสามารถและกล้าไปลงมือปล้นชิงเครื่องหอมของตระกูลหลี! ความคิดมาถึงตรงนี้ มู่หวั่นชิวก็ผลักหร่วนอวี้ออกทันที “ไสหัวไป!”
พอคำพูดออกจากปาก แม้แต่มู่หวั่นชิวก็ยังตกตะลึง
“อาชิว…” ราวกับสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บ หร่วนอวี้มีเส้นเลือดปรากฏในดวงตาทันใด เขามองหน้ามู่หวั่นชิวอย่างฉุนเฉียว
โม่เสวี่ยที่วิ่งตามออกมาตกใจจนตัวสั่น “ใต้เท้าหร่วนอย่าถือสาเลยเจ้าค่ะ…” นางพูด “ได้ยินว่าเครื่องหอมที่ทำออกมาสำหรับงานพระราชพิธีอภิเษกขององค์หญิงหมิงอวี้ถูกปล้นชิงไป คุณหนูจึงอารมณ์ไม่ดี”
นางดึงตัวมู่หวั่นชิวที่กำลังจ้องตาหร่วนอวี้อย่างเคียดแค้นเย็นชา ปากก็พูดปลอบ
“บางทีนี่อาจจะเป็นแค่ข่าวลือ คุณหนูตามบ่าวกลับไปเถอะ บ่าวกำลังจะส่งคนไปถามคุณชายหลีให้ชัดแจ้ง…” นางพยายามซ่อนตัวมู่หวั่นชิวไว้ด้านหลัง หลบหลีกสายตาบีบบังคับของหร่วนอวี้
เครื่องหอมถูกปล้นชิงไป!
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ และมองดวงตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดแค้นตรงหน้าคู่นี้แล้ว ในใจหร่วนอวี้ก็เจ็บปวดรวดร้าว ใช่แล้วๆ เครื่องหอมที่ข้าปล้นชิงไปชุดนั้นออกมาจากมือนาง! นางที่หลงใหลการปรุงเครื่องหอม สิ่งที่นางปรารถนาที่สุดคงเป็นการที่เครื่องหอมของตนเองได้รับการยอมรับจากคนทั้งใต้หล้ากระมัง องค์หญิงหมิงอวี้ทรงเลือกเครื่องหอมมาจากทั่วแคว้น สิ่งนี้สำหรับนักปรุงเครื่องหอมแล้วถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง แต่ว่าข้ากลับขัดขวางอนาคตของนาง…
ความฉุนเฉียวหายไปอย่างรวดเร็ว มองดูดวงตาลึกล้ำตรงหน้าคู่นี้แล้ว มีอยู่แวบหนึ่งที่หร่วนอวี้อยากจะบอกนางเหลือเกินว่าเครื่องหอมชุดนั้นเขาเป็นคนปล้นชิงไปเอง ทว่าไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ตัวนาง แต่พุ่งเป้าไปที่ตระกูลหลี หากนางพอใจแล้ว เขาก็จะคืนเครื่องหอมชุดนั้นให้นางตอนนี้เลย!
แต่ว่าคำสั่งลับของอิงอ๋องเขาจะกล้าขัดได้อย่างไร!
“อาชิว…” หร่วนอวี้เรียกอีกฝ่ายเสียงเบา เมื่อประสานเข้ากับดวงตาที่มีความแค้นล้นฟ้าและร่างที่ไหวเอนของมู่หวั่นชิวแล้ว ร่างเขาก็ราวกับจะไหวเอนล้มลงไปด้วยเช่นกัน เขาไม่ได้คิดเช่นนั้นเลย เขาหวังจากใจจริงว่านางจะมีชีวิตที่ดี แต่ทุกครั้งที่เจอนางเขาล้วนทำร้ายนางอย่างไม่ตั้งใจ ผลักนางให้ไปไกลกว่าเดิมทุกครั้ง
มู่หวั่นชิวผลักตัวโม่เสวี่ยที่ขวางตรงหน้าออกพลางจ้องตรงไปที่หร่วนอวี้
นางอยากจะถามเขาว่าเครื่องหอมชุดนั้นถูกเขาปล้นชิงไปใช่หรือไม่
เหตุใดเขาจึงเห็นนางได้ดีไม่ได้!
หากบอกว่านางเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกับเขาได้ ในชาติก่อนเขาก็ได้แก้แค้นนางเป็นสิบเท่าร้อยเท่าแล้วมิใช่หรือ นี่เขายังกลั่นแกล้งนางไม่พออีกหรือไร
ชาตินี้ก็ยังจะทำเช่นนี้ ค่อยๆ บีบบังคับนาง!
หรือแค้นนี้จะต้องให้นางชดใช้ไม่หยุดหย่อนไปทุกชาติเลยหรือ
เช่นนั้น…บัญชีเลือดทั้งตระกูลของนางจะให้ไปขอคืนจากใครเล่า
ริมฝีปากขยับ มู่หวั่นชิวอ้าปาก แต่เศษเสี้ยวของสติที่เหลืออยู่ในใจคอยย้ำเตือนนางไว้
นางไม่อยู่ในฐานะที่จะสอบถามหร่วนอวี้ได้!
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน
มู่หวั่นชิวจึงเดินผ่านเขาไปอย่างช้าๆ ตรงไปข้างหน้า
หร่วนอวี้หันไปคว้าตัวนางไว้ แล้วเอ่ยปากเรียก “อาชิว…”
“…ปล่อยมือ!” มู่หวั่นชิวสลัดตัวออกจากเขา ดวงตาลึกล้ำปกคลุมด้วยม่านเลือด นางมองหร่วนอวี้อย่างดุร้าย
“อาชิว…ข้า…” ในใจสั่นไหว หร่วนอวี้ขยับริมฝีปาก แต่ไม่รู้ว่ายามเผชิญหน้ากับมู่หวั่นชิวที่เป็นเช่นนี้ เขายังจะพูดอะไรได้อีก
“ใต้เท้าหร่วน…” ขณะกำลังนิ่งเงียบกันอยู่นั้น เสียงของหลีจวินก็ดังขึ้นด้านหลัง
หร่วนอวี้ร่างเกร็งไปทันที เขาหมุนตัวไปอย่างช้าๆ
ร่างในชุดขาวปลิวพลิ้วล่องลอยราวกับยืนอยู่บนปุยเมฆนุ่มบนฟ้าสูง สงบนิ่งเป็นธรรมชาติ ทำให้ทุกสิ่งรอบข้างมืดมนไร้สีสันไปโดยพลัน นั่นคือหลีจวิน เขากำลังเคาะพัดพับในมือเดินเร็วเข้ามา
“พี่หลี…” ทันทีที่เห็นว่าเป็นเขา มู่หวั่นชิวก็เดินเข้าไปหาอย่างตื่นเต้นยินดี “เครื่องหอมชุดนั้นถูกปล้นชิงไปจริงหรือ”
ในใจเพียงคำนึงถึงเรื่องเครื่องหอมถูกปล้นชิงไปหรือไม่ มู่หวั่นชิวถึงกับลืมไปว่าหร่วนอวี้ยังอยู่ที่ข้างหลัง
“ข้าก็เพิ่งได้ข่าว…” หลีจวินสายตาเย็นเยือกขณะมองเลยตัวนางไปทางหร่วนอวี้
“เป็นเรื่องจริงหรือ…” ภาพตรงหน้ามู่หวั่นชิวพลันดำมืด ร่างอ่อนพับลง
“อาชิว…” หลีจวินกอดนางเอาไว้
“อาชิว…” เห็นหลีจวินอุ้มมู่หวั่นชิวมาหยุดยืนข้างกายตนเองพลางมองมาด้วยสายตาเย็นชาแล้ว หร่วนอวี้ที่ยื่นมือออกไปก็ค่อยๆ วางมือลง ปล่อยให้หลีจวินอุ้มมู่หวั่นชิวเดินผ่านเขาไปอย่างช้าๆ ก้าวทีละก้าวไปยังคฤหาสน์ตระกูลไป๋ที่อยู่ด้านหลังตัวเขา
หร่วนอวี้ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างนิ่งเงียบโดยไม่ขยับเขยื้อน จนกระทั่งได้ยินเสียงประตูด้านหลังปิดดังปัง เขาจึงหมุนตัวกลับทันที เหม่อมองประตูสองบานที่ยังคงสั่นเบาๆ หลังหมัดที่กำแน่นของเขาขึ้นนูนเป็นเส้นเขียว ข้อนิ้วลั่นกร๊อบๆ เสียงดัง…