ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดหญิงเซียนเครื่องหอม เล่ม 6 ตอนที่ 2
“เขาฉี่หลิง?” มู่หวั่นชิวเงยหน้าขึ้น “พวกเราอยู่ที่เขาอวี้กวนมิใช่หรือ” นางจำได้ว่านางตกลงมาในถ้ำจากบนเขาอวี้กวน
“ทางที่พวกเราเดินนั้นอยู่กลางเขา จากระยะห่างและทิศทางน่าจะมาถึงเขาฉี่หลิงแล้ว” หลีจวินปากพูดไปพลางมือก็มวยผมของมู่หวั่นชิวไปอย่างเงอะงะ แล้วรับปิ่นในมือมู่หวั่นชิวมาปักผม จากนั้นจึงหมุนตัวมู่หวั่นชิวมามองสำรวจอย่างละเอียด ก่อนที่เขาจะรู้สึกขัดเขินอยู่บ้าง
ผมดำขลับสวยงามกลับถูกเขามวยจนดูเป็นชายก็มิใช่หญิงก็ไม่เชิงไปแล้ว “ข้ามวยผมเป็นแต่แบบบุรุษ” ในเสียงพูดแฝงความเสียใจบางๆ หลีจวินยื่นมือจะไปดึงปิ่นปักผมออก คิดอยากลองมวยผมให้นางใหม่อีกครั้ง
ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเขาหวังว่าจะสามารถแต่งนางให้สวยงามด้วยมือตนเองได้
“ไม่ต้องแล้ว…” มู่หวั่นชิวยื่นมือไปกดมือของเขาไว้ “เช่นนี้ก็ดีแล้ว ข้าชอบมาก…” สิบนิ้วสัมผัสกัน ร่างของคนทั้งสองก็สั่นไปพร้อมกันด้วย
สี่ตาประสานกัน ทั้งสองไม่มีใครยอมเลื่อนใบหน้าหนี หลีจวินจ้องดวงตาราวหยดน้ำของนางอย่างเงียบๆ แล้วพลิกมือมาจับมือเล็กของนางไว้ ก่อนดึงนางเข้ามาในอ้อมกอดอย่างช้าๆ
อิงแอบอยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างสบายใจ หูก็ฟังเสียงหัวใจของเขาที่เต้นอย่างทรงพลัง แม้เป็นการนั่งรอให้ชีวิตค่อยๆ หมดลงไปอย่างเงียบๆ ทว่าจิตใจมู่หวั่นชิวกลับรู้สึกสงบเป็นพิเศษ
อิงอ๋องยังไม่ตาย แค้นของนางก็ยังไม่ได้ชำระ มาจากไปเช่นนี้ออกจะน่าเสียดายอย่างมาก แต่ว่าฟังเสียงน้ำหยดในถ้ำหินแล้ว มู่หวั่นชิวก็รู้สึกในทันใดว่าสิ่งเหล่านั้นล้วนไม่จำเป็นอีกแล้ว เพียงแค่นอนเงียบๆ อยู่ในอ้อมกอดใครคนหนึ่ง ตายไปพร้อมเขาอย่างช้าๆ สลายเป็นเถ้าถ่านอย่างช้าๆ ก็เป็นเรื่องที่งดงามมากเรื่องหนึ่งเช่นกัน…
ในชั่วขณะนั้นหัวใจพลันว่างเปล่า นางถึงขั้นลืมไปแล้วว่าในชาตินี้นางยังมีศัตรูที่เกลียดเข้ากระดูกอีกหนึ่งคน…หร่วนอวี้
ทั่วร่างอบอุ่น มู่หวั่นชิวค่อยๆ เข้าสู่ความฝัน
แต่กลับถูกเสียงไอทำให้ตกใจตื่น มู่หวั่นชิวจึงลืมตาขึ้นทันใด “พี่หลีเป็นอะไรหรือ”
“เหมือนมีควันไฟ…” หลีจวินตอบ
เหตุใดนางจึงไม่ได้กลิ่นควันไฟ
มู่หวั่นชิวขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นอยากจะมองสีหน้าของหลีจวิน สายตาก็เลื่อนไปบนผนังหินด้านหลังเขา ร่างนางสั่นกระตุกไปทันใด
หลีจวินหันหน้ามาทันที แสงไฟที่เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างดึงเงาร่างของพวกเขาทอดยาวไปบนผนังหินราวกับภูตผี นอกจากนั้นแล้วก็ไม่มีอะไร เขาจึงหันหน้ากลับมาอย่างสงสัย “อาชิวเห็นอะไรหรือ”
“ตรงนี้มีภาพวาดบนผนัง!” มู่หวั่นชิวลุกพรวดขึ้นนั่ง ชี้นิ้วไปที่ผนังถ้ำ
หลีจวินมองไปตามนิ้วมือของนาง เป็นจริงตามที่พูด ท่ามกลางแสงไฟสลัวบนผนังสลักภาพเจ้าแม่กวนอินเอาไว้ บนหัวสวมมงกุฎมุก มีสร้อยหยกและพลอยพันตัว มือถือกิ่งหลิวที่ใส่อยู่ในขวดสะอาด ยืนอยู่บนฐานดอกบัวพันกลีบสีทองเปล่งประกาย ท่าทางราวกับมีชีวิต
“บนเขาฉี่หลิงมีถ้ำหินมากมาย ส่วนใหญ่ก็สลักภาพบนผนังเอาไว้เช่นนี้” หลีจวินพูดจบก็เห็นมู่หวั่นชิวลุกขึ้นเดินไปที่ผนังหิน เขาจึงก้าวเท้าเดินตามไป
“ก่อนหน้านี้ได้ยินพี่หลีพูดถึงเขาฉี่หลิงแห่งนี้ ข้าก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ” มู่หวั่นชิวยืนอยู่หน้าผนังหินแล้วพูดว่า “ตอนนี้ในที่สุดก็จำได้แล้ว ภาพบนผนังนี้ข้าเคยเห็นในตำราวิชาปรุงเครื่องหอมตระกูลเว่ย…” นางพูดพลางยื่นมือไปลูบฝักบัวก้านหนึ่งที่ยื่นออกมาจากฐานดอกบัวพันกลีบใต้เท้าเจ้าแม่กวนอิน
แม่นางเว่ยเคยทำสัญลักษณ์พิเศษไว้บนฝักบัวนี้ นางคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจมาตลอด ภาพในตำราวิชาปรุงเครื่องหอมตระกูลเว่ยร่างด้วยเส้น ดูแล้วไม่ให้ความรู้สึกพิเศษอะไร พอมาเห็นภาพสลักจริง มองดูฝักบัวก้านหนึ่งที่ยื่นออกมาจากกลางฐานบัวพันกลีบที่เบ่งบาน มู่หวั่นชิวก็คิดว่าน่าจะมีอะไรผิดปกติ แต่มองอยู่นานกลับรู้สึกว่าดูเป็นธรรมชาติ ราวกับว่ามันควรจะวางไว้ตรงนั้น
“ที่นี่ต้องมีอะไรแน่นอน” ปากพูดบ่น มือมู่หวั่นชิวก็ลูบไปบนนั้นไม่หยุด “เอ๋?” นางร้องขึ้นมาทันใด “ฝักบัวนี้ขยับได้” พอบิดนิ้วก็ได้ยินเสียงดังแกร๊ก ตัวฝักบัวก็หักลงข้างล่างในทันที
กำลังขมวดคิ้วอยู่ หางตาก็เหลือบเห็นร่างของมู่หวั่นชิวโอนเอน หลีจวินจึงจับตัวนางไว้ ปากก็ตะโกนพูด “อาชิวระวัง!”
เพิ่งสิ้นเสียงพูดก็เห็นหินก้อนใหญ่ใต้เท้าของคนทั้งสองแยกออก เผยให้เห็นปากถ้ำอันดำมืด กำลังจะเดินพลังเพื่อลอยขึ้นไปด้านบน หลีจวินก็เกิดความคิดในใจ กอดมู่หวั่นชิวแล้วพาดิ่งลงไปข้างล่างแทน
ลอยลงมาบนหญ้าแห้งกองหนึ่งเบาๆ มู่หวั่นชิวกับหลีจวินจึงเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน ได้ยินเพียงเสียงดังครืน หินก้อนใหญ่เหนือหัวค่อยๆ ปิดเข้าหากัน ตรงหน้ามู่หวั่นชิวมืดสนิทลงทันที จึงเอ่ยปากถาม “ที่นี่คือที่ใด”
“คงจะเป็นถ้ำอีกแห่งหนึ่ง ที่นี่อาจจะมีทางออก” น้ำเสียงหลีจวินแฝงความยินดี เขาปล่อยตัวมู่หวั่นชิว แล้วยื่นมือควักกลักจุดไฟออกมา
เป็นถ้ำหินแห่งหนึ่งจริงๆ มีขนาดเล็กกว่าเมื่อครู่ครึ่งหนึ่ง รอบด้านล้วนมีกลิ่นราอับชื้น หลีจวินมือถือกลักจุดไฟเดินสำรวจไปทั่ว “ที่นี่ไม่มีคนมานานแล้ว”
“ที่นี่ยังมีเทียน…” อาศัยแสงไฟ มู่หวั่นชิวก็เหลือบเห็นว่าบนโต๊ะหินตรงหน้าวางเทียนสีแดงยาวหนึ่งฉื่อไว้สองฝั่ง
จุดเทียนแล้ว หลีจวินจึงดับไฟจากกลักจุดไฟ
พอเทียนแดงสว่าง มู่หวั่นชิวก็พบว่าบนโต๊ะนั้นวางแผ่นป้ายสีแดงไว้ชิ้นหนึ่ง นางจึงเอ่ยปากอ่านว่า “ป้ายวิญญาณปรมาจารย์ปรุงเครื่องหอมเว่ยหง”
ปรมาจารย์ปรุงเครื่องหอมเว่ยหง?
(ตอนต่อไปพบกันวันที่ 19 กุมภาพันธ์ค่ะ)
Comments
