บทที่ห้า
“ไปๆ…”
เสียงลงแส้ม้าผสานกับเสียงร้องของม้าดังขึ้นบนถนนที่มุ่งไปยังอำเภอฉี่หลิง ม้าเร็วเจ็ดแปดตัววิ่งมาอย่างรวดเร็ว ตีฝุ่นตลบคลุ้งขึ้น คนเดินข้างถนนตกใจจนรีบวิ่งแยกไปสองข้างทาง เพียงชั่วครู่เด็กร้องไห้ผู้ใหญ่ตะโกนร้อง ชายฉกรรจ์ที่กล้าหาญพอจะอ้าปากด่าทอ เมื่อช้อนตาขึ้นมา ม้าเร็วหลายตัวก็หายลับไปพร้อมกับฝุ่นที่คลุ้งตลบเสียแล้ว
จนกระทั่งเข้าเขตอำเภอฉี่หลิง ม้าจึงค่อยผ่อนแรงลง หร่วนอวี้ที่เดิมทีควรจะอยู่ในเมืองต้าเยี่ย กลับรีบเร่งเดินทางสองวันหนึ่งคืน ม้าสีแดงพุทราที่ทั่วร่างล้วนเต็มไปด้วยเหงื่อพ่นลมหายใจอย่างแรง
เห็นหร่วนอวี้รั้งเชือกบังคับม้าแล้ว หร่วนซีจึงควบม้าไล่ขึ้นมาพลางชี้ไปข้างหน้าแล้วเอ่ยพูด “ใต้เท้า ข้างหน้าคือที่ว่าการอำเภอฉี่หลิงขอรับ”
หยุดตรงประตูที่ว่าการอำเภอฉี่หลิง หร่วนอวี้จึงยกแส้ม้าขึ้น “เคาะประตู…”
มีองครักษ์ลอยตัวลงมาจากหลังม้า เคาะประตูปังๆๆ
“ใต้เท้าหร่วนมาเร็วจริง…” ได้รับสารแล้ว นายอำเภออู่ซูซิงก็วิ่งออกมาด้วยสภาพที่เสื้อผ้ายังไม่เรียบร้อย
สายตาเลื่อนไปบนหมวกขุนนางของเขาที่เอียงไปข้างหนึ่ง หร่วนอวี้ขมวดคิ้ว ก่อนจะลอยตัวลงจากหลังม้า
“คารวะใต้เท้า” ประสานเข้ากับสายตาเย็นชาของหร่วนอวี้แล้ว สองขาของอู่ซูซิงก็สั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่ เขาขยับหมวกขุนนางพลางทรุดลงคุกเข่า
“เครื่องหอมของตระกูลหลีถูกยึดไว้หมดแล้วหรือ” ฉุดมืออู่ซูซิงให้ลุกขึ้นแล้ว หร่วนอวี้จึงเอ่ยถาม เขาก้าวยาวผ่านตัวอีกฝ่ายเดินเข้าไปในจวนว่าการ
นิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่อู่ซูซิงก็รีบลุกขึ้นวิ่งเหยาะๆ ตามหลังหร่วนอวี้
“เรียนใต้เท้า ข้าน้อยยึดไว้หมดแล้ว รวมทั้งตัวอย่างทั้งหมดสามสิบกล่องด้วย ล้วนวางอยู่ที่ด้านหลังจวนข้าน้อย แต่ว่า…” เสียงนั้นชะงักไป เขามองหน้าหร่วนอวี้อย่างระวังตัว
“…แต่ว่าอะไร” หร่วนอวี้ลุกพรวดขึ้นยืน แล้วหันหน้ามา
อู่ซูซิงหยุดยืนอย่างนอบน้อม “คนตระกูลหลีบอกว่านี่เป็นเครื่องหอมที่จะถวายให้องค์หญิง ล้วนมีเอกสารทางการบันทึกอยู่ในสมุด ไม่อาจเสียเวลาได้ ถ้าใต้เท้าตรวจสอบไม่ได้ว่าสินค้าชุดนี้มีอะไรที่ไม่เหมาะสม สิบสองชั่วยามให้หลังข้าน้อยต้องปล่อยไป…” แม้น้ำเสียงยังคงสงบนิ่ง แต่อู่ซูซิงกลับไม่ลังเลที่จะร้องทุกข์
จู่ๆ ก็ได้รับเอกสารจากหร่วนอวี้ให้เขายึดเครื่องหอมที่เตรียมไว้ในงานพระราชพิธีอภิเษกขององค์หญิงหมิงอวี้ที่ตระกูลหลีขนส่งไปที่เมืองอันคัง
นี่เป็นของที่ขุนนางขั้นเจ็ดอย่างเขายึดไว้ได้เสียที่ใด
ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นสินค้าของตระกูลหลีที่เพียงกระแทกเท้า เมืองต้าเยี่ยก็สะเทือน
กระนั้นตำแหน่งใหญ่กว่ายังคงกดคนให้ตายได้ คำสั่งของผู้บัญชาการกองรถศึกใครเล่าจะกล้าขัดขืน ตนกำลังถูกคนของตระกูลหลีที่อยู่ในโถงหลักโดยไม่ยอมไปที่ใดล้อมเอาไว้อยู่ ก็เห็นหร่วนอวี้ผู้เป็นดุจดวงดาวช่วยชีวิตดวงนี้มาถึงพอดี ขณะเดียวกับที่กำลังรู้สึกโล่งอกอยู่นั้นเขาก็แอบปาดเหงื่อไปด้วย แม้จะมีหร่วนอวี้เป็นคนสั่ง แต่สินค้าชุดนี้เขาก็เป็นคนออกหน้าชิงมา หากมีความผิดพลาดใดเกิดขึ้นตระกูลหลีจะยอมปล่อยเขาไปหรือ
คิดถึงหลีจวินที่ดูเป็นคนเรียบง่ายแต่ลงมือโหดเหี้ยมแล้ว เขาก็อยากจะเอาหัวโขกกำแพงเสียเหลือเกิน
ไม่รู้ว่าเมื่อวานนี้ตื่นเช้าแล้วยังไม่ได้ไหว้พระองค์ใดไปหรือไม่ จึงได้รับงานที่เปลืองแรง ไม่มีคนชอบมีแต่คนเกลียดเช่นนี้
“ท่านวางใจได้…” เห็นอู่ซูซิงเม้มปาก หร่วนอวี้ก็พูดอย่างเย็นชา “ไม่เกินสิบสองชั่วยาม รอข้าตรวจสอบแล้ว จะรีบปล่อยไปทันที”
“…ใต้เท้าพูดจริงหรือ” อู่ซูซิงรู้สึกยินดี แต่เงยหน้าขึ้นประสานสายตาเย็นชาของหร่วนอวี้แล้ว เขาก็ตัวสั่น รีบเปลี่ยนคำพูด “ใต้เท้าหร่วนเป็นคนพูดคำใดคำนั้นอยู่แล้ว ข้าน้อยจะกล้าสงสัยท่านได้อย่างไร”
หร่วนอวี้มีสีหน้าดีขึ้น “เครื่องหอมอยู่ที่ใด”
“ทั้งหมดอยู่ที่โถงด้านหลัง ใต้เท้าจะดื่มน้ำชา พักผ่อนสักครู่ก่อนหรือไม่”
“ไม่ต้อง!” หร่วนอวี้ส่ายหน้า “พาข้าไปดูเครื่องหอม”
“ขอรับ…” อู่ซูซิงรับคำ กำลังจะนำทางอีกฝ่ายแล้ว เขาก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้จึงเอ่ยปากพูดอีก “คนคุมสินค้าของตระกูลหลีอยู่รอที่โถงหลักในจวน ใต้เท้าหร่วนจะพบพวกเขาก่อนหรือไม่” ในแววตาเต็มไปด้วยการรอคอย
ได้หร่วนอวี้ออกหน้าไปพูดอะไรสักสองสามคำ ต่อไปเขาจะได้พูดชี้แจงกับคนของตระกูลหลีได้
หร่วนอวี้พูดอย่างเย็นชา “ไม่ต้อง!”
อู่ซูซิงสีหน้าเศร้าสลด เขาขยับริมฝีปากทว่ากลับไร้คำพูด จากนั้นจึงรีบเดินตามหร่วนอวี้ที่ก้าวนำไปหลายก้าว
“ใต้เท้าเชิญตามข้าน้อยมา…”