ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดหญิงเซียนเครื่องหอม เล่ม 7 ตอนที่ 4
เสียงหายใจหอบค่อยๆ หยุดลง ความรู้สึกล่องลอยราวกับวิญญาณค่อยๆ สลายลงไปทีละนิด
หลิ่วเฟิ่งได้สติคืนมาอย่างช้าๆ พบว่าตนเองกับหร่วนอวี้เปลือยกายกอดกันอยู่ คิดถึงการร่วมรักเมื่อครู่ นางก็รู้สึกเหมือนนี่ไม่ใช่ความจริง “พี่สาม…” หลิ่วเฟิ่งเรียกเสียงเบา น้ำตาไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่
เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กนางย่อมปรารถนาในตัวเขามาตลอด แต่พอต้องมามอบร่างกายให้เขาไปเช่นนี้ หลิ่วเฟิ่งกลับรู้สึกผิดหวังอย่างมาก ราวกับขาดอะไรไป นางมิใคร่จะพอใจนัก
แม้จะมีความชอบอยู่บ้าง แต่ที่มากกว่าคือความเจ็บปวด
ได้ยินเสียงร้องไห้ของหลิ่วเฟิ่งดังข้างหู หร่วนอวี้ก็เกิดความรำคาญใจขึ้นทันใด เขาลืมตาขึ้นช้าๆ มองไปตรงยอดม่านเตียงด้วยสายตาเย็นชาว่างเปล่า ผ่านไปครู่ใหญ่เขาก็พลิกตัว สายตาเย็นเยือกเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน เขาเช็ดน้ำตาให้หลิ่วเฟิ่งอย่างอดทน “อาเฟิ่งไม่ต้องกลัว ข้าจะไปขอร้องพ่อบุญธรรมให้พวกเราแต่งงานกันทันที”
เขาแอบหวังอยู่รางๆ ในใจว่าอย่าให้หลิ่วเฟิ่งใจร้ายเหมือนบิดาเลย ความรักที่มีมานานหลายปี แม้จะเป็นลูกสาวของศัตรู เขาก็ยังทนไม่ได้ที่จะลงมือฆ่านาง
ใครจะรู้ว่าพอได้ยินคำว่า ‘แต่งงาน’ ความเจ็บปวดแทบขาดใจก็จู่โจมเข้ามาในหัวใจหลิ่วเฟิ่งทันที นางร้องไห้โฮออกมา
หร่วนอวี้ตัวเกร็งไป เขาดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วถอนหายใจอย่างแรง ก่อนช้อนตัวหลิ่วเฟิ่งขึ้นมากอดอีกครั้งพลางพูดปลอบเสียงเบา “หลายปีมานี้เพื่อรออาเฟิ่ง ข้าไม่ได้ให้อนุที่เรือนหลังตั้งครรภ์เลย อายุข้าเองก็ไม่น้อยแล้ว ที่จริงข้าก็ควรจะมีลูกได้แล้ว ท่านพ่อที่อยู่ในปรโลกหากได้รู้ว่าตระกูลหร่วนมีคนสืบสกุลแล้วก็คงวางใจได้เสียที”
พูดถึงลูก ตรงหน้าหร่วนอวี้ก็ปรากฏใบหน้าน่ารักของมู่หวั่นชิว หากกำหนดให้เขาต้องตายไปพร้อมอิงอ๋องจริง สิ่งที่เขาปรารถนาที่สุดคือให้มู่หวั่นชิวมีลูกให้เขาสักคน ให้ตระกูลหร่วนได้มีผู้สืบสกุลต่อไป
หากคนผู้นั้นไม่ใช่นาง เขายอมให้ตระกูลหร่วนขาดผู้สืบสกุลเสียยังดีกว่า แต่จะไม่ให้ลูกของหญิงอื่นได้ใช้แซ่หร่วนร่วมกับเขา
แต่ว่าเรื่องนี้จะเป็นไปได้อย่างไร
เขาทำให้นางถูกฆ่าล้างตระกูล เขาทำให้นางกลายเป็นหญิงกำพร้าเร่ร่อน เขาเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกับนางได้!
คิดถึงดวงตาลึกล้ำที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นคู่นั้น คิดถึงตนเองที่นับถือโจรเป็นพ่อมาหลายปี ถูกคนชุบเลี้ยงให้เป็นเช่นสุนัข ความเจ็บปวดก็วาดผ่านหัวใจของหร่วนอวี้ หลังมือที่กุมมือหลิ่วเฟิ่งเอาไว้มีเส้นเลือดเขียวปูดโปนขึ้นมา เขาต้องบังคับตนเองอย่างสุดกำลังถึงจะกดข่มเอาความแค้นเต็มอกนี้ลงไปได้และไม่ซัดฝ่ามือใส่ตัวหญิงสาวที่ร้องไห้อยู่ในอ้อมอกขณะนี้
ได้ยินคำว่า ‘ลูก’ เสียงร้องไห้ของหลิ่วเฟิ่งก็หยุดลง ทันใดนั้นนางก็สะบัดตัวหลุดจากหร่วนอวี้แล้วพูดอย่างจริงจัง “ขอพี่สามต้มยาห้ามครรภ์ให้ข้าสักถ้วย”
เขาถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องตาย ขณะที่นางยังมีกิจการตระกูลหลิ่วให้รับช่วงต่อ นางจะตายไปกับอิงอ๋องพร้อมเขาไม่ได้ เสียความบริสุทธิ์ให้เขาแล้ว แต่นางจะตั้งครรภ์ลูกของเขาไม่ได้เด็ดขาด!
คำพูดนี้ออกไป บรรยากาศในห้องก็เย็นเยือกทันที
“พี่สาม ข้า…” รู้สึกถึงกลิ่นอายน่ากลัวปะทะเข้ามา หลิ่วเฟิ่งก็ตัวสั่น
“อาเฟิ่งไม่อยากแต่งกับข้าแล้วหรือ” หร่วนอวี้พูดเสียงเย็นชา
หลิ่วเฟิ่งส่ายหน้าอย่างแรงแล้วร้องไห้โฮขึ้นมา
ทันใดนั้นหร่วนอวี้ก็กระโดดลงพื้น “เปลี่ยนชุด!”
สิ้นเสียงพูดก็มีสาวใช้ยกน้ำเข้ามาเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดให้หร่วนอวี้
หลิ่วเฟิ่งตกใจจึงรีบแทรกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม
นางฝันก็คิดไม่ถึงว่าหร่วนอวี้จะเรียกคนเข้ามาปรนนิบัติในตอนนี้ ให้ร่างเปลือยเปล่าของนางปรากฏต่อหน้าบ่าว นางเป็นสตรีที่ยังไม่แต่งงาน หากเรื่องนี้ถูกลือออกไป นางจะมองหน้าใครได้ แล้วจะแต่งงานกับใครได้
นางไม่เหมือนกับคนอื่น ในเมืองต้าเยี่ยนางเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง นางจะปล่อยให้ข่าวฉาวเรื่องการขึ้นเตียงกับผู้อื่นทั้งที่ยังไม่แต่งงานเช่นนี้ลือออกไปได้อย่างไร
เห็นสาวใช้สองคนปรนนิบัติหร่วนอวี้โดยไม่เสมองและไม่ได้มองมาทางเตียงแม้แต่น้อย หลิ่วเฟิ่งก็สบายใจขึ้นมาได้บ้าง
ปล่อยให้สาวใช้แต่งตัวให้ตนเองเรียบร้อยแล้ว หร่วนอวี้ก็ไม่ได้หันหน้ามา เพียงก้าวเท้าเดินออกไป “ยกยามา” ก่อนออกจากประตู เขาก็สั่งการเสียงเรียบ เสียงพูดเย็นเยือก ไม่อบอุ่นแม้แต่น้อย
หลิ่วเฟิ่งมองดูท่าทีเชื่องช้าของเขาไม่วางตา เห็นเขาก้าวข้ามธรณีประตูไปอย่างช้าๆ แต่ไม่ลังเล ทันใดนั้นนางก็ลงจากเตียง “พี่สาม!” นางตะโกนเรียกเขาใจแทบขาด “อาเฟิ่งไม่ใช่ไม่อยากแต่งงานกับพี่สามเลยนะ พี่สามอย่าไป อาเฟิ่งไม่ได้อยากจะทำร้ายพี่เช่นนี้!”
ฝีก้าวที่ไร้ซึ่งเยื่อใยนอกหน้าต่างค่อยๆ เดินไกลออกไป เพียงชั่วครู่ก็มีบ่าวรับใช้อาวุโสยกยาน้ำสีดำถ้วยหนึ่งออกมา ก่อนจะยื่นมาตรงหน้าหลิ่วเฟิ่งที่กำลังร่ำไห้ “เชิญแม่นางหลิ่วดื่มยา”
หร่วนอวี้เดินไปจนถึงลานบ้านจึงหายใจได้สะดวก
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหลิ่วเฟิ่งจะใจร้ายเช่นนี้
เสียตัวให้เขาแล้วนางก็ยังคิดจะแต่งงานกับหลิงเทาอีก ก่อนจะคิดถึงเรื่องที่นางกับบิดาหวังจะเหยียบไปบนศพของเขาเพื่อปีนขึ้นเรือขององค์รัชทายาทลำนั้น!
ในวันเวลานับไม่ถ้วนที่ตนถูกความแค้นทรมานจนแทบบ้านั้น เขาเคยมีหลิ่วเฟิ่งคอยช่วยอยู่ข้างกาย หยอกเย้าให้เขาสบายใจ ร้องไห้ร่วมไปกับเขา ทว่าการปรากฏตัวของมู่หวั่นชิวทำให้เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าสิ่งที่ตนเองรู้สึกต่อหลิ่วเฟิ่งมิใช่ความรัก เขาเห็นนางเป็นเพียงน้องสาวคนหนึ่ง ที่เขามีต่อนางคือความสนิทสนมอย่างสายเลือดพี่น้อง แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่เคยคิดจะทำผิดต่อนาง และไม่เคยคิดว่าหลังจากแต่งงานกับมู่หวั่นชิวแล้วจะให้อีกฝ่ายปีนขึ้นบนหัวของนางได้
แม้ว่าเขาจะรู้ว่านางเป็นลูกสาวศัตรู แต่นอกจากความปวดใจแล้ว เขาก็ไม่เคยคิดจะทำเหมือนที่หลิ่วอู่เต๋อพูดที่ว่าเขาจะทำร้ายนาง เขาคิดเพียงว่าหลังจากได้ความบริสุทธิ์ของนางแล้วก็จะเลี้ยงนางไว้ในเรือนหลังเหมือนกับอนุคนอื่น ให้นางมีกินมีใช้โดยไม่ต้องกังวลไปชั่วชีวิต
แต่นางกลับใจร้ายเช่นนี้!
‘ขอพี่สามต้มยาห้ามครรภ์ให้ข้าสักถ้วย’
คำพูดอย่างเด็ดขาดของหลิ่วเฟิ่งดังก้องที่ข้างหูรอบแล้วรอบเล่า สะเทือนก้องอยู่ในหูหร่วนอวี้ เขาทรงตัวไม่อยู่จนต้องเกาะต้นไม้เพื่อประคองตนเองให้ยืนมั่น หน้าเขาซีดขาวเหม่อมองดูเมฆที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ภาพตรงหน้าดูสับสน
แม้แต่คนที่เคยเลี้ยงดูมาสิบกว่าปี หรือความรักที่มีมาแต่เด็กยังเปลี่ยนแปลงไปในพริบตา แล้วบนโลกนี้ยังจะมีอะไรที่เป็นเรื่องจริงไม่เปลี่ยนแปลงอีกบ้าง
เพียงชั่วครู่เขาก็เกิดความเบื่อหน่ายโลกนี้ขึ้นมา
บนโลกนี้มีแต่ความหลอกลวง สกปรกโสมม สู้ถอยเข้าสู่ทางธรรมเสียดีกว่า
“ใต้เท้า…” กำลังคิดจนเหม่อลอย องครักษ์เฝ้าประตูก็เข้ามารายงาน “ลือกันว่าปรมาจารย์ไป๋เป็นลูกสาวของมู่ซีอัครเสนาบดีกังฉิน ใต้เท้าจั่วจับนางเข้าคุกแล้วขอรับ!”
อะไรนะ
หร่วนอวี้ตัวสั่น “แม่นางไป๋ถูกจับแล้วหรือ”
“ขอรับ เพิ่งจะถูกจับ” องครักษ์พยักหน้า
ดีเหลือเกินนะหลิ่วอู่เต๋อ!
หร่วนอวี้สีหน้าโกรธเกรี้ยว ใช้ให้หลิ่วเฟิ่งมาแจ้งข่าวก่อน ขณะเดียวกันหลิ่วอู่เต๋อก็ยังกลัวว่าเขาจะใจไม่แข็งพอจะฆ่ามู่หวั่นชิว จึงได้ส่งคนไปสร้างข่าวลือและแจ้งเรื่องกับจั่วเฟิง!
ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจแผนร้ายของหลิ่วอู่เต๋อ หร่วนอวี้หัวเราะเสียงเย็น แอบคิดในใจว่าพ่อบุญธรรม ท่านคิดว่าอาชิวตายแล้วตระกูลหลิ่วก็จะอาศัยกู่ฉินมาคุมวงการปรุงเครื่องหอมได้แล้วหรือ ในดวงตาเขาฉายความเหี้ยมโหด ข้าไม่ให้ท่านทำสำเร็จหรอก!
“ใต้เท้าจะไปที่ใดขอรับ” เห็นหร่วนอวี้ก้าวเท้าไปโดยไม่พูดอะไร องครักษ์จึงเดินตามไปถาม
“แจ้งจางจวิ้น นำกำลังทหารไปล้อมคุกจวนเจ้าเมือง”
จางจวิ้นเป็นผู้บัญชาการทหารท้องที่ของเมืองต้าเยี่ย ทั้งยังเป็นทหารกำลังสำคัญของหร่วนอวี้
เคลื่อนกำลังทหารไปล้อมคุกหรือ
ใต้เท้าของข้าจะทำอะไร
องครักษ์ตกตะลึง กำลังจะถามอย่างละเอียดหร่วนอวี้ก็ก้าวยาวออกไปแล้ว
(ตอนต่อไปพบกันวันที่ 23 มีนาคม)