ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดหญิงเซียนเครื่องหอม บทที่ 5
แม้ว่าจะเล่นพนันไม่เป็น แต่มู่หวั่นชิวมิได้รู้สึกแปลกตากับบ่อนพนันสักนิด เนื่องจากชาติก่อนนางเคยตามซานหลางไปหลายครั้ง แต่ร้านป๋ออี้นี้นางกลับเพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก แม้จะยังไม่ถึงเวลาจุดไฟ แต่ภายในโถงของร้านป๋ออี้กลับมีแสงไฟส่องสว่างแล้ว
แต่ผิดคาด บนโต๊ะพนันในโถงกลับมีคนอยู่เพียงไม่เท่าไร ทั้งยังดูเงียบเหงาอย่างเห็นได้ชัด
มู่หวั่นชิวตกใจ หรือนางจะเดินผิดทาง
“แม่นางน้อยท่านนี้อยากดูเซียนพนันทิพย์กุมาร คุณชายสี่ตระกูลเหลิ่ง เป็นเจ้ามือเช่นกันใช่หรือไม่” เห็นนางตะลึงงัน เสี่ยวเอ้อร์ที่เดินนำนางมาจึงเอ่ยถาม มู่หวั่นชิวพยักหน้าแล้วตอบรับ เสี่ยวเอ้อร์จึงชี้ไปทางชั้นบน “อยู่ชั้นสองน่ะขอรับ หากท่านต้องการแทงพนัน ต้องแลกเบี้ยที่นี่ก่อน…” เขาชี้ไปที่โต๊ะยาวหน้าโถง “ถ้าแค่อยากดูความคึกคัก ท่านก็ตามข้าน้อยขึ้นไปได้เลย” เขากวาดตามองร่างผอมบางของนางแวบหนึ่ง “ข้างบนคนเยอะ ท่านต้องระวังให้ดี อย่าไปชนอะไรเข้า”
ฟังคำของเสี่ยวเอ้อร์แล้ว มู่หวั่นชิวก็ได้ยินเสียงอึกทึกจากชั้นบนเช่นกัน จึงพยักหน้า “ข้าจะแลกเงินก่อน”
เห็นนางแลกเบี้ยสีน้ำเงินเพียงเหรียญเดียว เสี่ยวเอ้อร์ก็เบ้ปากอย่างไม่พอใจ แต่เมื่อเห็นนางหมุนตัวกลับมา ก็รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นเปื้อนยิ้ม เดินเข้าไปหาอย่างนอบน้อม
“แม่นาง ท่านค่อยๆ เดินนะขอรับ ระวังหกล้ม!” มู่หวั่นชิวไม่พูดอะไร เพียงเดินตึงๆ ขึ้นไปยังชั้นบน เสี่ยวเอ้อร์จึงตะโกนไล่หลังนาง
แม้จะไม่พอใจกับความจนของนางเพียงใด แต่การรับรองความปลอดภัยของแขกทุกคน ถือเป็นหน้าที่สำคัญอันดับแรกของร้านป๋ออี้ แน่นอนเมื่อเด็กสาวผู้นี้ถูกหลี่เต๋อปล่อยเข้ามา เขาก็จำต้องเดินตามราวกับเป็นผู้คุ้มกันของนาง
มาถึงโถงหลักชั้นสอง พอเข้าประตูไปก็เจอโต๊ะเล่นสูงต่ำตัวใหญ่ เป็นโต๊ะกลมตัวใหญ่ที่สลักคำว่า ‘ริจะพนันต้องยอมรับความพ่ายแพ้’ บนโต๊ะใช้เส้นสีเขียวเข้มแบ่งเป็นสิบหกช่อง แล้วใช้สีแดงและสีเหลืองเขียนตัวเลขสามถึงสิบแปด ทั้งหมดสิบหกตัวเลข เพื่อให้นักพนันแทงเงิน
ในร้านป๋ออี้ กฎการเขย่าลูกเต๋าโดยปกติแบ่งเป็นสูงต่ำสองฝ่าย เจ้ามือเขย่าลูกเต๋าก่อน นักพนันวางเดิมพันตาม หลังจากนั้นเปิดถ้วยลูกเต๋า ดูแต้มรู้ผลแพ้ชนะ สามแต้มถึงสิบแต้มเป็นแต้มเล็ก สิบแต้มถึงสิบแปดแต้มเป็นแต้มใหญ่ ถ้าแทงต่ำเปิดออกมาต่ำ นักพนันที่แทงต่ำจะได้เบี้ยเพิ่มหนึ่งเท่า เบี้ยที่แทงสูงจะตกเป็นของเจ้ามือ ในทางกลับกันก็ทำเช่นเดียวกัน หากบังเอิญนักพนันวางเงินไว้แต้มกลาง เช่น นักพนันวางเงินไว้ที่เลขสิบ และเจ้ามือเขย่าได้สิบพอดี ในตอนนี้เจ้ามือจะต้องจ่ายเงินสองเท่า
แต่ว่าวันนี้ไม่เหมือนเดิม เจ้ามือคือเซียนพนันทิพย์กุมารที่ร้อยปีจะมีสักคนในแคว้นต้าโจว เพื่อสร้างโชคดึงดูดคนให้มากขึ้น ร้านป๋ออี้จึงเปลี่ยนกฎชั่วคราว ไม่ดูแต้ม แบ่งแค่สูงต่ำ ฝ่ายวางแทงหนึ่งเสียหนึ่ง เจ้ามือหนึ่งเสียห้า กฎที่เปลี่ยนใหม่เขียนด้วยตัวอักษรสีแดงใหญ่บนผ้าทอดยาวจากไม้ระแนงสลักลายดอกบนเพดานชั้นสองลงมาถึงกลางโถงด้านล่าง ชายผ้าสองด้านแต่งแต้มด้วยดอกไม้เล็กหลายหลากสี เพิ่มความคึกคักให้แก่บ่อนพนันมากยิ่งขึ้น
มิต่างจากฉลองวันขึ้นปีใหม่
ชื่อเสียงของเหลิ่งกังเซียนพนันทิพย์กุมารและการจ่ายเงินพนันสูงที่หาได้ยาก ดึงดูดนักพนันมือหนักมากลุ่มใหญ่ ล้อมโต๊ะเล่นสูงต่ำที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวเกือบสามจั้ง*แน่นจนแม้แต่น้ำยังผ่านได้ยาก แต่ละคนเหงื่อไหลอาบหลัง เส้นเอ็นบนหน้าผากปูดเขียว เบิกสองตาที่มีเส้นเลือดฝอยกระจายเต็มตามองดูถ้วยลูกเต๋าที่ยังไม่ถูกเปิด แล้วตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
“สูง! สูง! สูง! สูง!”
เสียงนั้นดังจนหูแทบหนวก มู่หวั่นชิวเขย่งปลายเท้า เขย่งแล้วเขย่งอีกก็ยังมองไม่เห็น เห็นแค่เพียงหัวคนดำๆ ไหวไปไหวมา มองจนนางตาลาย ไม่รู้จะทำอย่างไร เข้าก็เข้ามาแล้ว แต่นางจะเบียดเข้าไปวางเดิมพันได้อย่างไรเล่า
นางหมุนตัวไปมองเสี่ยวเอ้อร์ “ขอพี่ชายท่านนี้ช่วยที ข้าอยากจะวางเดิมพัน”
มองดูเบี้ยสีน้ำเงินเหรียญเดียวในมือของนางแล้ว เด็กช่วยงานก็รู้สึกลำบากใจ เขาเป็นทาสคอยรับใช้เท่านั้น นักพนันที่บ้าคลั่งด้านหลังเหล่านี้จะฟังคำของเขาแล้วเห็นแก่หน้าเขายอมหลีกทางให้เด็กสาวผู้นี้เข้าไปหรือ
นอกเสียจากคุณชายรองสกุลเจิงจะมาด้วยตัวเอง!
“หรือไม่…” เสี่ยวเอ้อร์ชี้ไปยังโต๊ะพนันว่างโล่งตัวอื่นแล้วพูดให้คำปรึกษา “ท่านไปโต๊ะอื่นดีหรือไม่” แล้วพูดต่อไปว่า “แม้จะจ่ายเงินคืนต่ำกว่า แต่เจ้ามือก็จะมีทักษะการพนันที่ต่ำกว่า โอกาสชนะของท่านก็มากขึ้น”
มู่หวั่นชิวส่ายหน้า นางเล่นพนันไม่เป็นเลย
ทว่าเมื่อมองดูความมืดแผงใหญ่ตรงหน้า นางก็รู้สึกท้อใจ
จะกลับไปหรือลุยเข้าไปดีหนอ…
หากกลับไปเช่นนี้ ในกระเป๋าก็จะมีเงินเพียงหนึ่งตำลึงกว่า เกรงว่ายังไม่ทันถึงเมืองซั่วหยางก็ต้องไปขอทาน อาหารก็ไม่มีกินแล้ว นางจะไปเรียนปรุงเครื่องหอมต่อได้อย่างไร เมื่อคิดถึงหลายวันนี้ที่เดินตามถนนแล้วถูกคนตะคอกกลอกตาขาวใส่ ก็ทำให้นางสุดทนจริงๆ มู่หวั่นชิวขบฟัน ในเมื่อมาแล้วไม่ว่าอย่างไรนางต้องเดิมพันสักตา
เดิมพันโชคชะตาของนาง!
ทันใดนั้น จานลูกเต๋ากลายเป็นวงล้อแห่งโชคชะตาอันใหญ่ ตรงหน้าวงล้อมีคนจำนวนมากส่งเสียงโห่ร้องและดิ้นรน รอคอยช่วงเวลาที่เปิดจานว่าจะเป็นจุดพลิกผันของโชคชะตาหรือไม่
มู่หวั่นชิวหลับตาลงทันที
ชั่วขณะนี้หากนางพุ่งตัวเข้าไปได้ ก็จะสามารถขยับวงล้อแห่งโชคชะตา และสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของนางในชาตินี้ได้!
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง มู่หวั่นชิวขบฟัน พลางกำเบี้ยเพียงเหรียญเดียวในมือไว้แน่น ก่อนจะก้มหน้าลงพยายามเบียดเข้าไปด้านใน