ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน เซียมซีทายรัก บทที่ 1
สกุลหานเป็นที่รู้จักในเหิงโจว เนื่องจากสกุลหานเป็นตระกูลคหบดีอันดับหนึ่งในเหิงโจว นายท่านหานเริ่มมีฐานะขึ้นมาเมื่อสิบห้าปีก่อน กิจการเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนครอบคลุมทุกด้านในเวลาต่อมา ชาวเมืองเหิงโจวตั้งแต่เกิดจนตายต่อให้ไม่ใช้ผ้าของสกุลหานทำผ้าอ้อม ไม่สวมเครื่องประดับที่สกุลหานผลิต ก็อาจได้ใช้เครื่องเคลือบที่สกุลหานทำ ต่อให้ไม่ได้ใช้สิ่งเหล่านี้ เช่นนั้นก็อาจต้องใช้สินค้าจากร้านเครื่องประทินโฉม หรือไม่ก็ร้านเครื่องเขียนทั้งสี่ในเครือของสกุลหาน แม้แต่สำนักศึกษาก็ยังได้รับการสนับสนุนเต็มกำลังจากสกุลหาน ไม่ว่าอย่างไรชาวเหิงโจวต่างก็ต้องจับจ่ายใช้สอยสินค้าของสกุลหานไปโดยไม่รู้ตัว
อาเหม่าเสียบุพการีไปตั้งแต่เล็ก จึงถูกป้าขายมาเป็นบ่าวรับใช้ในสกุลหาน เริ่มแรกนางเพียงช่วยงานเล็กน้อยในครัว ภายหลังเมื่อโตขึ้นจนเริ่มทำงานได้แล้วก็ถูกฮูหยินใหญ่เรียกให้ไปรับใช้ในเรือน
แม้สกุลหานจะร่ำรวย ทว่าเจ้าบ้านสกุลหานและฮูหยินใหญ่กลับค่อนข้างตระหนี่และเข้มงวดกับบ่าวรับใช้ เงินเดือนก็น้อยทว่างานที่ต้องทำนั้นกลับมีมาก ทันทีที่ทุกคนทำงานในเรือนของตนเองเรียบร้อยแล้ว ยังต้องไปดูว่าที่เรือนอื่นมีงานให้ช่วยอีกหรือไม่ เพราะที่นี่บ่าวรับใช้หนึ่งคนต้องทำงานในส่วนของสองคนทำให้ได้
แต่ในเมื่ออย่างไรก็ถูกขายให้สกุลหานแล้ว ต่อให้ทำงานรับใช้จนเหนื่อยตายก็ต้องกัดฟันทำต่อไปให้ได้เท่านั้น
อาเหม่ามิได้ละโมบ นางไม่มีอะไรที่อยากจะซื้อ คนที่นางอยากแสดงความกตัญญูด้วยก็ล้วนจากไปหมดแล้ว ฉะนั้นแม้ค่าแรงที่นี่จะน้อย แต่ก็ยังพอกับค่าใช้จ่าย เด็กสาวที่ถูกคนทุบตีมาตั้งแต่เด็กอย่างนางมีเพียงความปรารถนาเดียว นั่นคือไม่ถูกทุบตีอีกก็เพียงพอแล้ว
ในหนึ่งเดือนบ่าวรับใช้แต่ละคนจะมีวันหยุดพักผ่อนให้เพียงหนึ่งวัน วันนี้นางกับเหล่าสาวใช้วัยเดียวกันจึงออกมาเที่ยวเตร่ กว่าจะกลับถึงคฤหาสน์ก็ใช้เวลาไปแล้วกว่าครึ่งวัน เดิมนางตั้งใจถือโอกาสที่มีเวลาว่างนี้ปักถุงหอมให้ตนเอง แต่เห็นทีวันนี้จะไม่เหลือเวลาแล้ว
เหล่าสาวใช้หลังจากลงจากเขาแล้วก็พากันไปเที่ยวต่อในตลาด เพื่อจับจ่ายชุดอุปกรณ์เย็บปักและชาดหอมก่อนจะหาอะไรกินกัน เมื่อเห็นว่าอาทิตย์อัสดงจนย่ำค่ำแล้วจึงได้พากันกลับคฤหาสน์
บรรดาร้านรวงของสกุลหานล้วนตั้งอยู่ในละแวกที่เจริญที่สุดของเมืองเหิงโจวแทบทั้งสิ้น ทว่าคฤหาสน์กลับมิได้อยู่ในละแวกที่รุ่งเรืองนี้ แต่ตั้งห่างจากถนนที่อึกทึกนี้ออกมาค่อนข้างไกล
เด็กสาวเจ็ดแปดคนลัดเลาะผ่านตรอกอันคึกคัก ก้าวสู่ถนนปูหินสายยาวที่กว้างขวางและสงบเงียบท่ามกลางอาทิตย์อัสดง พวกนางได้ละทิ้งความครึกครื้นไว้เพียงเบื้องหลัง ขณะกำลังจะถึงหน้าประตูคฤหาสน์ ทุกคนต่างก็เห็นว่าประตูเปิดอยู่ ทว่ากลับไม่เห็นคนเฝ้าประตู หลายคนมองซ้ายมองขวา ก่อนจะกล่าวด้วยความแปลกใจ “อาฝูไม่เฝ้าประตู ไม่กลัวฮูหยินด่าหรืออย่างไร”
สาวใช้หลายคนรีบก้าวเข้าไปในโถงใหญ่ จึงได้เห็นว่ายามนี้มีคนยืนอยู่รอบโถงใหญ่ไม่น้อยแล้ว แต่ละคนก็พยายามเขย่งเท้าเพื่อจะมองให้เห็นด้านใน ราวกับว่ามีคนยอดเยี่ยมเก่งกล้าสักคนอยู่ด้านในก็ไม่ปาน
“พวกเจ้าไปไหนกันมา” หมัวมัว* สูงวัยคนหนึ่งเห็นพวกนางแล้วพลันนิ่วหน้า “ยามนี้ก็เหลือแต่พวกเจ้าแล้ว รีบไปทำความรู้จักเร็วเข้า”
สาวใช้คนหนึ่งมองเข้าไปด้านในพลางเอ่ยถาม “ทำความรู้จักหรือ รู้จักใครกัน”
หมัวมัวกล่าวตอบ “นายท่านกลับมาแล้ว พาพ่อบ้านคนใหม่มาด้วย”
พวกนางต่างนิ่งอึ้ง ก่อนจะพร้อมใจกันเบนสายตามองอาเหม่าจนนางใจเต้นไม่เป็นส่ำ
หมัวมัวไม่อาจรับรู้ความคิดของพวกนางจึงยังเอ่ยเร่งรัดต่อ “รีบไปดูเร็วเข้า มิเช่นนั้นพรุ่งนี้ตอนที่เจอพ่อบ้านแล้วจะเผลอไม่รู้จักจนลืมทักทายเขาได้”
เวลานี้อาเหม่าจึงกลายเป็นตัวเอก นางถูกบรรดาสาวใช้ที่สนิทกันโอบพาให้เดินนำหน้า เบียดผ่านกลุ่มคนที่สูงกว่าเข้าไปดูหน้าพ่อบ้านคนใหม่
อาเหม่าเริ่มกลัวจับใจว่าอีกเดี๋ยวนางจะต้องพบกับชายชราเป็นแน่ ทั้งยังระแวงสงสัยว่าเซียมซีใบนั้นจะเป็นจริงหรือไม่
บ่าวรับใช้ที่รวมตัวกันสักพักหนึ่งก่อนหน้านี้แล้วก็ทยอยแยกย้ายกลับไปทำงานของตนเอง ครู่เดียวอาเหม่ากับเหล่าสาวใช้ก็เดินไปถึงด้านหน้า ตรงนั้นนอกจากเจ้าบ้านสกุลหานแล้ว ยังมีบุรุษหนุ่มอีกคนยืนอยู่ มองจากด้านหลังเช่นนี้เขาช่างดูสูงเพรียว ยิ่งสวมชุดคลุมยาวสีครามชุดนี้ก็ยิ่งขับให้เขาดูตัวสูงขึ้นไปอีก ทั้งยังไม่ผอม ไม่อ้วน ดูแข็งแรงราวกับต้นสนเขียวขจี
แสงอาทิตย์ยามเย็นส่องลอดเข้ามาภายในห้องโถง อาบไล้ใบหน้าด้านข้างของบุรุษหนุ่ม สะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกนุ่มนวลดุจหยกของเขา ซึ่งส่งกลิ่นอายละมุนผ่อนคลายออกมา
ขณะเดียวกันพวกสาวใช้ที่กำลังเบียดผ่านฝูงชนอยู่นั้นต่างก็นึกถึงภาพหน้าตาของชายชรานับร้อยคนไว้ในหัว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าคนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าจะเป็นบุรุษที่หนุ่มแน่นผู้หนึ่ง ทั้งยังรูปงามเช่นนี้ แตกต่างจากพ่อบ้านที่พวกนางเห็นในยามปกติอย่างสิ้นเชิง จึงประหลาดใจจนพูดไม่ออก
เจ้าบ้านสกุลหานที่กำลังมอบหมายภารกิจให้กับเซี่ยฟั่งเห็นพวกนางแล้วก็หยุดสนทนาทันที ก่อนจะกล่าวกับคนที่อยู่ด้านหลังของเซี่ยฟั่งว่า “พวกเจ้าไม่มีงานทำกันหรือ ยังไม่รีบไปทำงานทำการกันอีก”
เซี่ยฟั่งได้ยินแล้วก็หันไปมอง แสงแดดยามเย็นอาบไล้ใบหน้าเบาบาง ทำให้นัยน์ตาเขาเป็นประกายมีพลัง ยิ่งทำให้พวกนางมองจนนิ่งงัน เขาจดจำใบหน้าของเหล่าสาวใช้นี้ไว้แล้ว พลางค้อมศีรษะเล็กน้อย “ข้าแซ่เซี่ย มีนามว่าฟั่ง”
ใบหน้างดงามดุจหยก น้ำเสียงก็กังวานไพเราะดุจหยกกระทบกันแผ่วเบา บรรดาเด็กสาวล้วนหน้าแดงปลั่งไปทันที “คำนับพ่อบ้านเซี่ย”
เซี่ยฟั่งมิได้กล่าวอะไรอีก ขณะเขาเบนสายตากลับก็เหลือบไปเห็นใบหน้าของสาวใช้คนหนึ่ง รูปโฉมของนางสะดุดตาที่สุดในกลุ่มสาวใช้ เพียงแต่น่าแปลก เมื่อเขามองไป นางก็เบนสายตาออกทันที ต่างจากสาวใช้คนอื่น คล้ายกับกำลัง…หลบตา เขาหลุบตาครุ่นคิดชั่วครู่ เมื่อมิได้ต่อความยาวสาวความยืด ท้ายที่สุดก็ดึงสายตากลับคืน
เจ้าบ้านสกุลหานหลังจากกำชับมอบหมายภารกิจเรียบร้อยแล้วก็เข้าไปพักผ่อนในเรือน ทว่าพอเจ้าบ้านสกุลหานไป พวกสาวใช้กลับไม่ได้แยกย้ายกันในทันที หลังพรึงเพริดกับพ่อบ้านหน้าหยกแล้วความคิดของทุกคนก็พลันผุดขึ้นมาอีกครั้ง พอพวกนางมองอาเหม่าสลับกับพ่อบ้านคนใหม่แล้วต่างก็ยกมือปิดปากหัวเราะกัน
เซี่ยฟั่งไม่รู้ว่าพวกนางขำอะไร ทว่าครู่เดียวก็เห็นเด็กสาวคนนั้นเดินผละออกไปก่อน ทุกคนจึงพากันไล่ตามไป เหล่าสาวใช้วัยแรกแย้มเหล่านั้นจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคัก ราวกับดอกท้อในสวนยามฤดูใบไม้ผลิ มองแล้วงดงามสบายตายิ่ง