“คุณหนู ท่านอ๋องห้าทรงนำคนออกไปจากต้าเยี่ยแล้วเจ้าค่ะ!” วิ่งกระหืดกระหอบกลับถึงคฤหาสน์ตระกูลหลิ่วแล้ว พอเจินจูเข้าห้องก็ตะโกนเสียงดัง
“ไปแล้วจริงหรือ” น้ำเสียงหลิ่วเฟิ่งแฝงความผิดหวังรางๆ
“จริงเจ้าค่ะ” เจินจูพยักหน้า “บ่าวเดินตามกลุ่มคนที่ไปดูความคึกคัก แล้วก็เห็นขบวนของเอินชินอ๋องเดินออกประตูเมืองทางเหนือไป”
หลิ่วเฟิ่งวางงานฝีมือในมือลง ค่อยๆ เดินมาที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จับส่วนนูนบนขอบคันฉ่องแต่งหน้า บิดเบาๆ ก็เห็นภาพใหญ่บนผนังค่อยๆ ม้วนขึ้น เผยให้เห็นประตูลับบานหนึ่ง หลิ่วเฟิ่งผลักเปิดประตูลับแล้วเดินเข้าไป
ข้างในเป็นห้องลับที่กว้างมาก โต๊ะเก้าอี้เตียงมุ้งมีพร้อมสรรพ ตกแต่งหรูหราอย่างมาก องค์หญิงชิงหวั่นที่หายตัวไปสามวันกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ ถือเครื่องหอมบนโต๊ะเล่น เห็นหลิ่วเฟิ่งเข้ามาจึงเอ่ยปากถาม “เสด็จพี่ของข้าออกเดินทางไปแล้วหรือ”
“ทูลองค์หญิง ท่านอ๋องห้าเพิ่งจะออกจากเมืองไปเจ้าค่ะ”
“ดีเหลือเกิน!” องค์หญิงชิงหวั่นรู้สึกลิงโลด
“ครั้งนี้องค์หญิงทำให้อาเฟิ่งลำบากแล้ว…” หลิ่วเฟิ่งถอนหายใจเหมือนจนใจ “หากทางการรู้ว่าอาเฟิ่งซ่อนตัวองค์หญิงไว้ จะต้องฆ่าล้างตระกูลหลิ่วแน่นอน”
“เจ้าวางใจได้!” องค์หญิงชิงหวั่นแตะไหล่นาง “อีกครู่ข้าจะแอบนั่งรถม้ากลับไปที่พักรับรอง จะไม่ทำให้เจ้าลำบากเด็ดขาด”
“อาเฟิ่งขอบพระทัยองค์หญิงที่เข้าใจ!” หลิ่วเฟิ่งฉวยโอกาสย่อคำนับ “อาเฟิ่งจะเตรียมรถทันที อีกครู่องค์หญิงก็ออกไปทางประตูด้านหลัง อาเฟิ่งจะส่งองครักษ์แอบคอยคุ้มครองท่าน”
“ดี!” องค์หญิงชิงหวั่นพยักหน้า กำลังจะลุกขึ้น ทันใดนั้นก็ชะงักไป “ไม่ได้ๆ ข้ากลับไปตอนนี้ไม่ได้…” เห็นหลิ่วเฟิ่งสงสัย นางจึงพูดอีกว่า “หากกลับไปตอนนี้ เสด็จพี่ห้าคงยังไปไม่ไกลแน่นอน เขาได้ข่าวแล้วต้องกลับมาจับตัวข้าไปแน่ๆ ข้าต้องรอให้เขาเดินทางไปไกลก่อนแล้วค่อยออกไปดีกว่า”
“ถ้าองค์หญิงไม่ปรากฏตัว ใต้เท้าจั่วคงร้อนใจแย่ สองวันนี้ทางการค้นเมืองต้าเยี่ยจนแทบจะพลิกพื้น คฤหาสน์ตระกูลหลิ่วเองก็ถูกค้นจนแทบจะพลิกบ้านแล้วเพคะ” วันนั้นองค์หญิงชิงหวั่นบอกว่าวันรุ่งขึ้นจะไปคฤหาสน์ตระกูลหลิ่ว เพื่อหลบเลี่ยงข้อสงสัย จั่วเฟิงตั้งใจให้คนของเอินชินอ๋องตามมาค้นหาที่คฤหาสน์ตระกูลหลิ่วด้วย
“ไม่เป็นไร…” องค์หญิงชิงหวั่นส่ายหน้าอย่างไม่สนใจ สายตาเลื่อนไปที่เครื่องหอมข้างมือ “เครื่องหอมเหล่านี้กลิ่นดีจริง ราวกับปรมาจารย์กู่ยังอยู่บนโลก…” แล้วส่ายหน้า “ยังดีกว่าปรมาจารย์กู่ขั้นหนึ่ง แม่นางหลิ่วฝีมือสูงส่งจริง ข้าจะแนะนำเจ้าให้…เสด็จพี่ใหญ่แน่นอน”
คิดจะพูดว่าแนะนำเจ้าให้เป็นวาณิชนำเข้าเครื่องหอม แต่พอคิดถึงหลีจวินแล้วเสียงนั้นก็ชะงักไป นางยังต้องใช้วาณิชนำเข้าเครื่องหอมนี้มาหลอกล่อหลีจวิน ตอนนี้จะให้สัญญาออกไปไม่ได้
นางเสียกำลังไปมากเพื่ออยู่ต่อในเมืองต้าเยี่ยให้ได้เช่นนี้ ทั้งหมดล้วนทำเพื่อเขา
ได้ยินคำว่า ‘แนะนำ’ แล้ว หัวใจหลิ่วเฟิ่งก็เต้นแรง แต่รออยู่นานก็ไม่มีคำใดต่อ นางรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง จึงหยิบขี้ผึ้งหอมสี่ฤดูที่เพิ่งผลักดันออกมากล่องหนึ่ง
“กลิ่นนี้ดีกว่าเครื่องหอมที่แคว้นเฉินนำเข้าเมื่อก่อนหรือไม่”
สีหน้าหลิ่วเฟิ่งสลดลงทันใด “องค์หญิงล้ออาเฟิ่งเล่นแล้ว อาเฟิ่งจะเอาชนะปรมาจารย์กู่ที่เป็นเสมือนเทพได้อย่างไร”
เครื่องหอมที่แคว้นเฉินนำเข้าเมื่อก่อนล้วนเป็นของตระกูลหลี ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากฝีมือของกู่ฉิน
“ไม่ได้หลอกเจ้านะ เครื่องหอมเหล่านี้ดีกว่าที่ข้าใช้เมื่อก่อนเสียอีก…” องค์หญิงชิงหวั่นพยักหน้าจริงจัง “ถ้าไม่ใช่การคัดเลือกวาณิชนำเข้าเครื่องหอมยังต้องให้เสด็จพี่ห้าเห็นด้วย ข้าก็อยากจะเลือกเจ้าเสียเลย อืม…” นางเงยหน้าครุ่นคิดสักครู่ “ในเมื่อข้ารับปากเสด็จพี่ห้าว่าจะช่วยเขาเลือกวาณิชนำเข้าเครื่องหอมแล้ว ก็ต้องไปเยี่ยมเยือนหลายๆ ร้านสิจึงจะถูก” นางดึงมือหลิ่วเฟิ่ง “ในเมืองต้าเยี่ยยังมีร้านเครื่องหอมใหญ่ร้านใดอีกบ้าง แม่นางหลิ่วช่วยแนะนำข้าสักหน่อยเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะไปเดินดู”
ในสายตามีความดุร้ายแวบผ่าน ก่อนที่หลิ่วเฟิ่งจะฉีกยิ้มออกมา “แนะนำแล้ว ถ้าองค์หญิงทรงไปเกิดผิดหวังขึ้นมาจะต้องคิดว่าอาเฟิ่งมีใจเอนเอียงเป็นแน่ เอาอย่างนี้ดีกว่า พรุ่งนี้ข้าจะไปกับองค์หญิงเดินดูหอธูปใหญ่ต่างๆ องค์หญิงลองฟังคำพูดของพวกเขาแล้วเปรียบเทียบกันดู องค์หญิงย่อมรู้ได้ว่าเครื่องหอมของใครดี”
“นี่เป็นความคิดที่ไม่เลว” องค์หญิงชิงหวั่นดวงตาเปล่งประกาย “พูดกันดีแล้วนะ พรุ่งนี้เช้าพวกเราไปกัน!”
หลิ่วเฟิ่งพยักหน้ารับคำ ในใจหัวเราะเย็นชา
ในหอธูปใหญ่ต่างๆ สินค้าที่ขายดีที่สุดก็คือเครื่องหอมของร้านอี้เหอ อีกทั้งเครื่องหอมส่วนใหญ่ของตระกูลหลีก็ถูกปลดลงจากชั้นวางขายแล้วด้วย
ในครั้งนี้การเป็นวาณิชนำเข้าเครื่องหอมของแคว้นเฉินต้องเป็นของตระกูลหลิ่วของนางอย่างแน่นอน!