บทที่เจ็ด
“เวลาในการขอฝนได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ถ้าเลยเวลาจะถือว่าทำผิดต่อฟ้า” ขณะที่มู่หวั่นชิวกำลังครุ่นคิดอยู่ ก็ได้ยินใต้เท้าสวีพูดต่อไปว่า “ขอเชิญแม่นางร่วมไปส่งเด็กคู่นี้กับข้าก่อน เรื่องอื่นไว้กลับมาแล้วค่อยปรึกษากัน”
นางหลุดปากพูดว่าสามารถขอฝนได้ นับว่านางเอาตัวเองไปแขวนไว้บนเส้นลวดแล้วแท้ๆ เพราะดวงตาดำไร้พิษภัยคู่นี้เหมือนหม่าจู้เอ๋อร์ ในจิตใจของนางจึงต้องการรักษาชีวิตนี้ไว้ พอได้สติกลับคืนมา มู่หวั่นชิวก็รู้สึกเสียใจ คิดอยู่ว่าจะเอาตัวรอดอย่างไรดี
กลับคิดไม่ถึง พอใต้เท้าสวีได้ยินว่านางมีเงินมหาศาล เขาก็เหมือนแมลงวันที่จับจ้องนางไม่ยอมปล่อย
ในเมื่อนางเอาตัวรอดไม่ได้ เช่นนั้นเด็กสองคนนี้ก็จะตายไม่ได้!
เมื่อความคิดแล่นผ่านในหัว มู่หวั่นชิวจึงคำนับใต้เท้าสวีอย่างนอบน้อม แล้วพูดว่า “ขอใต้เท้าให้เวลาข้าน้อยสามวัน ข้าน้อยต้องขอฝนครั้งใหญ่ให้ชาวเมืองผิงเฉิงได้อย่างแน่นอน”
มู่หวั่นชิวพยายามย้อนความจำในชาติก่อน เสียงพูดจึงไม่รีบไม่ร้อน
“สามวันให้หลัง หากแม่นางขอฝนไม่ได้…” ใต้เท้าสวีน้ำเสียงเย็นชาขึ้นทันใด “จะทำอย่างไร!”
“เรื่องนี้…” มู่หวั่นชิวเสียงหายไปเล็กน้อย “ข้าน้อยต้องขอฝนได้แน่นอน!”
เผชิญหน้าในทางคับแคบ…ผู้หาญกล้าย่อมมีชัย ในตอนนี้หากนางแสดงความลังเลออกมาแม้เพียงเล็กน้อย ทุกอย่างก็ยากจะแก้ได้
ใต้เท้าสวีมีสีหน้าแดงก่ำ
“เด็กบ้านี่มาจากที่ใดกัน อายุน้อย แต่กลับกล้าพูดจาเหลวไหล!” เห็นทั้งสองคนไม่ยอมอ่อนข้อให้กันเช่นนี้ กุนซือปากแหลมหน้าคล้ายวานร ก็พลันพูดแทรกขึ้นมา “เจ้าบอกว่าสามารถขอฝนได้ แล้วเจ้าเอาอะไรมาเป็นหลักประกัน สามวันให้หลัง หากเจ้าหนีไปแล้วจะทำอย่างไร” จากนั้นก็หันไปทางฝูงชน พลางพูดปลุกปั่น “ทุกคนล้วนรู้ว่าใต้เท้าสวีไปอธิษฐานในวัดเจ้ามังกรแล้ว วันนี้ยามซวีจะต้องส่งมอบเด็กไปให้ หากไม่ส่งไปตามเวลา จะทำให้เจ้ามังกรพิโรธ หากฝนไม่ตกไปสามปี แล้วเด็กสาวผู้นี้เกิดหนีไป คนที่รับทุกข์รับเคราะห์ก็คือพวกเรา!”
คำพูดลอยๆ เพียงประโยคเดียว กุนซือผู้นี้ก็ผลักความรับผิดชอบในการขอฝนไม่ได้มาให้มู่หวั่นชิวแล้ว
ใต้เท้าสวีดวงตาเปล่งประกาย “ในเมื่อแม่นางบอกว่าสามารถขอฝนได้จริง มีสิ่งใดมาแสดงหรือไม่ ลองเอาออกมาให้ชาวเมืองทุกคนดูสักนิดเถอะ เพื่อความสบายใจ!”
“เรื่องนี้…” มู่หวั่นชิวขมวดคิ้ว นางมีวิชาอาคมอะไรเสียที่ไหนเล่า
ที่มั่นใจขนาดนั้น เพราะนางจำได้อย่างชัดเจนว่าในชาติก่อน อีกสามวันให้หลังจะมีฝนตกครั้งใหญ่ เป็นเพราะเกิดภัยแล้งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรอบร้อยปี ดังนั้นวัน เวลา สถานที่ และระยะเวลาของฝนในครั้งนั้นจึงถูกทางการบันทึกรายงานต่อราชสำนักไว้อย่างชัดเจน ทั้งยังนำไปบันทึกลงในหน้าประวัติศาสตร์
ดังนั้นแม้ว่าชาติก่อนจะไม่เคยมาที่เมืองผิงเฉิง เรื่องเหล่านี้นางก็ยังรู้ได้ แต่ว่าสิ่งเหล่านี้ถึงตายนางก็มิอาจพูดออกไปได้
“นั่นสิ แม่นางน้อย ในเมื่อเจ้ามีวิชาอาคม ก็แสดงออกมาให้พวกเราดูสักหน่อยสิ”
“แสดงออกมาเถอะ ถ้าเจ้าขอฝนไม่ได้จะทำอย่างไรเล่า”
“หากเจ้าขอฝนไม่ได้ ทำให้เจ้ามังกรเคืองขุ่น มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลยนะ”
“แสดงออกมา”
“แสดงออกมาเถอะ”
เห็นมู่หวั่นชิวยังคงไม่พูดไม่จา ฝูงชนก็ค่อยๆ ลุกฮือขึ้นมา
อย่างไรเสียนางก็เป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งที่เอาชนะเซียนพนันทิพย์กุมารได้ ก็เพียงเพราะล่วงรู้อนาคตเท่านั้น จะนำมาใช้เป็นหลักประกันว่าจะขอฝนได้
คนทำนายอาศัยฟ้าหากิน ฝนฟ้าไม่ตก สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ก็มีเพียงกระหายตายและหิวตายเท่านั้น ในตอนนี้ใครจะกล้าเอาความเป็นความตายมาฝากไว้กับเด็กสาวที่ไม่รู้ที่มาชัดแจ้ง!