รุ่งสางวันต่อมาจั่วเฟิงนำเหล่าขุนนางเมืองต้าเยี่ยมาส่งเสด็จเอินชินอ๋องถึงที่พักรับรอง ทุกคนล้วนเก็บของพร้อมรอออกเดินทางแล้ว
คาดไม่ถึงว่าองค์หญิงชิงหวั่นจะหายตัวไป
ทุกคนในที่พักรับรองตกใจมาก แม้แต่จั่วเฟิงกับหร่วนอวี้ก็ยังมีสีหน้าเปลี่ยนไป พวกเขารีบสั่งคนให้ปิดประตูเมืองทั้งสี่ แล้วตรวจสอบอย่างละเอียด
หากองค์หญิงชิงหวั่นเกิดเรื่องขึ้นในเมืองต้าเยี่ย นั่นไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย!
ดีไม่ดีหัวของขุนนางอย่างพวกเขาคงจะต้องย้ายบ้านแล้ว
ค้นหาอยู่นานก็มีองครักษ์คนหนึ่งพบจดหมายฉบับหนึ่งใต้เตียงองค์หญิงชิงหวั่น เขาจึงรีบนำมาถวาย
‘ชิงหวั่นจะอยู่ที่เมืองต้าเยี่ยช่วยคัดเลือกวาณิชนำเข้าแทนเสด็จพี่ห้า ข้าตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว ขอเสด็จพี่ห้าอนุญาตด้วย’
อ่านตัวอักษรหวัดหลายตัวนี้แล้ว ในใจเอินชินอ๋องพลันเกิดความฉุนเฉียว เขาขยำจดหมายเป็นก้อน แล้วตะคอกใส่องครักษ์ “องค์หญิงซ่อนตัวอยู่ละแวกนี้แน่ ค้นให้ละเอียด!”
จั่วเฟิงก้มลงเก็บจดหมายที่ขยำเป็นก้อนขึ้นมาแล้วคลี่ออกอย่างระมัดระวัง ร่างนั้นแข็งเกร็งไปทันที เพียงชั่วครู่ ในดวงตาเขาก็ฉายความยินดี อ้าปากคิดอยากพูดอะไร แต่หางตาเหลือบเห็นสีหน้าดำคล้ำของเอินชินอ๋องเข้าเสียก่อน จึงเก็บสีหน้าแล้วหันไปสั่งการทหารข้างกาย “ปิดโรงเตี๊ยมทั้งหมด แล้วตรวจค้นทีละแห่ง!”
ในเมื่อองค์หญิงชิงหวั่นไม่อยากไป นางก็ต้องซ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งใดแห่งหนึ่งแน่นอน ได้ยินคำสั่งการของจั่วเฟิงแล้ว เอินชินอ๋องก็พยักหน้าเห็นด้วย
เห็นสีหน้าเขาดีขึ้นบ้าง จั่วเฟิงจึงฉวยโอกาสพูด “ท่านอ๋องห้าวางพระทัยได้ ข้าน้อยดูแลพื้นที่เขตนี้อยู่ องค์หญิงชิงหวั่นไม่เป็นอะไรแน่นอน ท่านอ๋องห้าทรงกลับเข้าไปดื่มชาพักผ่อนสักครู่ดีกว่า”
เอินชินอ๋องพยักหน้า ไม่แสดงอาการใด
ใช้เวลาอยู่สามวัน แม้จะค้นหาโรงเตี๊ยมทั่วทุกแห่งแล้ว องค์หญิงชิงหวั่นก็ยังคงไร้ร่องรอย ทำให้คนในเมืองต้าเยี่ยหวาดหวั่นยิ่ง
เอินชินอ๋องเริ่มนั่งไม่ติด องค์หญิงชิงหวั่นไม่ได้นำองครักษ์ไปและไม่ได้พักในโรงเตี๊ยม นางตัวคนเดียวอยู่ข้างนอกอันตรายอย่างมาก ไทเฮาทรงมีบุตรสาวเพียงคนเดียวและเห็นนางเป็นดั่งไข่มุกบนฝ่ามือ แม้แต่เสด็จพี่ใหญ่ที่เป็นถึงโอรสสวรรค์ยังต้องยอมให้แก่นางบ้าง หากติดตามเขามาแล้วเกิดเรื่องกับนางขึ้น เขาคงไม่อาจชี้แจงได้
เห็นเขาร้อนใจขึ้นมา จั่วเฟิงจึงพูดว่า “ข้าน้อยมีคำพูด แต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือไม่”
เอินชินอ๋องเงยหน้าขึ้น “ใต้เท้าจั่วมีอะไรก็พูดมาตามตรงได้เลย”
“ตามความคิดเห็นของข้าน้อย ในเมื่อองค์หญิงทรงตัดสินใจจะอยู่ที่เมืองต้าเยี่ย องค์หญิงก็ต้องซ่อนอยู่ที่ใดที่หนึ่งแน่นอน หากท่านอ๋องห้าอยู่ที่เมืองต้าเยี่ยนางก็คงไม่ยอมเปิดเผยตัว” จั่วเฟิงเปลี่ยนประเด็นพูด “ข่าวการหายตัวไปขององค์หญิงทำให้ทุกคนในเมืองต้าเยี่ยรู้แล้ว ข้างกายนางก็ไม่มีองครักษ์ ยิ่งอยู่นานเท่าใดก็มีอันตรายมากเท่านั้น ท่านอ๋องมิสู้…” เสียงนั้นชะงักไปทันใด
เขาเชื่อว่าขอเพียงเอินชินอ๋องจากไป องค์หญิงชิงหวั่นต้องยอมเปิดเผยตัวแน่นอน แต่หากคำพูดนี้ออกมาก็ดูจะแฝงความหมายการไล่แขกเอาไว้อย่างมาก ทำให้เขายากจะเอ่ยปากได้
จ้าวซิ่นองครักษ์ประจำกายดวงตาเปล่งประกาย “ใต้เท้าจั่วพูดถูก ท่านอ๋องสู้จากไปก่อนดีกว่า องค์หญิงจะต้องยอมออกมาอย่างแน่นอน!” แล้วพูดอีกว่า “ท่านอ๋องสามารถทิ้งคนจำนวนหนึ่งไว้คุ้มครองความปลอดภัยขององค์หญิงได้”
นิ่งเงียบอยู่นาน เอินชินอ๋องจึงพยักหน้า “ได้ คืนนี้เร่งออกค้นหา ถ้ายังไม่พบ พรุ่งนี้เช้าออกเดินทาง!”
วันที่สี่ ยังคงไม่มีข่าวคราวขององค์หญิงชิงหวั่น
แม้จะยังกังวลใจ แต่เอินชินอ๋องยังคงไปจากเมืองต้าเยี่ยตามลำพัง ก่อนออกเดินทางยังได้ส่งจดหมายลับให้หลีจวิน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องคุ้มครององค์หญิงชิงหวั่นให้ปลอดภัย