“อาจารย์ของตระกูลหลิ่ววิเคราะห์แล้ว…” ท่ามกลางความเงียบหลิ่วอู่เต๋อพูดขึ้นอย่างช้าๆ “จุดเด่นใหญ่สุดของเครื่องหอมนี้คืออาจารย์ไป๋กล้าที่จะเติมไขชะมดเช็ดลงไปข้างใน…”
ไขชะมดเช็ด!
ไขชะมดเช็ดทำให้คนเกิดแรงกระตุ้นทางอารมณ์ได้ง่ายที่สุด พูดให้เข้าใจง่ายก็คือมันเป็นยากระตุ้นอารมณ์ชนิดหนึ่งที่คล้ายกับยาปลุกกำหนัด
มิน่าเล่าวันนั้นเขาดมแล้วจึงได้เสียอาการ!
ได้ฟังคำพูดนี้แล้ว หร่วนอวี้กับหลิ่วเฟิ่งก็ลืมตาขึ้น มองไปทางหลิ่วอู่เต๋อพร้อมกัน เมื่อสายตาประสานกันทั้งสองก็มีนิ่งงันไป ก่อนจะเลื่อนสายตาหนีทันที
มั่นใจในท่าทีของคนทั้งสองแล้ว หลิ่วอู่เต๋อก็พยักหน้า “เป็นไขชะมดเช็ด สำหรับคืนแต่งงานวันแรกคงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว กู่ฉินก็เคยลองทำเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่นางไม่อาจขจัดกลิ่นคาวในชะมดเช็ดได้ เว้นเสียแต่เครื่องหอมที่ปรุงออกมานั้นมีกลิ่นเข้มข้นพอที่จะสามารถกลบกลิ่นคาวนั้นได้ ทว่าจุดเด่นใหญ่ที่สุดของเม็ดหอมเศร้าอาดูรก็คือมีกลิ่นหอมสดชื่นอ่อนๆ เหมือนมีแต่ก็เหมือนไม่มี ถ้าหากมีกลิ่นคาวออกมาเพียงเล็กน้อยก็จะทำลายกลิ่นโดยรวมไปหมด ทดสอบไปเกือบร้อยครั้ง สุดท้ายกู่ฉินก็จำต้องทิ้งความคิดนี้…” สายตาหลิ่วอู่เต๋อค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้น แอบคิดในใจว่าอาจารย์ไป๋จัดการจุดด้อยจุดนี้ของไขชะมดเช็ดได้อย่างไร
นี่ก็เป็นข้อสงสัยของอาจารย์หลายคนที่ตระกูลหลิ่วจ้างมาในราคาสูง
“ที่แท้เป็นอย่างนี้เอง…” หลิ่วเฟิ่งกับหร่วนอวี้พยักหน้าพร้อมกัน แต่ว่าหร่วนอวี้ฝืนใจมองหน้าหลิ่วเฟิ่ง แล้วเปลี่ยนประเด็นพูด “ข้าได้ยินว่าไขชะมดเช็ดนี้หากดมมากเกินไปจะทำให้ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ มอบสิ่งนี้ให้องค์หญิงหมิงอวี้…” เสียงพูดขาดห้วงไป
นึกถึงว่าเครื่องหอมนี้มู่หวั่นชิวเป็นคนปรุง หัวใจหร่วนอวี้ก็สั่นไม่หยุด แอบคิดว่าโชคดีที่เม็ดหอมชุดนี้ถูกเขาปล้นชิงมาได้ก่อน ไม่เช่นนั้นแม้นางจะชิงตำแหน่งที่หนึ่งมาได้ในที่สุด ต่อไปหากถูกคนที่คิดร้ายใช้จุดด้อยข้อนี้มาเป็นประโยชน์ เกรงว่ามู่หวั่นชิวคงจะมีความผิดถึงขั้นถูกประหารในข้อหาคิดทำร้ายองค์หญิง!
คนที่คอยปรนนิบัติรับใช้เชื้อพระวงศ์เช่นเขาย่อมรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะล้อเล่นได้
“ถ้ารู้เช่นนี้แต่แรก พี่สามไม่ปล้นชิงเม็ดหอมนี้มาก็ดี…” เพียงชั่วครู่หลิ่วเฟิ่งก็คิดถึงจุดนี้ขึ้นมาเช่นกัน จึงพูดพึมพำ “ให้ตระกูลหลีส่งเครื่องหอมนี้ไป จากนั้นพี่สามค่อยยื่นถวายฎีกา ต่อให้มีสิบตระกูลหลีก็ต้องพ่ายแพ้!”
ในดวงตานางฉายความโหดเหี้ยม
ที่สำคัญไปกว่านั้น มู่หวั่นชิวยังสามารถหายสาบสูญไปจากโลกนี้ได้ด้วย!
เมื่อก่อนหร่วนอวี้อ่อนโยนและรักใคร่นางยิ่งนัก ต่อให้ตนเองจะเอาแต่ใจเพียงใด เขาก็จะยอมถอยให้บ้าง แต่นับจากเกิดความคิดจะรับสตรีผู้นั้นมาเป็นอนุภรรยา สำหรับความเอาแต่ใจของนางนั้นเขาก็ไม่ยอมรับเหมือนเมื่อก่อนอีก ทั้งยังเผยความดื้อรั้นที่น้อยนักจะได้เห็น เวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่เดือนจำนวนครั้งในการทำสงครามเย็นระหว่างคนทั้งสองรวมกันแล้วยังมากกว่าสิบปีที่ผ่านมาเสียอีก และระยะเวลาในการทำสงครามเย็นก็ยาวขึ้นทุกที
เหล่านี้ล้วนมีต้นเหตุมาจากสตรีผู้นั้น มีเพียงอีกฝ่ายตายเท่านั้น นางจึงจะดึงหัวใจของหร่วนอวี้กลับมาได้!
ได้ฟังคำพูดร้ายกาจอย่างยิ่งของหลิ่วเฟิ่งแล้ว นิ้วมือของหร่วนอวี้ก็สั่นเทา เขาบิเม็ดหอมในมือออกเป็นสองส่วน แล้วบี้เป็นผงเล่นในมือ
“…อาเฟิ่งคิดง่ายเกินไปแล้ว ด้วยความฉลาดของหลีจวินจะทำผิดง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร” หลิ่วอู่เต๋อจ้องบุตรสาวอย่างรักใคร่แวบหนึ่ง
“พ่อบุญธรรม…” หร่วนอวี้เงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย
“ไขชะมดเช็ดมีจุดอ่อนข้อนี้ แต่หนึ่งคือใช้ปริมาณน้อย สองคือใช้เพียงในงานมงคล คงไม่กระทบถึงการตั้งครรภ์ขององค์หญิง…”
“แต่ว่า…” หลิ่วเฟิ่งเงยหน้าขึ้นอย่างไม่ยินยอม
“อาเฟิ่งไม่ได้สกัดด้วยตัวเอง ถึงไม่ได้ตั้งใจอ่านกฎการเข้าแข่งขันที่ฝ่าบาททรงร่างไว้…” หลิ่วอู่เต๋อหยิบสมุดสีเหลืองอ่อนเล่มหนึ่งออกมาจากท้องแขนเสื้อยื่นให้หลิ่วเฟิ่ง “อาเฟิ่งดูเองสิ กฎการคัดเลือกในครั้งนี้ ไขชะมดเช็ดสามารถเอามาใช้ได้ แต่ว่าจำกัดในด้านของปริมาณ…” ตอนแรกที่ได้ยินปรมาจารย์กู่บอกว่าในเม็ดหอมเศร้าอาดูรของตระกูลหลีมีไขชะมดเช็ดอยู่ด้วย เขาก็คิดถึงสิ่งเหล่านี้ หากไม่ได้ตรวจดูกฎของราชสำนัก เขาคงจะยับยั้งการกระทำของหร่วนอวี้ในคืนนี้ไปแล้ว
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง…” เพียงพลิกดูหน้าหนึ่ง หลิ่วเฟิ่งก็โยนสมุดไปด้านข้างอย่างเศร้าใจ
หร่วนอวี้ขมวดคิ้ว ยื่นมือไปหยิบมาแล้วก้มหน้าลงพลางพลิกเล่น
“เม็ดหอมนี้แค่ดมกลิ่นก็ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าสูตรของกู่ฉินแล้ว และมี…” หลิ่วอู่เต๋อพยายามค้นหาคำในสมอง “สิ่งที่มีชีวิตชีวาเพิ่มยิ่งกว่า…” แล้วส่ายหน้าอย่างแรงอีกครั้ง “ใช่ เป็นจิตวิญญาณ ถ้าเปรียบเครื่องหอมเป็นเหมือนสาวงาม ความงามที่กู่ฉินสลักออกมาก็สวยดี แต่ยังขาดจิตวิญญาณ…”
หลิ่วเฟิ่งเบ้ปาก เบือนหน้าหนีไป