ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดหญิงเซียนเครื่องหอม เล่ม 6 ตอนที่ 5
“คิดไม่ถึงว่าคุณชายเฮยจะเป็นจวิ้นอ๋องของแคว้นเฉิน” เหลิ่งกังโบกพัดด้วยอาการที่ตื่นเต้นอย่างมาก “คราวนี้ดีเลย ใต้เท้าหร่วนคงไม่กล้าคิดร้ายกับบ่อนพนันอีผิ่นอีกแล้ว” แล้วมองไปทางมู่หวั่นชิวที่นั่งดื่มชาอยู่เงียบๆ “เหตุใดแม่นางไป๋ไม่รีบบอกเล่า ไยจึงปิดเป็นความลับไม่ยอมเปิดเผย!” น้ำเสียงแฝงการโอดครวญ
สองเดือนมานี้เขามีชีวิตที่น่าหวาดกลัวอย่างมาก
“ตำแหน่งเหลียนจวิ้นอ๋องนี้ก็เพิ่งได้รับการแต่งตั้งมา” มู่หวั่นชิวพ่นหัวเราะออกมา “ท่านก็รู้ว่าแคว้นเฉินเพิ่งจะผ่านการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ระหว่างนั้นจวิ้นอ๋องที่มีฐานะเป็นพระญาติแคว้นเฉินจะเปิดเผยง่ายดายได้อย่างไร”
“ก็จริง…” เหลิ่งกังพยักหน้าอย่างจริงจัง
เขาเองก็ได้ยินเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของแคว้นเฉินแล้ว
นิ่งเงียบอยู่นาน มู่หวั่นชิวจึงวางถ้วยชาลง “คุณชายเฮยคิดจะขยายโรงธูปไป่เยี่ย รับปากให้ข้าเข้าหุ้นด้วย บ่อนพนันของคุณชายเหลิ่งจะรวบรวมเงินให้ข้าได้หรือไม่”
โรงธูปไป่เยี่ยจะขยายกิจการและแปรรูปวัตถุดิบเครื่องหอมย่อมต้องการเงินทุนจำนวนมาก ด้วยความคิดเจ้าเล่ห์ของหลีจวิน มู่หวั่นชิวจึงตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่ยื่นมือไปขอตระกูลหลี แต่ให้ใช้เงินทุนของนางเองดีกว่า เผื่อวันใดทำให้หลีจวินไม่พอใจจะได้ไม่ถูกเขาตัดส่วนแบ่งกำไรไปอีก
จากการเจรจาหลายครั้ง นางได้รับประสบการณ์จากวิธีการของหลีจวินแล้ว
หลีจวินคนนี้ในสนามการค้าถือเป็นมารร้ายที่ไม่แบ่งแยกชายหญิง สามารถฆ่าเจ้าโดยไม่ต้องเจรจา
“รวบรวมเงิน?” เหลิ่งกังตะลึงไปครู่หนึ่ง “แม่นางไป๋ต้องการเท่าใด”
“ยิ่งมากยิ่งดี” มู่หวั่นชิวพูด “นอกจากส่วนแบ่งกำไรของข้า ถ้าคุณชายเหลิ่งมีเงินสด ข้าสามารถให้ดอกเบี้ยท่านได้สามส่วน”
ดอกเบี้ยสามส่วน?
นั่นแทบจะเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยสูงแล้ว
เหลิ่งกังมองมู่หวั่นชิวอย่างตกใจ “ดอกเบี้ยสูงอย่างนี้แม่นางไป๋จะได้กำไรหรือ”
เฮยมู่ที่ปกติก็เป็นคนใจกว้างอยู่แล้ว จะให้ดอกเบี้ยเขาสูงเท่าใดกัน
นั่นต้องรอให้โรงธูปไป่เยี่ยขยายใหญ่ได้กำไรแล้วจึงจะได้ เหลิ่งกังรู้สึกรางๆ ว่ากิจการเครื่องหอมนี้ทำได้ยากยิ่ง
อีกทั้งด้วยอำนาจยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้นของตระกูลหลี หากห้ามมิให้ทำการค้านี้ อย่างไรก็ไม่อาจทำได้
“ข้าทำการค้าขายที่ขาดทุนตั้งแต่เมื่อใด” มู่หวั่นชิวยิ้มมั่นใจอย่างมาก “ท่านลองดูว่าจะเอาเงินออกมาได้เท่าใด”
ถลึงตามองนางอยู่นาน เหลิ่งกังจึงพูดบ่น “คนที่ขาดทุนเงินในบ่อนพนันเหล่านั้นล้วนเชื่อมั่นอย่างนี้จึงได้เสียบ้านสูญทรัพย์สิน” เห็นมู่หวั่นชิวเพียงมองมาโดยไม่พูดอะไร เขาจึงถอนหายใจ “เอาล่ะๆ ข้าพูดสู้เจ้าไม่ได้ เงินทุนหมุนเวียนที่เหลือ รวมทั้งเงินของข้าคงสามารถเอาออกมาได้สามสี่แสนกระมัง” แล้วพูดอีกว่า “ไม่ต้องกำไรสามส่วนอะไรหรอก เจ้าอยากใช้ก็เอาไปเถอะ ถ้ารู้สึกไม่ดีจริงๆ ก็ใช้กฎในร้านแลกเงิน ให้กำไรข้าหนึ่งส่วนก็พอ”
“เอ่อ…” มู่หวั่นชิวลังเลใจ
เงินเหล่านี้นางไม่ได้ใช้แค่วันสองวัน อีกทั้งหากวางเงินไว้หมุนเวียนในบ่อนพนันก็ไม่ได้กำไรมากเท่านี้ แต่ถ้าเอาไปที่โรงธูปไป่เยี่ยก็จะมีกำไรไหลมาเทมา ให้เหลิ่งกังเพียงส่วนเดียวดูเหมือนจะเป็นการรังแกกันเกินไป
“คุณหนูๆ” กำลังลังเลใจ โม่เสวี่ยก็รีบเดินเข้ามา อ้าปากกำลังจะพูดอะไรก็มองเห็นเหลิ่งกังนั่งอยู่ในโถง เสียงนั้นจึงชะงักไป “คารวะคุณชายเหลิ่ง…”
“แม่นางไป๋มีธุระ ข้าขอตัวก่อน” เหลิ่งกังยืนขึ้นอย่างรู้ความ
เห็นโม่เสวี่ยเหมือนมีเรื่องด่วน มู่หวั่นชิวจึงไม่ได้รั้งตัวไว้ เพียงพูดต่อไปว่า “คุณชายเหลิ่งค่อยๆ เดิน…”
ส่งเหลิ่งกังกลับมาแล้ว มู่หวั่นชิวจึงถามว่า “มีเรื่องอะไรที่ทำให้เจ้าร้อนใจอย่างนี้”
“ทูตแคว้นเฉินเอินชินอ๋องกับองค์หญิงชิงหวั่นมาแล้วเจ้าค่ะ”
เรื่องนี้นางรู้แล้ว
ใต้เท้าจั่วเรียกให้ชาวเมืองทำความสะอาดพื้นถนนที่เปื้อนฝุ่น ต้อนรับทูตแคว้นเฉินราวกับต้อนรับฮ่องเต้ เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไรอยู่แล้ว ได้ฟังคำพูดนี้ มู่หวั่นชิวเพียงแค่มองหน้าโม่เสวี่ยโดยไม่ได้พูดอะไร
“บ่าวเพิ่งได้ข่าว ครั้งนี้แม้เบื้องหน้าทูตแคว้นเฉินจะมาเพื่อขอเข้าเฝ้าฝ่าบาท แต่แท้จริงแล้วกลับแอบมาเลือกวาณิชนำเข้าเครื่องหอมของแคว้นเฉินอย่างลับๆ”
“เลือกวาณิชนำเข้าเครื่องหอม?” มู่หวั่นชิวลุกพรวดนั่งตัวตรง เหมือนมีอะไรบางอย่างแล่นผ่านหัวทันใด
“ใช่เจ้าค่ะ” โม่เสวี่ยพยักหน้า “ที่ใต้เท้าจั่วเตรียมการต้อนรับยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ก็เพื่อหาโอกาสให้แก่ตระกูลหลิ่ว” นางจับมือมู่หวั่นชิว “คุณหนูรีบไปพบคุณชายหลีแล้วคิดหาวิธีกันเถอะเจ้าค่ะ ด้วยฝีมือของท่านต้องสามารถเอาชนะใจทูตแคว้นเฉินได้แน่ โอกาสครั้งนี้จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด!”
หากกิจการนำเข้าเครื่องหอมของแคว้นเฉินถูกตระกูลหลิ่วได้ไปจริง ชีวิตของพวกเขาคงจะยิ่งลำบาก
“เจ้าพูดถูก” มู่หวั่นชิวลุกพรวดขึ้นมา “หลายเดือนมานี้แคว้นเฉินอยู่ในความวุ่นวาย กิจการทั้งหมดล้วนหยุดลง ตอนนี้ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์แล้ว ย่อมต้องเลือกวาณิชนำเข้าเครื่องหอมใหม่ ถ้าคว้าโอกาสนี้ได้ เครื่องหอมที่อยู่ในคลังตระกูลหลีเหล่านั้นก็จะมีทางช่วยได้แล้ว”
รีบเดินจนมาถึงประตู มือที่จับประตูของมู่หวั่นชิวก็หยุดชะงัก ก่อนที่นางจะหมุนตัวเดินกลับมา แล้วยื่นมือไปหยิบหนังสือบนโต๊ะขึ้นมาก้มลงอ่าน
“คุณหนู…” โม่เสวี่ยมองนางอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่ต้องแย่งกันหรอก การนำเข้าเครื่องหอมนี้จะเป็นของตระกูลหลี”
“คุณหนู…” เห็นนางสงบนิ่งเช่นนี้ โม่เสวี่ยก็กระแทกเท้า “ด้านนอกลือกันไปทั่ว เพราะข่าวการตายของปรมาจารย์กู่ไปถึงแคว้นเฉิน ฮ่องเต้แคว้นเฉินจึงคิดจะทิ้งตระกูลหลี คุณหนูต้องให้ทูตแคว้นเฉินรู้ว่าฝีมือของท่านเหนือกว่าปรมาจารย์กู่ ตระกูลหลีจึงจะรักษากิจการส่งออกเครื่องหอมไปที่แคว้นเฉินได้!”
“เจ้านี่…” มู่หวั่นชิวยิ้มพลางเขกหัวโม่เสวี่ยหนึ่งที “ฝ่าบาทไม่ร้อนใจ ขันทีร้อนใจแทน* จริงๆ!” แล้วพูดอีกว่า “เจ้ายังไม่เชื่อใจการวางแผนของพี่หลีอีกหรือ” นางยิ้มส่ายหน้า “พวกเราน่ะไม่ต้องวุ่นวายใจอะไรหรอก แค่รอดูความคึกคักก็พอ”
ตอนแรกที่ได้ยินว่ากู่ฉินได้รับบาดเจ็บ นางก็เคยทำตัวเหมือนคนโง่มาครั้งหนึ่งแล้ว ผลปรากฏว่านางกลับถูกหลีจวินไล่ออกมาต่อหน้าคนทั้งห้อง การทำตัวเหมือนคนโง่เช่นนั้น นางไม่อยากทำอีกเป็นครั้งที่สอง…
เห็นท่าทางของนางเหมือนเรื่องทุกอย่างอยู่ในกำมือ โม่เสวี่ยก็กะพริบตาอย่างสงสัย