ดอกสาลี่เคียงบัลลังก์
ทดลองอ่าน ดอกสาลี่เคียงบัลลังก์ ตอนที่สาม
ตอนที่สาม
ไป๋เสวี่ยฝูนอนขดตัวอยู่บนเตียงเย็นเยียบตลอดคืน รุ่งสางก็ถูกเสียงฆ้องระลอกหนึ่งปลุกให้ตื่น นางลุกขึ้นเปิดหน้าต่าง เสียงฆ้องของการคัดเลือกสาวงามดังกึกก้องไปทั่วเมือง
นางรีบล้างหน้าล้างตาแล้วเดินตามบ่าวรับใช้ไปที่โถงหน้า ในมือกำขวดยาพิษเล็กๆ ไว้แน่น ระหว่างทางที่ไปโถงด้านหน้านั้นนางก็เดินด้วยฝีเท้ามั่นคงเด็ดเดี่ยว
อัครเสนาบดีไป๋คอยอยู่ที่โถงหน้าแล้ว คล้ายรู้ชัดว่านางจะปรากฏตัวขึ้น มุมปากของเขาจึงผุดรอยยิ้มแห่งชัยชนะ นอกจากนี้ยังมีฮูหยินใหญ่และไป๋อวี้ฉีอยู่ด้วย ยามนี้ไป๋อวี้ฉีสวมชุดแพรไหมสีฟ้าอ่อน เรือนผมปักปิ่นทองระย้า ประทินโฉมอ่อนๆ คิ้วโก่งบางเบา งามสะคราญดุจเทพเซียน ทว่ายังคงมีความไร้เดียงสาปรากฏออกมา
นางอายุยังน้อย เพิ่งจะปักปิ่น* ในปีนี้ ตั้งแต่เล็กก็เติบโตมาท่ามกลางการประคบประหงมเอ็นดูของฮูหยินใหญ่ นางจึงมีนิสัยคล้ายเด็กน้อยอยู่บ้าง
“ท่านแม่ ท่านว่าฝ่าบาทจะต้องพระทัยลูกหรือไม่เจ้าคะ” ไป๋อวี้ฉียิ้มอย่างเบิกบาน
ฮูหยินใหญ่กลับมีสีหน้าหม่นหมอง จัดแต่งจอนผมให้บุตรสาวพลางเอ่ยตอบ “ตำหนักในดั่งสนามรบ เจ้าต้องระมัดระวังรอบคอบ พิจารณาให้ถ้วนถี่ทุกย่างก้าวรู้หรือไม่”
“ลูกทราบแล้ว” ไป๋อวี้ฉีขานรับอย่างแช่มชื่น
ไป๋เสวี่ยฝูไม่แปลกใจเลยสักนิดที่อีกฝ่ายได้เข้าวังไปคัดเลือกสาวงาม จากที่ได้ยินคำสนทนาเมื่อวานนี้ ไป๋อวี้ฉีไม่จำเป็นต้องเข้าวังไปทำสิ่งใด เพียงแค่ทำให้จักรพรรดิพอพระทัยเป็นพอ
เดิมคิดว่าท่านพ่อไม่มีหัวใจ ไม่รักเอ็นดูผู้ใดเสียแล้ว ที่แท้ข้ากลับคิดผิด
ไป๋เสวี่ยฝูพลันฉุกคิดถึงไป๋อีหนิง นางก้าวเท้าแช่มช้อยเข้าไปด้านใน คารวะอัครเสนาบดีไป๋แล้วเอ่ยเบาๆ “ท่านพ่อ ลูกจะว่านอนสอนง่าย เพียงหวังให้ท่านรับปากเงื่อนไขลูกหนึ่งข้อ ขอท่านพ่อโปรดอภัยให้พี่หญิงด้วย”
อัครเสนาบดีไป๋เหลือบมองนางพลางแสยะยิ้ม “เพียงแค่เจ้าว่าง่าย พ่อก็จะไม่สร้างความลำบากให้ลูกเนรคุณนั่น” ในเมื่อมีคนเข้าวังแทนแล้ว เขาย่อมไม่เอาความกับบุตรสาวไม่เอาไหนคนหนึ่ง อย่างไรก็ถือเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง!
ไป๋เสวี่ยฝูพยักหน้าแล้วเดินตามแม่นมไปทางประตูใหญ่จวนสกุลไป๋ นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่นางจะได้เหยียบลานบ้านตนเอง เป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เห็นมารดาและพี่สาว หัวใจนางพลันขมขื่นแต่กลับไม่มีที่ให้ร่ำไห้
ไป๋เสวี่ยฝูกับไป๋อวี้ฉีไม่พูดคุยกันเลยตลอดทาง ไป๋อวี้ฉีเอาแต่ดูแลใบหน้าด้วยการประทินโฉมตัวเองอย่างระมัดระวัง เอาแต่กลัวว่าเครื่องประทินโฉมจะเลือนไปแม้สักนิด ไป๋เสวี่ยฝูอดยิ้มเยาะในใจไม่ได้ นางไม่รู้หรืออย่างไรว่าในสามเดือนแรกจะไม่มีทางได้เห็นรูปโฉมขององค์จักรพรรดิ มีเพียงไม่กี่คนที่เหลือหลังจากผ่านการคัดเลือกขั้นแล้วขั้นเล่าแล้วเท่านั้น องค์จักรพรรดิจึงจะเรียกเข้าเฝ้าผ่านม่านเพื่อคัดเลือกด้วยพระองค์เอง
เมื่อคืนหลังจากพบบิดาแล้ว แม่นมผู้ดูแลรับใช้ในจวนก็มาพร่ำสอนรายละเอียดปลีกย่อยเหล่านี้ที่ข้างหูไป๋เสวี่ยฝูรอบแล้วรอบเล่า ราวกับกลัวว่าพอนางเข้าวังไปแล้วจะทำให้องค์จักรพรรดิพิโรธ
สิ่งเหล่านี้นางจึงล้วนจดจำได้ทั้งหมด!
ไป๋อวี้ฉีกลับกำลังอยู่ในห้วงความสุข บ้างก็ส่งสายตาดูหมิ่นมาให้นาง ไป๋เสวี่ยฝูยังคงสวมชุดแพรไหมสีขาวหิมะของเมื่อวาน แม้แต่กระโปรงก็ยังโชยกลิ่นหอมอ่อนของดอกสาลี่ ผมสีดำรวบเป็นทรงเช่นเมื่อวาน ไม่มีเครื่องประดับผมใดสักชิ้น นางไม่มีเครื่องประดับผมมาตั้งแต่เล็กแล้ว หลังจากที่เข้าอารามเมี่ยวเฟิงก็ยิ่งไม่ได้รับอนุญาตให้ติดเครื่องประดับ
ตอนที่ทั้งสองมาถึงประตูวังก็มีผู้คนมากันอย่างล้นหลามแล้ว เด็กสาวแรกรุ่นหน้าตางดงามเบียดเสียดเนืองแน่น บ้างอ้อนแอ้นอรชร บ้างก็อวบอัดได้สัดส่วน ใบหน้าล้วนแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มสดใส รอคอยเพียงวันที่จะได้บินขึ้นสู่ยอดไม้กลายเป็นหงส์
หลังจากผ่านการคัดเลือกในขั้นแรกแล้ว คนครึ่งหนึ่งก็ถูกปฏิเสธให้อยู่นอกประตูวัง เหลือเพียงห้าสิบคนที่เหล่านางข้าหลวงเห็นว่าเพียบพร้อมที่สุด ส่วนไป๋เสวี่ยฝูกับไป๋อวี้ฉีไม่ต้องถูกลากเข้ากระโจมเพื่อตรวจสอบร่างกายก็ผ่านการคัดเลือกในทันที
ไป๋เสวี่ยฝูเพิ่งเข้าใจว่าเหตุใดไป๋อวี้ฉีจึงต้องประทินโฉม ด้วยอำนาจของบิดาพวกนางแล้ว ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันอย่างดุเดือดเลือดพล่านอะไรกับหญิงสาวที่มีเรือนร่างอรชรอวบอิ่มหรือพริ้งเพราราวบุปผาเหล่านั้น เพียงรอสามเดือนให้หลังแล้วเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิก็พอ หากโชคดีได้รับคัดเลือกจากพระองค์ เช่นนี้แผนการของนางก็จะสำเร็จไปครึ่งหนึ่ง
นางข้าหลวงนำพวกนางเข้าไปทางประตูข้าง ในชั่วพริบตาที่ประตูวังปิด ไป๋เสวี่ยฝูได้ยินเสียงหญิงสาวด้านหลังสะอื้นไห้
แม้จะเล่าลือกันว่าองค์จักรพรรดิเยวี่ยเยี่ยเลือดเย็นโหดเหี้ยมเพียงใด ก็ยังมีหญิงสาวมากมายที่ใฝ่ฝันจะบินขึ้นยอดไม้กลายเป็นหงส์ ปรารถนาจะเป็นสตรีของเขา
ความจริงแล้วจักรพรรดิเยวี่ยเยี่ยมีเสน่ห์ตรงที่ใดกันแน่
ไป๋เสวี่ยฝูพลันคิดถึงบทสนทนาระหว่างฮูหยินใหญ่กับไป๋อวี้ฉีเมื่อคืนนี้ แค่เห็นเพียงแวบเดียว เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น ไป๋อวี้ฉีก็หลงรักบุรุษผู้อยู่บนบัลลังก์สูงสุดแล้ว
คำเล่าลือจะเชื่อถือได้จริงหรือ เขาโหดเหี้ยมอำมหิตดั่งคำกล่าวขานจริงหรือไม่
ชื่อเสียง ฐานะ และความรุ่งโรจน์ของวงศ์สกุลจะสำคัญกว่าความสุขทั้งชีวิตจริงๆ หรือ
ไป๋เสวี่ยฝูขบคิดอย่างกลัดกลุ้ม ขณะเดียวกันก็เร่งฝีเท้าก้าวตามหลังนางข้าหลวงที่นำขบวนไป