ทดลองอ่าน
ยอดหญิงเซียนเครื่องหอม เล่มห้า บทที่สี่
“พ่อบุญธรรมพูดถูก เครื่องหอมของอาจารย์ไป๋ชนะก็ตรงที่มีจิตวิญญาณเพิ่มเข้ามา เม็ดหอมนี้ถ้าถูกส่งไปถึงโต๊ะขององค์หญิงหมิงอวี้ คงต้องเป็นนางชนะโดยไม่มีตัวเลือกที่สองแน่!” คิดถึงกลิ่นหอมประหลาดอ่อนๆ บนตัวมู่หวั่นชิวเป็นครั้งแรก เม็ดหอมนั่นต้องเป็นสิ่งที่นางปรับแก้เองแน่นอน หร่วนอวี้แอบคิดอย่างทอดถอนใจ ด้วยวิชาฝีมือ…นางสูงส่งกว่ากู่ฉินจริงๆ นอกจากตกใจแล้วก็คิดถึงความไร้หัวใจของนาง หร่วนอวี้มีสีหน้าเศร้าสลดลงทันที
“อวี้เอ๋อร์พูดถูก ถ้าเม็ดหอมนี้ถูกตระกูลหลีส่งออกไปจริง ผลลัพธ์คงยากจะคาดคิด…” หลิ่วอู่เต๋อพยักหน้าแล้วพูดทอดถอนใจ “โชคดีที่มีอวี้เอ๋อร์…” เขาหรี่ตาลงเป็นเส้นตรง “ใช้เม็ดหอมเศร้าอาดูรที่อาจารย์หลี่ทำเบี่ยงเบนสายตาของอวี้เอ๋อร์ก่อน แล้วใช้เรือบรรณาการห้าลำของใต้เท้าฉินจงใจตั้งขบวนให้เป็นที่สงสัย ดึงตัวคนครึ่งหนึ่งของอวี้เอ๋อร์ให้อยู่ในเมืองต้าเยี่ย สุดท้ายใช้หน่วยเงาที่มีฝีมือดีที่สุดของตระกูลหลีลอบคุ้มกันส่งไป…ครั้งนี้ตระกูลหลีนับว่าได้ลงทุนคิดหาวิธีกันสุดชีวิตแล้ว” เขาหัวเราะเสียงดัง แล้วเปลี่ยนประเด็นพูดไป “น่าเสียดายที่เขาได้พบกับอวี้เอ๋อร์ของพวกเรา…” คิดถึงตอนที่สายลับของตนเองกลับมาบรรยายภาพอันน่าอนาถในคืนนั้น หลิ่วอู่เต๋อก็หัวเราะเย็นชาอย่างร้ายกาจ “ในครั้งนี้ตระกูลหลีนับว่าบาดเจ็บเสียหายหนักเลยนะ”
หร่วนอวี้เส้นเลือดบนหน้าผากเต้นตุบๆ
ทำร้ายศัตรูหนึ่งพันตัวเองเสียหายแปดร้อย ไม่เพียงหน่วยเงาของตระกูลหลีเท่านั้น ทหารมือดีของเขาก็เสียหายไปกว่าครึ่ง
เม็ดหอมเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ใช้ทหารมือดีของตระกูลหร่วนแลกมา!
ในคืนนั้นเลือดนองเป็นแม่น้ำจนสามารถใช้คำว่าน่าอนาถมาบรรยายได้ทีเดียว คิดว่าอีกฝ่ายคงได้รับคำสั่งตายมา คนของตระกูลหลีแต่ละคนจึงปกป้องสินค้าไว้โดยไม่คำนึงถึงชีวิต หากเขาไม่ได้อยู่ควบคุมเองในตอนนั้นแล้วเปลี่ยนเป็นคนอื่นแทน เม็ดหอมนี้คงจะชิงมาไม่ได้แม้แต่เม็ดเดียว คิดถึงมือดีตระกูลหร่วนที่ตายไปเหล่านั้นแล้ว เขาก็รู้สึกอึดอัดใจ
“จวนผู้บัญชาการก็เสียหายหนักเช่นกัน…” เขาพูดพึมพำ น้ำเสียงฉายความเจ็บปวดอย่างมาก
“แค่องครักษ์ไม่กี่คน เดี๋ยวพ่อจะชดเชยให้เจ้าเอง…” รู้ว่าเขามีใจรักคนใต้บัญชา สงสารคนที่ตายไปเหล่านั้น หลิ่วอู่เต๋อจึงส่ายหน้าอย่างไม่ใส่ใจ แล้วเปลี่ยนประเด็นพูดไป “ว่ากันว่าหลีจวินเป็นอัจฉริยะจากฟ้า วันนี้ดูไปแล้วก็แค่นี้เอง!”
ในดวงตาฉายแววดูแคลน เม็ดหอมครึ่งเม็ดในมือหลิ่วอู่เต๋อถูกบีบเป็นผุยผงในทันที ผงละเอียดค่อยๆ ไหลลงจากฝ่ามือของเขา ละอองเล็กๆ ปลิวลอยอยู่ใต้แสงตะวัน ดูเหมือนแสงเลือนราง บางเบา ไม่ชัดเจน…
“หลีจวินก็แค่นี้เอง…” หร่วนอวี้พึมพำอย่างเหม่อลอย ก่อนที่ตัวเขาจะสะดุ้งอย่างแรง
“…อวี้เอ๋อร์เป็นอะไรไป” หลิ่วอู่เต๋อเงยหน้าขึ้น
“เม็ดหอมนี้ได้มาง่ายเกินไป!” หร่วนอวี้พูด
หลิ่วอู่เต๋อสีหน้าตื่นตระหนก “ความหมายของอวี้เอ๋อร์คือ…”
กล้ามเนื้อข้างแก้มเขากระตุกอย่างห้ามไม่อยู่
“หลีจวินเป็นคนเจ้าเล่ห์ ทำการใดมักจะอยู่เหนือความคาดหมาย เขาจะปล่อยให้ข้าชิงเครื่องหอมมาง่ายอย่างนี้ได้อย่างไร”
“ง่ายเสียที่ใด พี่สามบอกว่าคืนนั้นเลือดไหลเป็นแม่น้ำเลยมิใช่หรือ” หลิ่วเฟิ่งพูดประชด “พี่สามได้เม็ดหอมเหล่านี้มาเพราะหลีจวินประมาทเกินไป คิดว่าหน่วยเงาของตระกูลหลีไร้คู่ต่อสู้ ประเมินกำลังของพี่สามต่ำเกินไป!”
หร่วนอวี้ส่ายหน้า เบื้องหน้าปรากฏภาพตอนที่ประสานสายตากับหลีจวินหน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลไป๋
หลีจวินในตอนนั้นสีหน้าหดหู่ ไม่สิ พูดให้ถูกยิ่งขึ้นก็คือจริงจัง ในชั่วขณะนั้น…
ในชั่วขณะนั้นนอกจากเขาจะเห็นความสงสารและความเย็นชาอย่างมากในดวงตาของหลีจวินแล้ว ก็ไม่เห็นความสิ้นหวังแต่อย่างใด
ทั้งที่เครื่องหอมถูกปล้นชิงไปแล้ว หลีจวินควรจะรู้ว่าต่อไปตระกูลหลีจะต้องเผชิญหน้ากับอะไร ในเวลาเช่นนี้เหตุใดเขายังมาเป็นห่วงเพียงหญิงในอ้อมกอดเท่านั้น
หลีจวินไม่ใช่คนที่หลงใหลสตรีมาแต่ไหนแต่ไรนี่
ความคิดแล่นผ่าน หร่วนอวี้จึงส่ายหน้าอย่างแรง เขาจ้องตรงไปที่หลิ่วอู่เต๋อ “ถ้าเป็นพ่อบุญธรรม ท่านจะเอาไข่ไก่ทั้งหมดวางไว้ในตะกร้าหรือไม่”
จากนั้นก็ถูกคนยกไปทั้งหม้อน่ะหรือ
“ไม่!” หลิ่วอู่เต๋อตบโต๊ะอย่างแรง “อวี้เอ๋อร์พูดได้ถูกต้อง ในเมื่อเขาสามารถลอบชุบเลี้ยงใช้งานอาจารย์ไป๋ได้ ก็หมายความว่าสมองของเขาคงไม่คิดง่ายดายเช่นนี้ นี่คงจะมีแผนลับรับมือเรื่องนี้ไว้แล้ว!” เขายังคงขมวดคิ้ว “อวี้เอ๋อร์ลองคิดดูสิ นอกจากเครื่องหอมชุดนี้แล้ว ตระกูลหลียังสามารถใช้วิธีใดส่งเครื่องหอมอื่นไปข้างนอกได้อีกบ้าง” แล้วพูดพึมพำ “ขบวนเรือที่ทางการต้าเยี่ยจัดเตรียมเครื่องบรรณาการชุดนั้นเพื่อองค์หญิงหมิงอวี้ถือเป็นพิรุธใหญ่ที่สุด แต่วันนั้นอวี้เอ๋อร์ได้ตรวจดูอย่างละเอียดทั้งหมดแล้วนี่นา…”
คิดถึงภาพตรวจนับของในวันนั้น หร่วนอวี้ก็พยักหน้า แม้ว่าการตรวจผ้าไหมต่วนบนเรือลำสุดท้ายนั้นจะทำอย่างลวกๆ แต่เขาก็ให้องครักษ์เขย่าดูเป็นพับๆ แล้ว ข้างในไม่มีทางสอดแทรกของส่วนตัวเอาไว้ได้แน่นอน
“เรือเหล่านั้นข้าปิดผนึกหมดแล้ว และกำชับซุนเตี่ยนว่าตลอดทางต้องระวังสินค้าที่ขึ้นเรือมาระหว่างทางเป็นพิเศษ ของอื่นๆ ก็ช่างเถอะ แต่เครื่องหอมห้ามเด็ดขาด…” เขาพูดพึมพำแล้วส่ายหน้าอย่างมั่นใจ “ถึงแม้บนเรือบรรณาการจะเป็นคนของจวนว่าการเจ้าเมืองคอยดูแล แต่ขบวนคนที่คุ้มกันส่งของเป็นคนสนิทของข้า ตระกูลหลีไม่กล้าเสี่ยงแน่นอน!”
“อวี้เอ๋อร์พูดถูก ขอเพียงอวี้เอ๋อร์รับรองได้ว่าก่อนถอนสมอสินค้าของหลีจวินไม่ได้อยู่บนเรือ หลังจากนั้นเขาคงไม่กล้ามีความคิดนี้อีก” หลิ่วอู่เต๋อพยักหน้า หัวคิ้วขมวดแน่นยิ่งขึ้น
หลิ่วเฟิ่งก็หลับตาลงเงียบๆ
ภายในห้องเงียบสงบลง ได้ยินกระทั่งเสียงเข็มตกลงพื้น
“สินค้าชุดแรก!” ทันใดนั้นหร่วนอวี้ก็ตบหน้าตักตนเองอย่างแรง “ปัญหาอยู่ที่สินค้าชุดแรกที่ขนส่งออกไปเมื่อหลายวันก่อน!” พูดจบ เขาก็ก้าวยาวออกไป
“สินค้าชุดแรกหรือ” หลิ่วอู่เต๋อขมวดคิ้ว “สินค้าชุดแรกจะมีปัญหาอะไร” ปากพูดพึมพำไป เขาก็เงยหน้าขึ้นเพื่ออยากจะถามให้ชัดเจน ทว่าหร่วนอวี้กลับหายตัวไปเสียแล้ว
หลิ่วอู่เต๋อส่ายหน้าพลางหันไปสั่งการ “ปิดผนึกเม็ดหอมเหล่านี้ให้ดี แล้วขนไปเก็บในห้องลับ รอกู่ฉินมาศึกษา…”