everY
ทดลองอ่านนิยายวาย รัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่ เล่ม 7 บทที่ 1 #นิยายวาย
หลังวาจากระเซ้าเย้าหยอกหลายคำ บรรยากาศเริ่มครื้นเครง ทุกคนพากันยกจอก เรียงกันขึ้นหน้าคารวะสุราแสดงความยินดีต่อเผิงอี้ชุนที่ได้เลื่อนตำแหน่ง และย่อมไม่ลืมถังฟั่นทางด้านข้างซึ่งเป็นตัวเอกของงานเลี้ยงในวันนี้เช่นกัน
คารวะสุราสามรอบผ่านไป อาหารรสเลิศก็ถูกลำเลียงขึ้นมา เสนาบดีเผิงเป็นคนใจคอกว้างขวาง รู้สึกผู้ใต้บัญชาใช้ชีวิตขุนนางเมืองหลวงอย่างยากไร้มานาน จึงฉวยโอกาสในวันนี้สั่งข้าวปลาอาหารชั้นดีจำนวนมาก ฝีมือพ่อครัวของโรงเตี๊ยมเซียนเค่อย่อมมิใช่ธรรมดา กับข้าวทุกจานล้วนพิถีพิถัน ทุกคนเห็นใต้เท้าหลายท่านกำลังสนทนาพูดคุยจึงไม่ขึ้นหน้ารบกวน เริ่มกินดื่มอย่างสุขสำราญบานใจ
ถังฟั่นมาร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้ จุดประสงค์เพื่อให้เกียรติเผิงอี้ชุน ไม่จำเป็นต้องรั้งอยู่จนงานเลิก เขานั่งอยู่ในนี้ คนอื่นๆ ก็จะอึดอัด ดังนั้นดื่มไม่กี่จอกก็ลุกยืนอำลา เผิงอี้ชุนส่งเขาถึงหน้าประตูห้องส่วนตัวไม่พอ ยังจะส่งถึงด้านนอก กลับถูกถังฟั่นปฏิเสธแล้ว
โรงเตี๊ยมเซียนเค่อค่อนข้างมีชื่อเสียงในเมืองหลวง คนไม่น้อยคิดว่าการเลี้ยงรับรองแขกที่นี่ทั้งดูดีและมีหน้ามีตา เปรียบเทียบกันแล้วเรือนเซียนอวิ๋นซึ่งอยู่ด้านหลังกลับเลิศหรูจนเอื้อมไม่ถึงกว่าหลายส่วน ยามนี้เป็นช่วงจุดโคมสว่างไสว ทั้งนอกในล้วนปรากฏความครึกครื้น
ตรงนี้เป็นชั้นสอง ซ้ายขวาล้วนเป็นห้องส่วนตัว ทว่าเก็บเสียงได้ไม่เลว แม้ด้านในอึกทึกครึกโครม กลับมีเพียงเสียงดังแว่วๆ ออกมา ไม่ถึงกับส่งผลกระทบต่อแขกเหรื่อห้องติดกัน
ถังฟั่นมาที่นี่ประจำ คุ้นเคยเส้นทางดี ไม่จำเป็นต้องเรียกหาเด็กในร้านมานำทาง เขาออกจากห้องส่วนตัว ตรงดิ่งไปทางบันไดตึก
แต่แล้วขณะสืบเท้าได้ไม่กี่ก้าว ประตูห้องส่วนตัวทางด้านข้างห้องหนึ่งพลันเปิดผลัวะ เสียงเฮฮาด้านในดังกระทบโสต
ถังฟั่นยังไม่ทันขมวดคิ้ว กลิ่นหอมฟุ้งหอบหนึ่งก็พุ่งปะทะจมูก
ตามด้วยเบื้องหน้าพร่าพราย หัวไหล่ถูกกระแทกเต็มแรง
ถังฟั่นถึงกับถอยร่นหลายก้าว กระทั่งชนถูกราวกั้นจึงหยุดลง และในอ้อมแขนมีคนเพิ่มขึ้นคนหนึ่งด้วยเหตุนี้
“ขอบคุณคุณชายที่ยื่นมือ รบกวนคุณชายเอื้อเฟื้อบ่าวสักคราได้หรือไม่”
คนที่ถูกเขาพยุงไว้เอ่ยเสียงอ่อนช้อยระคนกริ่งเกรง ดวงหน้าผุดผาดประดุจหยกแหงนเงยขึ้นมา คิ้วเรียวงามมุ่นน้อยๆ ทอเสน่ห์รัดรึงใจ
ผิวเนื้อสัมผัสกัน มือข้างที่ถังฟั่นประคองคนไว้ยิ่งจับเจอแต่ความนุ่มนิ่มไร้กระดูก กรุ่นกลิ่นหอมละมุนแผ่ซ่านจากภูษา สามารถบันดาลให้บุรุษปกติใดๆ ไหวหวั่นมิรู้คลาย
ถังฟั่นคือบุรุษปกติอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าหลังประสบพบพานเซียวอู่ที่งามสะคราญล่มเมือง ค่อยยลสตรีตรงหน้านางนี้ ให้รู้สึกความงามเพียงปานกลางเท่านั้น
เขาใคร่คลายมือออก อีกฝ่ายกลับยื่นมือออกมาจับแขนเสื้อเขาไว้ บนหน้าฉายแวววิงวอนเต็มเปี่ยม
เรือนผมสตรียุ่งเหยิงเล็กน้อย ปากแดงบวมเจ่อ ชี้ชัดว่าเมื่อครู่ขณะอยู่ในห้องประสบเหตุอันใด
แต่ถังฟั่นยังคงดึงมือออกมาจนได้ “แม่นาง…”
คำที่ว่า ‘บุรุษสตรีมิพึงชิดใกล้’ ยังไม่ทันหลุดปาก พลันปรากฏคนสองคนถลันจากห้องส่วนตัวห้องนั้น “นางแพศยา ไม่เห็นครู่เดียวก็มายั่วเย้าบุรุษอื่นแล้ว”
สตรีนางนั้นพอฟังสุ้มเสียงนี้เรือนร่างก็สั่นเทา ผลุบไปซ่อนตัวอยู่ด้านหลังถังฟั่น กอดเอวเขาไว้แน่น แกะอย่างไรก็ไม่ออก
“คุณชายช่วยข้าด้วย คุณชายช่วยข้าด้วย” นางขอร้องเสียงสั่น
อีกฝ่ายเห็นเข้ายิ่งฉุนจัด ชี้หน้าแผดด่าถังฟั่น “เจ้าคนหน้าขาวผู้นี้ บังอาจแย่งชิงสตรีของข้าต่อหน้าต่อตา หน่ายโลกมากใช่หรือไม่!”
ถังฟั่นย่นคิ้ว ตวาดก้อง “ยังไม่ปล่อยมือ!”
เป้าหมายกลับเป็นสตรีนางนั้น
สตรีนางนั้นผงะวูบ คิดไม่ถึงว่าถังฟั่นจะโหดร้ายต่อหยกงามปานนี้จึงคลายมือด้วยความตระหนก ถังฟั่นรีบผลักคนออกห่าง แต่สตรีนั้นท่าทีว่องไว รีบปราดเข้ามากอดต้นขาเขาไว้แน่น วิงวอนเสียงเครือ “คุณชาย เมื่อครู่ท่านยังบอกยินดีออกหน้าให้ข้าแท้ๆ ไฉนยามนี้กลับคำเสียแล้ว”
“…”
ถังฟั่นอึ้งไปอึดใจ ก่อนกล่าวกับคุณชายวัยหนุ่มที่ออกมาจากห้องส่วนตัว “ท่านก็เห็น เป็นนางเกาะแกะข้า ข้าเพียงเดินผ่านมาเท่านั้น”
อีกฝ่ายได้ฟังก็หัวเราะเสียงขุ่น “หากพวกเจ้าสองคนไม่รู้จักกันมาก่อน ไยนางจึงขอร้องแต่ท่าน ยังบอกว่าตนเองมิใช่ชายชู้อีกหรือ!”
เสียงเอะอะของเขาดึงดูดให้ผู้คนในห้องส่วนตัวทั้งซ้ายขวาชะโงกหน้ามาชมดูไม่น้อย
ทางห้องเผิงอี้ชุนมีคนออกมาเช่นกัน เห็นถังฟั่นพลันตกใจใหญ่ รีบเข้าไปรายงาน ไม่ถึงครู่พวกเผิงอี้ชุนก็วิ่งถลันออกมา
มีคนจดจำฐานะของชายหนุ่มผู้นั้นได้ “นี่มิใช่คุณชายของบ้านอิ่นเก๋อเหล่าหรอกหรือ”
พอฟังว่าเป็นบุตรชายของอิ่นจื๋อ ทุกคนพานกระจ่างแจ้งแล้ว
คุณชายอิ่นท่านนี้อยู่ในเมืองหลวงนับเป็นคุณชายเจ้าสำราญขนานแท้ ทว่าคุณชายเจ้าสำราญมีอยู่เกลื่อนเมือง เหตุที่คุณชายอิ่นเป็นที่เลื่องลือมิเพียงเพราะเขาเป็นบุตรของอิ่นจื๋อ ยังเป็นเพราะเขาเที่ยวเก่ง
ตั้งแต่หอคณิกายันเหลาสุราโรงพนัน ไม่เคยมีที่ใดไม่ปรากฏร่องรอยคุณชายอิ่นมาก่อน ในด้านใดด้านหนึ่งชื่อเสียงของเขาถึงขนาดยังโด่งดังกว่าบิดาด้วยซ้ำ
ชัดเจนอย่างยิ่ง คุณชายอิ่นกำลังสำเริงสำราญอยู่กับกลุ่มสหายนักเลง ปรากฏว่าโดนขัดจังหวะกลางคัน
ทุกคนมองดูอิ่นฉี แล้วมองถังฟั่น ตามด้วยสตรีด้านหลังถังฟั่น ชั่วขณะนั้นยากจะตัดสินอยู่บ้าง
สตรีนางนั้นรูปโฉมงดงามก็จริง แต่ถังเก๋อเหล่าคงไม่ถึงกับหื่นกระหายจนถึงขั้นทะเลาะหึงหวงกับผู้อื่นในสถานที่เช่นนี้กระมัง
ถังฟั่นสลัดสตรีนั้นไม่หลุดจึงปล่อยให้นางเกาะต่อไป เกิดออกแรงมากเกินตอนที่ผลักคนออก อีกฝ่ายอาจดึงเอากางเกงตนหลุดตามมือลงมา นั่นมิใช่ยิ่งขายหน้ากว่าเดิมหรือ
เป็นถึงขุนนางแห่งสภาขุนนางกลับถูกสตรีนางหนึ่งฉุดดึงภายใต้สายตาหลายสิบคู่ในที่นั้น ดีไม่ดีภาพเหตุการณ์นี้อาจได้บันทึกในพงศาวดาร กลายเป็นที่ขบขันของอนุชนรุ่นหลัง
เผิงอี้ชุนเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยเสียงขรึม “คุณชายอิ่น ท่านนี้ก็คือขุนนางซึ่งเป็นผู้ร่วมงานของบิดาท่านในสภาขุนนาง วันนี้ถังเก๋อเหล่ารับคำเชิญจากข้า ถึงได้ปรากฏตัวในที่แห่งนี้”
หากกล่าวว่าถังฟั่นเพิ่งออกจากห้องส่วนตัวก็แย่งชิงสตรีกับอิ่นฉีอยู่ตรงนี้ เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
ทว่าเรื่องนี้แพร่ออกไป คนอื่นหาได้สนใจรายละเอียดไม่ เพียงยึดถือถังฟั่นประพฤติตนไม่เหมาะสม อีกทั้งผู้ตรวจการของราชวงศ์นี้สามารถยื่นกระทู้ฟ้องร้องจากข่าวลือ ไม่จำเป็นต้องมีพยานหรือหลักฐาน ถึงเวลานั้นเรื่องลุกลามใหญ่โต ย่อมกลายเป็นจุดด่างพร้อยต่อชื่อเสียงของถังฟั่น
มิคาด อิ่นฉีหากริ่งเกรงไม่ เชิดคางหรี่ตามองเขา “แล้วเจ้าเล่าเป็นใคร”
เผิงอี้ชุนข่มโทสะ “ข้าคือเสนาบดีกรมอาญาเผิงอี้ชุน”
อิ่นฉีแค่นเสียงฮึคำหนึ่ง “แล้วอย่างไร! ตำแหน่งใหญ่อำนาจสูงก็สามารถอาศัยฐานะแย่งชิงสตรีของผู้อื่นเช่นนั้นหรือ”
เผิงอี้ชุนแทบฉุนขาดไปกับถ้อยคำของอีกฝ่าย แย่งชิงสตรีอันใดกัน ผู้ใดแย่งชิงสตรีแล้ว นี่พลิกดำเป็นขาวชัดๆ ไร้เหตุผลสิ้นดี
อิ่นฉีหัวเราะเย็นชาใส่ถังฟั่น “ผู้แซ่ถัง ข้าขอบอกเจ้า ทางที่ดีรีบคืนสตรีแก่ข้า ไม่เช่นนั้นเรื่องนี้กระจายออกไป ขุนนางผู้สูงศักดิ์แย่งสตรีกับผู้อื่นในโรงเตี๊ยม ถึงเวลานั้นข้าอยากรู้นักว่าท่านจะยุติเรื่องนี้อย่างไร”
ต่อให้บิดาเขาอยู่ในสภาขุนนางเช่นกัน และต่อให้บิดาเขามีลำดับอาวุโสในสภาขุนนางสูงกว่าถังฟั่น แต่คนที่กล้าเอ่ยวาจาเหยียดหยามถังฟั่นโดยปราศจากความยำเกรงเยี่ยงอิ่นฉีผู้นี้นับว่ามีไม่มาก
แขกเหรื่อจำนวนมากล้วนถูกเสียงโหวกเหวกนี้ดึงดูดออกมา กระทั่งชั้นล่างก็ปีนบันไดขึ้นมาชมดู นอกๆ ในๆ มุงล้อมด้วยฝูงชน
ต้นขาของถังฟั่นยังคงกอดรัดไว้ด้วยสตรีนางหนึ่ง ผู้ไม่แจ่มชัดในเหตุการณ์เริ่มเปิดฉากวิพากษ์วิจารณ์ศึกชิงนางต่างๆ นานา โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาได้ทราบฐานะของถังฟั่น บทวิพากษ์ก็ยิ่งเหนือจริงขึ้นเรื่อยๆ รอถึงวันพรุ่งนี้ดีไม่ดีอาจมีข่าวลือทำนองว่าถังฟั่นมีลูกนอกสมรสกับสตรีนางนี้ออกมา
เสียงลือเสียงเล่าอ้างประเภทนี้หากยิ่งมายิ่งดุเดือดก็จะมีผู้ตรวจการฟ้องร้องถังฟั่น และเขาก็ต้องทำการแก้ต่างตามขั้นตอน
จะอย่างไรใต้หล้านี้ผู้ที่สามารถอดทนต่อการถูกขุนนางทัดทานกล่าวโทษแล้วยังหน้าด้านไม่ยอมไป นอกจากหลิวเหมียนฮวาแล้วก็ปราศจากผู้ใดอีก สุภาพชนผู้อ่อนน้อมสำรวมเฉกเช่นถังฟั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะกระทำเรื่องน่าละอายเช่นนี้ออกมา
มาตรว่าถังฟั่นจัดอยู่ในอันดับท้ายแถวของสภาขุนนาง แต่เรื่องที่เขาติเตียนวั่นทงต่อหน้าธารกำนัลได้แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงแล้ว ปราศจากเขา คนอื่นๆ ในสภาขุนนางไม่เพียงพอต่อต้านกลุ่มอำนาจวั่น ขุมกำลังของกลุ่มรัชทายาทก็จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก
กระทั่งไหวเอินยังกระเด็นจากเมืองหลวง หากแม้แต่ถังฟั่นยังต้องไป เช่นนั้นจะมีใครสามารถสกัดกลุ่มอำนาจวั่นได้อีก
ครุ่นคิดถึงตรงนี้ เผิงอี้ชุนอดสะท้านใจมิได้
นี่มิอาจโทษว่าเขาคิดมากเกิน อิ่นฉีเป็นบุตรชายของอิ่นจื๋อ และอิ่นจื๋อเป็นกำลังสำคัญของกลุ่มอำนาจวั่น เวลานี้ถังฟั่นกับกลุ่มอำนาจวั่นมิอาจอยู่ร่วมโลก ผู้ใดจะรู้ว่าแท้จริงแล้วทั้งสองเรื่องนี้เกี่ยวพันอันใดกัน
เผิงอี้ชุนขบคิดถึงจุดนี้ได้ ถังฟั่นย่อมขบคิดได้เช่นกัน
ดังนั้นเขาไม่ไปฉุดๆ ดึงๆ กับสตรีนางนั้น กระทั่งแลยังไม่แล พุ่งสมาธิทั้งหมดไปที่อิ่นฉี
อิ่นฉีเอะอะโวยวายยกหนึ่งยังถูกถังฟั่นจ้องมองจนเริ่มตกประหม่า จึงตวัดเสียงห้วนดุ “มองอะไร หรือเจ้าคิดจะบิดพลิ้ว! ข้าขอบอก ข้าคือราษฎรผู้เคารพกฎหมาย เจ้าอย่าหมายอาศัยตำแหน่งสมาชิกสภาขุนนางของตนมาข่มเหงข้า!”
ถ้อยคำนี้แม้แต่สุกรฟังแล้วยังต้องหัวเราะ หากคุณชายอิ่นเป็นผู้เคารพกฎหมาย เช่นนั้นใต้หล้านี้คงไม่มีคนดีแล้ว!
แต่เขายังจงใจเน้นน้ำเสียงที่คำว่า ‘สมาชิกสภาขุนนาง’ จุดประสงค์ก็เพื่อให้ทุกคนล้วนทราบในฐานะของถังฟั่น กวนให้น้ำยิ่งขุ่น ทำลายชื่อเสียงถังฟั่นให้ย่อยยับ
เผิงอี้ชุนนึกตำหนิตนเอง เพราะเขาเป็นคนเชิญถังฟั่นมา เมื่อครู่หากเขายืนกรานส่งถังฟั่นถึงหน้าประตู คงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
เขากลับลืมไปว่าอีกฝ่ายมีเจตนาสร้างความยุ่งยากต่อถังฟั่น ไม่ว่าเขาอยู่ด้วยหรือไม่ ถังฟั่นยังคงหลบหลีกไม่พ้น
ขณะเผิงอี้ชุนทำท่าจะออกหน้ายับยั้งเหตุการณ์ พลันได้ยินถังฟั่นกล่าว “เจ้าพูดถูกแล้ว ข้ารุดมาเพื่อสตรีนางนี้จริงๆ”
ถึงกับยอมรับแล้ว?
ทุกคนล้วนตะลึงมองถังฟั่น เข้าใจว่าเขาโกรธจัดจนเสียการควบคุม ปล่อยเหตุการณ์เลยตามเลย
อิ่นฉีตะลึงลานเช่นกัน จากนั้นก็ลั่นหัวเราะฮาๆ “ยอมรับก็ดี! สมาชิกสภาขุนนางผู้สูงส่งถึงกับวิ่งมาหึงหวงแย่งชิงสตรีในโรงเตี๊ยม นี่น่ะหรือมหาเสนาบดีแห่งต้าหมิงของพวกเรา มีบุคคลเยี่ยงเจ้า ราชสำนักยังสามารถรุ่งเรืองขึ้นมาได้หรือ”