เป็นจริงดังคาดหีบใบสุดท้ายเพิ่งจะปิดผนึกเสร็จ ยังไม่ทันได้ขนย้ายก็ได้ยินเสียงดังปัง ประตูใหญ่สองบานที่ลงกลอนแน่นหนาพลันถูกหลีจวินเปิดเข้ามาด้วยฝ่ามือเดียว เขาพูดพลางก้าวยาวเข้ามา “ขาดขั้นตอนอะไรอีกหรือ ใต้เท้าอู่จึงได้ยึดเครื่องหอมของตระกูลหลีเอาไว้” จุดประสงค์ในการมาไม่เป็นมิตร หลีจวินจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงข่มขู่
หร่วนซีเดินตามมาด้านหลังด้วยสีหน้าโมโห “ใต้เท้า ข้าน้อย…” เขาเรียกหร่วนอวี้อย่างหวาดหวั่น
หร่วนอวี้โบกมือให้เขา
ราวกับคาดไม่ถึงว่าหร่วนอวี้จะมาปรากฏตัวที่นี่ พอเห็นหน้าเขาหลีจวินก็ตกตะลึง แต่ก็ประกบมือไปทางเขา “คารวะใต้เท้าหร่วน…” แล้วประกบหมัดหันไปทางอู่ซูซิง “งานพระราชพิธีอภิเษกขององค์หญิงหมิงอวี้ใกล้จะถึงแล้ว ใต้เท้าอู่ยึดเครื่องหอมของตระกูลหลีเอาไว้โดยไม่บอกกล่าวเช่นนี้ หากทำให้เสียเวลา ใต้เท้าอู่จะรับผิดชอบไหวหรือ” น้ำเสียงของเขาสบายอารมณ์เช่นเคย แต่กลับฉายบารมีน่ากลัวออกมารางๆ
อู่ซูซิงตัวสั่น เม็ดเหงื่อไหลไหลย้อย
“เอ่อ…เอ่อ…” เขาส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางหร่วนอวี้
เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าหร่วนอวี้ เขาไม่กล้าบอกว่านี่เป็นคำสั่งของหร่วนอวี้
“…เครื่องหอมที่ใช้ในงานพระราชพิธีอภิเษกขององค์หญิงพิเศษมาก อิงอ๋องมีคำสั่งให้ที่ว่าการแต่ละเมืองต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบจึงจะออกเอกสารได้” หร่วนอวี้พูด “ข้าได้ยินว่าสินค้าตระกูลหลีชุดนี้ยังไม่ได้รับการตรวจสอบก็ออกเอกสารผ่านทางแล้ว จึงมาตรวจสอบเพิ่ม” เขาพูดเสียงเรียบ มองหลีจวินอย่างท้าทาย
เอกสารผ่านทางฉินต้าหลงเป็นคนออกให้ สินค้าของตระกูลหลีชุดนี้ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบจริงๆ
สายตาหลีจวินเลื่อนไปยังเม็ดหอมหีบหนึ่งที่วางคว่ำไว้บนโต๊ะ “ใต้เท้าตรวจสอบเสร็จแล้ว เครื่องหอมของข้ามีปัญหาหรือไม่”
เม็ดหอมหีบนี้เพิ่งจะปิดผนึกเสร็จ ยังไม่ทันได้พลิกกลับเช่นนี้ เป็นใครก็คงเดาได้ว่าวางหีบอย่างนี้ก็เพื่อจะเปิดหีบจากด้านใต้
จะปิดบังหลีจวินที่มีความคิดเฉียบคมได้อย่างไร
เห็นหลีจวินเดินเข้าไปใช้นิ้วมือค่อยๆ ลูบไปบนร่องที่เพิ่งปิดไว้อย่างดี การกระทำนี้ราวกับกรีดไปบนหัวใจของอู่ซูซิง หัวใจเขาเต้นจนบีบรัดแน่น
“เครื่องหอมตระกูลหลีจะมีปัญหาได้อย่างไร” หร่วนอวี้ยิ้มสดใส “ข้าก็ทำไปตามหน้าที่ หวังว่าคุณชายหลีจะให้อภัย” ยึดเม็ดหอมตัวอย่างจริงของตระกูลหลีได้ตามที่หวังแล้ว หร่วนอวี้จึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
หลีจวินไม่ได้พูดอะไร นิ้วมือลูบไปมาบนร่องระหว่างพื้นหีบกับกรอบทั้งสี่ด้าน
ในโถงเงียบเสียงลง มีเพียงจักจั่นร้องระงมส่งเสียงทำให้คนรำคาญใจ
จนกระทั่งอู่ซูซิงรู้สึกว่าหัวใจของเขาแทบจะฉีกขาด อีกครู่หัวใจคงกระเด็นหลุดออกมาจากลำคอ เขาจึงเห็นหลีจวินค่อยๆ หมุนตัว แล้วยิ้มให้หร่วนอวี้อย่างสบายใจ
“ความหมายของใต้เท้าหร่วนคือเครื่องหอมชุดนี้ข้านำไปได้แล้วหรือ…”
ในใจรู้สึกโล่ง อู่ซูซิงแทบจะทรุดนั่งบนพื้น เขาพยายามทรงตัวยืนตรงมองไปทางหร่วนอวี้
เมื่อเผชิญกับท่าทางสบายอารมณ์ของหลีจวิน โดยที่ไม่เห็นความฉุนเฉียวและอาการเศร้าสลดอย่างที่คิดไว้ หร่วนอวี้ก็ตกใจ…หรือตัวอย่างที่แทรกมาเหล่านี้จะเป็นหนึ่งในแผนการบิดเบือนสายตาของข้า ว่ากันว่าเท็จคือจริง จริงคือเท็จ เผชิญหน้ากันหลายครั้งก็ล้วนถูกหลีจวินโต้จนพ่ายแพ้ไม่เป็นท่า ในใจหร่วนอวี้รู้สึกกลัวกับความเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอกของหลีจวินที่สุด
แม้ในใจจะว้าวุ่นไม่สงบเพียงใด แต่เสียงของหร่วนอวี้กลับหนักแน่นสดใส “คุณชายหลีมารับสินค้าด้วยตัวเองเช่นนี้ ข้าจะกล้าไม่ไว้หน้าได้อย่างไร” ปากพูดไป เขาก็โบกมือแล้วรับใบผ่านด่านที่ถูกยึดไว้ก่อนหน้าจากองครักษ์มาส่งให้หลีจวิน “สินค้าเร่งด่วนเช่นนี้ คุณชายหลีรับไปเลยก็ได้” ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเป็นมิตรและโอนอ่อน
ราวกับว่าเขากับหลีจวินเป็นมิตรที่ดีต่อกันมาก่อน เขามาที่นี่เพื่อทำงานเท่านั้น
อู่ซูซิงกะพริบตาแล้วกะพริบตาอีก กลั้นลมหายใจมองหลีจวินโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“ดี…” หลีจวินพยักหน้า “ข้าน้อยขอบคุณใต้เท้าหร่วนที่ให้ความกรุณา…” แล้วหันหน้าไปเรียกองครักษ์ตระกูลหลีที่อยู่ตรงประตู “ขนไป…”
เสียงดังพึ่บพั่บ เหล่าองครักษ์ตระกูลหลีพากันกรูเข้ามา
หร่วนอวี้ขยับยืนไปด้านข้าง มองดูท่าทางสบายใจของหลีจวินแล้ว ไม่รู้เพราะเหตุใดอารมณ์ที่ยังดีอยู่เมื่อครู่นี้จึงหายไปหมด
หัวใจเขายกสูงขึ้นอีกครั้ง รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างยิ่ง