ที่ให้หร่วนซีพาคนในค่ายลับและเงินทองจากไปก่อน เขาก็ทำเพื่อให้พ่อบุญธรรมและหลิ่วเฟิ่งได้มีที่อยู่มิใช่หรือ
แขนนั้นยกขึ้นแล้ววางลง วางลงแล้วยกขึ้น หร่วนอวี้ไม่อาจรวบรวมความกล้าเข้าไปถามหลิ่วอู่เต๋อได้
ทันใดนั้นเขาก็กระโดดลอยตัวข้ามหลังคาบ้านเข้าไป เดินมาถึงห้องหนังสือของหลิ่วอู่เต๋ออย่างคุ้นเคย ทว่าหลิ่วอู่เต๋อไม่ได้อยู่ในห้อง หร่วนอวี้จึงมุ่งไปที่ห้องของหลิ่วเฟิ่ง ขยับกระเบื้องหลังคาบนห้องออกเป็นช่องเล็ก แล้วก้มหน้ามองลงไป ก่อนจะเห็นหลิ่วอู่เต๋อกำลังนั่งคุยกับหลิ่วเฟิ่งอยู่ในห้อง
“ถึงอาเฟิ่งตายก็ไม่แต่งงานกับพี่รอง!” หลิ่วเฟิ่งตะโกนอย่างสุดแรง “อาเฟิ่งชอบพี่สาม พวกเราหมั้นหมายกันแล้ว กระทั่งลือกันไปทั่วเมืองต้าเยี่ยแล้วด้วย!”
“หมั้นแล้วก็ถอนหมั้นได้” หลิ่วอู่เต๋อพูดกล่อมอย่างอดทน “พ่อทำเช่นนี้ก็เพราะหวังดีกับเจ้า” เขาถอนหายใจ “องค์รัชทายาทถูกปล่อยออกจากวังหย่งอันแล้ว แม้จะยังไม่มีพระราชโองการคืนตำแหน่งองค์รัชทายาทอย่างชัดเจน แต่ฝ่าบาททรงอนุญาตให้เขาเดินไปมาในห้องทรงพระอักษรได้แล้ว ด่านแถบเขาอูเจวี๋ยก็เปลี่ยนคนป้องกัน พ่อส่งสายลับไปหลายทางล้วนสืบข่าวของฉางหมิ่นไม่ได้เลย เกรงว่าเขาคงจะประสบเคราะห์ไปแล้ว” หลิ่วอู่เต๋อน้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล “เรือของอิงอ๋องลำนี้เกรงว่าคงจะจมแล้ว!”
“พี่สามอายุน้อย ทั้งยังเก่งกล้า ฉลาดคิดการดี วรยุทธ์ก็สูงส่ง พวกเราไม่พึ่งอิงอ๋องก็สามารถรุ่งเรืองได้เช่นกัน!”
“ช่างไร้เดียงสานัก!” หลิ่วอู่เต๋อตบโต๊ะอย่างแรง “เมื่ออิงอ๋องล้มแล้ว อวี้เอ๋อร์ก็จะเป็นคนแรกที่ต้องตาย!”
ถูกความโกรธเกรี้ยวของบิดาทำให้ตกใจ หลิ่วเฟิ่งก็ตัวสั่น นางตะลึงมองหน้าบิดาจนลืมพูด
ผ่านไปครู่ใหญ่จึงร้องไห้โฮขึ้นมา
“อาเฟิ่งอายุยังน้อย ย่อมไม่รู้ว่าการแย่งชิงบัลลังก์นี้แต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นเช่นเจ้าตายข้าอยู่” หลิ่วอู่เต๋อเสียงพูดอ่อนลง “อวี้เอ๋อร์เป็นทหารของอิงอ๋อง ทั้งยังเป็นขุนนางที่สร้างความชอบด้วยการฆ่าอัครเสนาบดีมู่ ถ้าองค์รัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์เมื่อใด คนแรกที่จะไม่ปล่อยไว้ก็คือเขา” แล้วเปลี่ยนประเด็นพูด “ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็แล้วไปเถอะ ด้วยกำลังทรัพย์ของตระกูลหลิ่วพ่อยังสามารถใช้เงินซื้อความปลอดภัยของอวี้เอ๋อร์ได้ แต่เรื่องจันทน์หอมครั้งนี้ตระกูลหลิ่วสูญเงินไปถึงสามล้านตำลึงภายในคืนเดียวเชียวนะ!” พูดตัวเลขนี้ออกมาแล้ว หลิ่วอู่เต๋อก็ปวดใจจนแทบเต้น ทั้งแค้นหร่วนอวี้จนเข้ากระดูก เขาจึงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูด “เดิมทีพ่อก็ไม่คิดจะก้าวเข้าไปในน้ำขุ่นนี้หรอก แต่อวี้เอ๋อร์กลับเอาจดหมายลับของอิงอ๋องมา…”
“แต่ว่า…” พูดถึงเรื่องนี้หลิ่วเฟิ่งก็รู้ว่าท่านพ่อแค้นหร่วนอวี้เพียงใด นางจึงลดเสียงพูดลง
“แต่ว่าอวี้เอ๋อร์มิใช่มังกร!” ไม่รอให้หลิ่วเฟิ่งพูดจบ หลิ่วอู่เต๋อก็พูดต่อไป “ตอนแรกพ่อมองผิดไปเอง คิดว่าเขาเป็นมังกร จนเกือบจะทำลายชีวิตของอาเฟิ่งไปแล้ว!” เขารู้สึกเสียใจภายหลัง “โชคยังดีที่อาเฟิ่งกับเขายังไม่ได้เข้าพิธีกัน!” เขาเปลี่ยนประเด็นพูด “หลิงเทามีหลักฐานที่อิงอ๋องทรงวางแผนชิงบัลลังก์แล้ว รอเพียงแค่เวลาที่เหมาะสม หลังจากที่เขาสร้างความชอบแล้วพ่อก็จะคุยกับอวี้เอ๋อร์เรื่องถอนหมั้นพวกเจ้าสองคนด้วยตนเอง” แม้เสียงพูดจะอ่อนโยน แต่น้ำเสียงกลับเด็ดขาด แฝงด้วยความหมายที่ไม่ยอมให้คัดค้านออกมารางๆ
หร่วนอวี้ที่อยู่บนหลังคาใจสั่น แอบคิดว่าที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง เอาจดหมายลับของข้ากับอิงอ๋องไปเอาความชอบ รอจนพี่รองสร้างผลงานแล้วก็จะเป็นเวลาที่ข้าต้องตกนรก ถึงตอนนั้นการหมั้นหมายนี้ก็มิใช่เรื่องที่บารมีของข้าจะรักษาไว้ได้แล้ว พ่อบุญธรรมโหดร้ายมาก แค่สูญเงินไปสามล้านตำลึง เขาก็ไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์พ่อลูกที่มีมานานหลายปีแล้ว!