ทดลองอ่าน
ยอดหญิงเซียนเครื่องหอม เล่มห้า บทที่หก
บทที่หก
ดวงตาดำเรียวยาวเปล่งประกายออกมาในทันที หร่วนอวี้มองกระดานหมากขนาดใหญ่ตาไม่กะพริบ มือกำเป็นหมัดแน่น บนนั้นมีเส้นเลือดเขียวปรากฏจางๆ
“ได้ยินบ่อยครั้งว่าใต้เท้าหร่วนเป็นยอดฝีมือเดินหมาก ข้ายังไม่มีโอกาสรับคำชี้แนะเลย…” มองดูดวงตาเปล่งประกายของหร่วนอวี้แล้ว หลีจวินจึงผ่อนเสียงพูดลง “คืนนี้มีแสงจันทร์พอดี พวกเราใช้หินเป็นกระดาน ใช้พลังปราณเป็นตัวหมาก พนันกันสักตาเป็นอย่างไร”
พนันสักตา?
หร่วนอวี้หันหน้ามาทันใด “…พนันอะไร”
เขานั้นชอบเดินหมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอเห็นกระดานหมากเขาก็รู้สึกคันยุบยิบในหัวใจจนยากจะทนไหว ยิ่งไปกว่านั้นเคยได้ยินมานานแล้วว่าหลีจวินเป็นอัจฉริยะอายุน้อย เป็นยอดฝีมือในการเดินหมากที่พบเจอได้ยาก แต่เนื่องจากนายของทั้งสองเป็นศัตรูกันมานาน เขาจึงได้แต่สะกดใจตนเองไว้ไม่ให้ไปท้าอีกฝ่ายประลอง
ตอนนี้หลีจวินมาท้าประลองด้วยตัวเองแล้ว เขาจะไม่อยากประลองได้อย่างไร
หากไม่ใช่กลัวว่าหลีจวินเป็นคนมีแผนการมากมาย เขาคงรับปากไปนานแล้ว
“พนันด้วยเครื่องหอมที่ใต้เท้าปล้นชิงไป…”
“ท่าน…” หร่วนอวี้แววตาเย็นชา สีหน้าดำคล้ำ
หลีจวินไม่ได้สนใจเขา เพียงพูดต่อไปว่า “ถ้าข้าน้อยแพ้ เม็ดหอมเศร้าอาดูรจะถอนตัวออกจากการคัดเลือกเครื่องหอมในงานพระราชพิธีอภิเษกขององค์หญิงหมิงอวี้…” ชะงักไปสักครู่ “ถ้าใต้เท้าหร่วนแพ้ก็เอาเครื่องหอมที่ปล้นชิงไปเหล่านั้นคืนให้แก่ข้าน้อย และห้ามขัดขวางเครื่องหอมของตระกูลหลีที่จะเข้าร่วมการคัดเลือกเครื่องหอมในงานพระราชพิธีอภิเษกองค์หญิงหมิงอวี้…” เขามองหร่วนอวี้ไม่วางตา “เป็นอย่างไร”
เส้นเลือดบนหน้าผากหร่วนอวี้เต้นกระตุกหลายที
นี่เป็นแรงยั่วยวนอันยิ่งใหญ่!
ไม่ต้องพูดถึงการเดินหมากกับหลีจวินที่ได้ฉายาว่าอัจฉริยะที่เป็นแรงยั่วยวนมหาศาลทำให้ใจเขาอยากจนยากจะทนไหวเลย สำหรับเดิมพันครั้งนี้แม้ปากจะบอกว่าถอนตัวจากการคัดเลือก แต่นั่นเป็นแค่คำพูดบังหน้า ความหมายที่อยู่เบื้องหลังคำพูดนี้ก็คือ…
หากเขาแพ้ก็จะประเคนสิทธิ์การเป็นวาณิชหลวงของตระกูลหลีให้!
พูดให้ชัดเจน เดิมพันครั้งนี้คือสิทธิ์การเป็นวาณิชหลวงของตระกูลหลี!
วางแผนอย่างยากลำบากมาเกือบหนึ่งปี สิ่งที่อิงอ๋องต้องการก็คือสิทธิ์การเป็นวาณิชหลวงของตระกูลหลี หากสามารถชนะพนันกลับไปได้ สถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไปเล่า
มีอยู่ชั่วครู่หนึ่งที่หร่วนอวี้นึกอยากให้หลีจวินเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรในทันที
แต่ว่าหร่วนอวี้อย่างไรก็เป็นหร่วนอวี้ แม้เขาจะหลงใหลการเดินหมากเพียงใด แต่ก็ไม่ใช่คนที่เอาแต่เล่นจนเสียงาน เมื่อเผชิญกับท่าทีที่สบายอารมณ์ของหลีจวินแล้ว เขาก็สงบใจลงได้อย่างรวดเร็ว
ที่หลีจวินกล้าพนันก็หมายความว่าอีกฝ่ายมั่นใจว่าจะชนะตนอย่างแน่นอน
ไม่ต้องพูดเรื่องอื่น แค่พูดถึงกลหมื่นเคราะห์ที่แม้จะมาถึงมือเขาได้หลายเดือนแล้วก็จริง แต่ว่ากลนั่นกลับอยู่ในบ้านตระกูลหลีมาแล้วหลายปีหรืออาจจะหลายรุ่น หลีจวินจะไม่เรียนรู้จนทะลุปรุโปร่งได้อย่างไร
ขอเพียงใช้กลหมื่นเคราะห์นี้เป็น กระทั่งมู่หวั่นชิวที่เป็นหญิงยังเอาชนะเขาได้ แล้วนับประสาอะไรกับหลีจวินเล่า
สำหรับสิทธิ์การเป็นวาณิชหลวงของตระกูลหลีนั้น ดูไปแล้วเหมือนเป็นแรงยั่วยวนอันยิ่งใหญ่ แต่น่าเสียดายที่งานนี้เขาจะแพ้ไม่ได้!
“เครื่องหอมเหล่านั้นเป็นแรงกายแรงใจของอาชิวที่ไม่ได้นอนหลายวัน อาชิวคาดหวังทั้งวันคืนว่านางสามารถอาศัยสิ่งนี้สร้างชื่อและยืนมั่นอยู่ในวงการปรุงเครื่องหอมนับแต่นี้ได้ ใต้เท้าหร่วนจะยอมให้นางแพ้ไปเช่นนี้จริงหรือ” เห็นสีหน้าหร่วนอวี้สลดลงในทันใด หลีจวินจึงพูดยั่วอารมณ์ขึ้นมา
“อาชิว…” หร่วนอวี้พูดพึมพำออกมา
ภาพเหตุการณ์วันนั้นที่มู่หวั่นชิวได้ยินว่าเครื่องหอมถูกปล้นชิงไป ทำให้นางโมโหมากจนหมดสติปรากฏขึ้นตรงหน้าอีกครั้ง คิดถึงดวงตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดแค้นสิ้นหวังคู่นั้นแล้ว หัวใจหร่วนอวี้ก็เจ็บจนถึงกระดูก
มีชั่วครู่หนึ่งที่เขารู้สึกเหมือนว่าสิ้นหวัง
ตระกูลหลีพ่ายแพ้แล้วอย่างไร
อิงอ๋องชนะแล้วอย่างไร
หากชาตินี้ไม่มีนาง แม้จะได้ขึ้นไปอยู่บนตำแหน่งสูงแล้วจะมีความหมายอะไร
“ได้!” เขาพยักหน้าทันที “วันนี้ข้าจะพนันกับคุณชายหลีสักกระดาน…” เขามองหลีจวินอย่างเย็นชา “ถ้าข้าแพ้ก็จะเอาเครื่องหอมตัวอย่างที่ปล้นชิงมาวันนี้คืนให้ครบจำนวน และสัญญาว่าจะไม่ปล้นชิงเครื่องหอมของตระกูลหลีอีก แต่ถ้าท่านแพ้…” เขาชะงักไปสักครู่ พูดออกมาทีละคำ “ตระกูลหลีนอกจากจะต้องถอยออกจากการคัดเลือกเครื่องหอมในงานพระราชพิธีอภิเษกขององค์หญิงหมิงอวี้แล้ว ท่านยังต้องมอบอาชิวให้ข้า และสัญญาว่าต่อไปจะไม่พบนางอีก…” พูดจบ เขาก็ยกมือขึ้น ได้ยินเพียงเสียงดังสนั่น มุมซ้ายบนของกระดานหมากตรงหน้ามีหลุมขนาดเท่าฝ่ามือเพิ่มขึ้นมาในทันที มองจากที่ไกลราวกับมีหมากตัวหนึ่งวางลงไปบนกระดาน
วางหมากตัวแรกแล้ว หร่วนอวี้ก็หันมามองหลีจวินเงียบๆ
เห็นอีกฝ่ายไม่ขยับอยู่นาน เขาจึงหรี่ตาเป็นเส้นตรง “เป็นอะไร นี่ท่านกลัวหรือ…”
“ไม่ได้กลัว…” หลีจวินส่ายหัว
หร่วนอวี้หัวคิ้วกระตุก “เช่นนั้นเพราะอะไร”
“อาชิวมิใช่สิ่งของ และไม่ใช่คนของใคร ข้าไม่สามารถเอานางมาเป็นเดิมพันได้!” หลีจวินน้ำเสียงจริงจังมาก
“เอ่อ…” แม้หร่วนอวี้จะอึดอัดใจ แต่ก็พูดอย่างดื้อรั้นว่า “เหตุใดคุณชายหลีจึงพูดจาโอหังเช่นนี้เล่า หากตระกูลหลีต้องเสียสิทธิ์การเป็นวาณิชหลวงไปเพราะนาง ท่านก็ยินยอมหรือ”
“เป็นเช่นนั้นแล้วอย่างไร” หลีจวินยิ้มเยาะ “ถ้าใต้เท้าหร่วนชอบนางจริง ก็ควรจะคิดเพื่อนางให้มาก!”
“เสแสร้ง!” ความโกรธเกรี้ยวทะลุขึ้นกลางใจหร่วนอวี้ “เมื่อครู่ที่ท่านพูดถึงนางก็ตั้งใจเอานางมาหลอกล่อข้ามิใช่หรือ!” พูดจบ หร่วนอวี้ก็ยกมือขึ้น กระดานหมากตรงหน้าถูกลบจนสะอาดในทันที ราบเรียบราวกับกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง ก่อนจะตามด้วยเสียงคำรามยาวแล้วหมุนตัวลงหน้าผาไปอย่างรวดเร็ว
หลีจวินนั่งเงียบไม่ขยับ ราวกับหุ่นสลักงดงามท่ามกลางแสงยามค่ำคืน