ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงทางทิศตะวันตก ม่านราตรีค่อยๆ แผ่ลงมาปกคลุมคฤหาสน์หลังใหญ่ของสกุลหาน แม้แต่สายตาที่ทอดมองออกไปด้านนอกก็ค่อยๆ หม่นลงตามแสงอาทิตย์อัสดง ก่อนจะจางหายลงไปพร้อมกัน หลงเหลือเพียงรัตติกาลมืดสลัว
เซี่ยฟั่งมองอยู่เช่นนั้นพักหนึ่ง ก่อนเดินทอดน่องออกจากโถงใหญ่สกุลหาน แล้วหันกลับไปมองแผ่นป้ายที่แขวนเหนือโถงใหญ่
‘ใจดั่งคันฉ่องเงาใส’
อักษรตัวใหญ่สีทองลายเส้นตวัดโค้งมนพลิ้วไหว เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา ตัวอักษรแสดงความสง่าผ่าเผยของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี ส่วนความหมายที่แสดงถึงจิตใจอันบริสุทธิ์ ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างเอื้อเฟื้อใจกว้างของผู้เป็นเจ้าบ้านนั้น…
ดวงตายาวรีของเซี่ยฟั่งพลันหรี่ลง เขาไม่ปริปากกล่าวถ้อยคำใดอีก ก่อนที่ร่างสูงจะหันกลับมา แล้วก้าวออกจากโถงส่วนหน้าอันกว้างขวางแห่งนั้น กระทั่งเงาร่างเร้นหายไปกับระเบียงทางเดินที่ทอดตัวเหยียดยาว
อาจเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อวานมีเรื่องบังเอิญเกินไป ก่อนเข้านอนเหล่าสาวใช้ที่สนิทกันจึงยังกระซิบกระซาบกับนางอีกพักใหญ่ หลังจากนั้นอาเหม่าก็ยังฝันตลอดคืน ในความฝันมีเพียงใบหน้าของคนผู้นั้น…พ่อบ้านที่มาใหม่
เป็นเพราะดวงหน้าของนางขาวใสเกลี้ยงเกลา เวลานี้เมื่อมีสีอื่นขึ้นระเรื่อก็มองเห็นได้ชัดในทันที ขณะที่สวมอาภรณ์อยู่นั้นก็มีสาวใช้เข้ามากล่าวหยอกนาง “อาเหม่า เมื่อคืนเจ้าหลับไม่สนิทหรือ คิดอะไรอยู่ คงไม่ใช่ว่า…”
“ชู่!” อาเหม่ารีบตัดบทอีกฝ่าย “ใบเซียมซีก็ส่วนใบเซียมซี เจ้าไม่ควรเอามาพูดอีก เกิดพ่อบ้านเซี่ยได้ยินเข้าจะทำอย่างไร ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
เถาฮวาคิดแล้วก็เห็นด้วย ครื้นเครงก็ส่วนครื้นเครง ทว่า…ภาษิตว่าอะไรสักอย่าง ใช่แล้ว สามคนกลายเป็นเสือ* ไม่พูดมากดีกว่า ใครๆ ก็ต่างรู้ว่าเจ้าบ้านสกุลหานกับฮูหยินไร้น้ำใจกับบ่าวไพร่อย่างไร หากได้ยินคำเล่าลือเหล่านี้มากเข้า น่ากลัวว่าอาเหม่าจะเดือดร้อนเอาได้
สาวใช้คนอื่นๆ ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวต่างก็ล้อมเข้ามาเพื่อจะหยอกเย้า แต่ก็ถูกเถาฮวาเปลี่ยนเรื่องสนทนาเสียก่อน “พ่อบ้านเซี่ยคนนั้นดูไปก็ไม่เหมือนคนจากสกุลยาก ไยจึงมาเป็นพ่อบ้านที่คฤหาสน์นี้ได้ พ่อบ้านแม้จะมีอำนาจมากเพียงใดก็เป็นได้แค่บ่าวรับใช้ หรือเขาหวังอะไรกันแน่”
สาวใช้คนหนึ่งกำลังผูกปมเสื้อ ครั้นได้ยินก็ไม่สนใจจะผูกต่อแล้ว รีบกระเถิบร่างเข้ามาเล่า “ข้าได้ยินว่านายท่านเจอพ่อบ้านคนใหม่ระหว่างทางกลับ ตอนนั้นนายท่านเจอโจรป่า แล้วได้เขาช่วยชีวิตนายท่านไว้”
เถาฮวาเดาะลิ้น “ผลของการช่วยชีวิตก็คือพาคนเขามาเป็นบ่าวรับใช้ในสกุลหรือ”
“แล้วจะทำอย่างไรเล่า ใช่ว่าพวกเจ้าจะไม่รู้นิสัยของนายท่าน…ข้าเคยได้ยินมาอีกว่าเดิมทีสกุลของพ่อบ้านก็นับว่าไม่เลว แต่เป็นเพราะภายหลังเกิดตกทุกข์ได้ยาก บิดามารดาก็มาจากไป ทั้งถูกญาติชิงสมบัติไปหมด เขาจึงต้องระหกระเหินอยู่ข้างนอก จนกระทั่งมาเจอกับนายท่าน ไม่รู้เพราะเขาหมดอาลัยตายอยาก หรือเพียงแค่หน้าตาดีแต่มิได้เก่งกล้าสามารถอะไร สุดท้ายจึงต้องมาเป็นพ่อบ้านที่สกุลหานเช่นนี้” อีกคนเบ้ปากกล่าว
คนหนึ่งกล่าวกลั้วหัวเราะขึ้นมา “ได้ยินว่าอย่างนั้นอย่างนี้ เหตุใดเวลาแค่คืนเดียว เจ้าก็สืบมาได้เสียละเอียดเช่นนี้เชียว”
อีกคนส่งเสียงฮึ “ไม่ขอบคุณข้าที่ช่วยสนองความอยากรู้อยากเห็นของพวกเจ้าสักหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่กลับมาเหน็บแนมข้าเสียนี่ คราวหน้ามีอะไรข้าก็จะไม่บอกพวกเจ้าแล้ว” นางยังกล่าวต่อว่า “อาเหม่าเองก็รับใช้อยู่ในเรือนนายท่านมิใช่หรือ อีกประเดี๋ยวต้องได้ยินอะไรมาบ้างแน่ๆ”
“เรื่องของเจ้านาย พวกเราอย่าพูดมากดีกว่า” ขณะที่พวกนางกำลังสนทนากัน อาเหม่าก็ล้างหน้าแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว นางส่องคันฉ่องก่อนลุกขึ้นกล่าว “ขืนยังพูดต่ออีกก็จะไปไม่ทันเวลาตื่นนอนของพวกนายท่านกับฮูหยินแล้ว”
หลังอาเหม่าเอ่ยจบ คนอื่นๆ จึงรีบกระวีกระวาดล้างหน้าแต่งตัวตาม