หร่วนอวี้เข้าใจแผนการทั้งหมดของหลิ่วอู่เต๋อในทันที หัวใจเขาเกิดความเศร้ารันทดอย่างไร้ขอบเขตขึ้นมา
บนโลกนี้ยังจะมีความจริงใจอยู่ที่ใดอีกเล่า ล้วนแต่เป็นความต้องการในผลประโยชน์ทั้งสิ้น!
“ลูกไม่สน!” หลิ่วเฟิ่งส่ายหน้าอย่างเอาแต่ใจ “นอกจากพี่สาม ลูกก็ไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้น!”
“เจ้าติดตามเขาไม่มีจุดจบที่ดีหรอก!”
“ข้าไม่สน! ข้าจะแต่งงานกับเขา!”
“พวกเจ้าเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้!” เห็นลูกสาวดื้อรั้น หลิ่วอู่เต๋อจึงพูดอย่างดุดัน
เสียงในห้องเงียบลงทันใด
หร่วนอวี้ที่อยู่บนหลังคาก็นิ่งไปเช่นกัน เขาไม่ขยับเขยื้อน กลั้นหายใจพลางมองหลิ่วอู่เต๋อ
ทันใดนั้นหลิ่วเฟิ่งก็หัวเราะแห้งๆ “ท่านพ่ออย่าพูดล้อเล่นสิ ลูกกับพี่สามเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก แล้วจะเป็นศัตรูกันได้อย่างไร”
“เรื่องนี้ฝังอยู่ในใจพ่อมานานแล้ว” หลิ่วอู่เต๋อถอนหายใจ “ตอนแรกที่เห็นพวกเจ้ามีความรักเพิ่มมากขึ้นทุกทีนั้น หัวใจพ่อก็เหมือนจะหายใจไม่ออก”
“เรื่องนี้จริงหรือ” คิดถึงตอนที่ท่านพ่อเคยขัดขวางไม่ให้พวกตนรักกันในทุกๆ ทาง หลิ่วเฟิ่งก็เหมือนจะพอเข้าใจขึ้นมา “ตอนแรกท่านพ่อยืนกรานไม่อนุญาตให้ลูกสนิทสนมกับพี่สามก็เพราะเรื่องนี้หรือ”
“ใช่แล้ว” หลิ่วอู่เต๋อพยักหน้า “พ่อมักจะฝันเห็นภาพหลังจากที่เขาแต่งงานกับเจ้าแล้วเขารู้ว่าพ่อเป็นคนร้ายตัวจริงที่ฆ่าล้างตระกูลของเขา ใช้ทุกวิธีมาทรมานเจ้าทุกวัน นับจากวันที่พ่อรับปากให้พวกเจ้ารักกัน หลายปีมานี้พ่อก็ไม่เคยนอนหลับสนิทเลย ครั้งนี้ดีแล้ว ให้เขาตายไปพร้อมกับอิงอ๋อง ไปพบพ่อบังเกิดเกล้าของเขาในปรโลก พ่อก็ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะรังแกอาเฟิ่งของพ่อแล้ว”
ราวกับสิ่งที่แบกเอาไว้นานหลายปีได้รับการปลดปล่อย หลิ่วอู่เต๋อเปล่งเสียงหัวเราะประหลาดออกมาราวกับปีศาจ
ทำให้หร่วนอวี้ที่อยู่บนขื่อหลังคาขนลุกไปทั้งตัว
“มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่” หลิ่วเฟิ่งเสียงเปลี่ยนไปเช่นกัน นางเขย่าตัวบิดาอย่างแรง “ท่านพ่อรีบเล่ามาสิ!”
“จะว่าไปแล้ว นั่นเป็นเรื่องเมื่อสิบกว่าปีก่อน…” ยกถ้วยชาขึ้นดื่มอึกใหญ่แล้ว หลิ่วอู่เต๋อก็เริ่มเล่าออกมา “ตอนนั้นพ่อยังหนุ่ม มีพละกำลัง ไม่รู้อันตรายของยุทธภพ พอได้ยินว่าอาวุธทหารขายได้เงิน พ่อก็ใช้ความเป็นสหายกับจูเหวินแม่ทัพเจิ้นกั๋วร่วมมือกับเขาขายม้าและอาวุธทหารให้กับทูเจวี๋ย สิ่งเหล่านี้ล้วนยักยอกออกมาจากค่ายทหารของแม่ทัพจูทั้งสิ้น แล้วให้พ่อเป็นคนขนออกไป เพียงพริบตาก็หาเงินกลับมาได้จำนวนมาก…”
คิดถึงเงินก้อนโตที่ได้มาในตอนนั้นแล้วสองตาหลิ่วอู่เต๋อก็พลันเปล่งประกาย แต่แล้วก็สลดลงไป “น่าเสียดายที่การหาเงินครั้งนี้กลับอยู่ได้ไม่ยั่งยืน ท่านพ่อของอวี้เอ๋อร์เป็นราชเลขาธิการในตอนนั้น ตอนที่สอบสวนคดีความขัดแย้งเรื่องเกลือของชาวเมืองชายแดนทูเจวี๋ยก็พบเรื่องลอบขายอาวุธทหารนี้เข้า เขาจึงแอบตรวจสอบพ่อไปด้วยเลย”
“เขาตรวจสอบเจอหรือ” หลิ่วเฟิ่งฟังแล้วหน้าซีด นางถามอย่างตื่นเต้น
“ถ้าเรื่องถูกเขาตรวจสอบเจอได้ง่ายดายเพียงนั้น พ่อก็คงไม่มีวันนี้แล้ว” หลิ่วอู่เต๋อหัวเราะอย่างเย็นชา “ได้ยินว่าราชเลขาธิการแอบตรวจสอบเรื่องการลอบขายอาวุธทหาร พ่อกับแม่ทัพจูก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ สุดท้ายก็ตัดสินใจอย่างเร่งด่วนซื้อตัวคนทูเจวี๋ยสร้างหลักฐานปลอม ใส่ร้ายราชเลขาธิการว่าสมคบกับทูเจวี๋ย มู่ซีในตอนนั้นเพิ่งจะขึ้นเป็นอัครเสนาบดี กำลังเป็นที่โปรดปราน บังเอิญเขากับราชเลขาธิการมีความเห็นไม่ลงรอยกันเรื่องแนวทางปฏิบัติที่มีต่อทูเจวี๋ย ทั้งยังเคยมีปากเสียงกันอย่างหนักกลางท้องพระโรง พ่อกับแม่ทัพจูเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีจึงส่งคนเอาหลักฐานปลอมไปยื่นให้กับมือมู่ซี”
“ลูกได้ยินว่าอัครเสนาบดีมู่เป็นคนฉลาด เก่งเรื่องการวางแผน เหตุใดเขาจึงเชื่อง่ายดายเช่นนี้” หลิ่วเฟิ่งถามอย่างสงสัย
“อาเฟิ่งพูดไม่ผิด ถ้าเป็นในยามปกติเขาอาจจะไม่เชื่อ…” หลิ่วอู่เต๋อพยักหน้า “แต่พ่อกับแม่ทัพจูใช้โอกาสได้ดี ตอนนั้นชาวทูเจวี๋ยเข้ามารุกรานชายแดนของเราบ่อยครั้งทำให้ฝ่าบาทปวดพระเศียรมาก อีกทั้งเพิ่งผ่านอุทกภัยใหญ่ที่ร้อยปีจะมีสักครั้งมา เสียเงินในคลังราชสำนักไปช่วยราษฎรจนหมด ด้วยเหตุนี้มู่ซีในฐานะอัครเสนาบดีจึงคิดจะเจรจาสงบศึก ให้ราชสำนักได้มีเวลาหายใจอีกสองสามปี รอให้มีโอกาสที่พร้อมทางทหารและเสบียงแล้วต้าโจวค่อยเปิดศึกกับทูเจวี๋ยอีกครั้ง แต่ว่า…”
เขาเปลี่ยนประเด็นพูดไป