พอเซี่ยฟั่งไปแล้วอาเหม่าก็ใจลอยอยู่อึดใจใหญ่ ก่อนจะไปเตรียมมื้อเย็นให้เจ้าบ้านสกุลหานที่ห้องครัว
นางคำนวณเวลาอย่างละเอียด ไม่ให้พลาดแม้แต่น้อย เซี่ยฟั่งบอกว่าสามเค่อกับอีกครึ่งเค่อก็ต้องเป็นไปตามนั้น
อีกครู่เดียวก็ถึงสามเค่อแล้ว อาหารที่อาเหม่าให้ห้องครัวจัดถูกจัดเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางเดินวนกลับไปกลับมาอย่างร้อนรนในสวนของห้องครัว ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดเซี่ยฟั่งจึงต้องให้ไปในช่วงเวลานั้น นางเห็นว่าเวลาผ่านไปอีกครู่หนึ่งแล้ว พอไปถึงห้องเจ้าบ้านสกุลหานก็จะถึงครึ่งเค่อพอดี
นางสูดลมหายใจเข้าลึกเฮือกหนึ่ง จึงยกอาหารขึ้นไปที่ห้องของเจ้าบ้านสกุลหาน
เจ้าบ้านสกุลหานหลังจากได้ยินเสียงเคาะประตูแล้วยังนึกว่าคนงานจะยกน้ำชามาเติม ทว่าเมื่อเขาได้ยินเสียงของอาเหม่าก็พลันรู้สึกประหลาดใจ เพราะนี่ยังไม่ถึงเวลามื้อเย็น
แล้วอาเหม่าที่มาก่อนเวลานี้ หมายความว่านางเองก็กระตือรือร้นใช่หรือไม่
อย่างไรนางก็คงต้องคิดบ้างอยู่แล้ว หากลงเอยกับเซี่ยฟั่ง มิสู้อยู่กับนายท่านดีกว่าต่อให้เป็นเพียงอนุภรรยาก็ยังดี แต่ในเมื่อเขาตกลงจะรับหลิ่วอิงเข้าตระกูลแล้ว หากรับอี๋เหนียงสี่และอี๋เหนียงห้าในเวลาเดียวกันอีกก็เหมือนจะไม่ดีนัก เช่นนั้นก็มีแต่ต้องเลื่อนอาเหม่าออกไปก่อน
ถ้าระหว่างนั้นเขาเบื่อนางแล้ว อย่างไรก็เป็นแค่สาวใช้ ไยต้องให้ตำแหน่งอี๋เหนียงกับนางด้วย จากนั้นก็เพียงยกนางให้กับเด็กรับใช้คนหนึ่ง ด้วยรูปลักษณ์ของนางแล้ว เด็กรับใช้เองก็ต้องยินดีอย่างแน่นอน
เจ้าบ้านสกุลหานหลังวางแผนในใจเรียบร้อยแล้วก็ยิ่งไม่มีความคิดมอบตำแหน่งฐานะให้สาวใช้คนหนึ่ง ทว่าเรื่องพวกนี้จะให้อาเหม่ารู้ไม่ได้เป็นอันขาด มิเช่นนั้นนางจะไม่สมัครใจปรนนิบัติเขา
เจ้าบ้านสกุลหานลุกไปเปิดประตู เมื่อเห็นอาเหม่าแล้วก็มิได้วางตัวสูงส่งเช่นทุกวัน ทั้งยังรับอาหารที่นางยกมาด้วยตนเอง “เหนื่อยหรือไม่ รีบเข้ามาเถอะ”
อาเหม่าข่มความรู้สึกปั่นป่วนในกระเพาะไว้ พลางก้มหน้าก้าวเข้าห้อง
เจ้าบ้านสกุลหานวางอาหารลงบนโต๊ะ มองท่าทางที่อาเหม่าก้มหน้าเขินอายแล้วตัณหาก็ยิ่งพลุ่งพล่าน แม้กระทั่งมื้อเย็นก็ไม่อยากกินแล้ว เขาจึงยื่นมือไปเพื่อหวังคว้ามือบาง
อาเหม่าที่ระแวงเขาอยู่แล้วดึงมือกลับทันที ไม่ให้เขาได้แตะต้อง
เจ้าบ้านสกุลหานเองก็ไม่ถือสา เนื้อที่กำลังจะเข้าปาก อีกเดี๋ยวก็เป็นของเขาแล้ว ไยต้องรีบร้อนอีก “ร่างกายยังผุดผ่องอยู่ล่ะสิ ไม่เคยต้องชายใดใช่หรือไม่”
อาเหม่ามิได้ตอบ นางกระดากอายจนพูดไม่ออก
เจ้าบ้านสกุลหานกล่าวอีกว่า “ข้าดูแล้วก็คิดว่าไม่เคย ดีมาก มา…ดื่มเหล้าสักหน่อยก็จะหายกลัวเอง”
เขารินสุราให้นางหนึ่งจอกด้วยตนเอง แต่อาเหม่าไม่ได้รับ ในที่สุดเจ้าบ้านสกุลหานก็หมดความอดทน จึงแค่นเสียงเย็น “ข้าอุตส่าห์ช่วยคิดแทนเจ้า แต่เจ้ากลับไม่รักดี อีกเดี๋ยวตอนเจ้าร้องว่าเจ็บ อย่าหาว่าข้าไม่เห็นใจเจ้าก็แล้วกัน”
อาเหม่าฟังนัยในคำพูดแล้วรู้สึกไม่ชอบมาพากลอย่างยิ่ง นางพลันขยับถอยหลัง แต่เจ้าบ้านสกุลหานกลับลุกเดินเข้ามาหานาง อาเหม่าพลันตกใจ ไม่รู้ว่าเหตุใดเซี่ยฟั่งจึงยังไม่มา เพราะอะไรถึงยังไม่พาอี๋เหนียงสี่มา
หรือเซี่ยฟั่งไม่ได้ไปตามอี๋เหนียงสี่
ที่จริงแล้วเขากับเจ้าบ้านสกุลหานกำลังเล่นละครด้วยกันหรอกหรือ
อาเหม่าข่มความหวาดกลัวไว้ พลางถอยหลังไปทีละก้าว
ยิ่งนางหวาดกลัว เจ้าบ้านสกุลหานก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น ทันใดนั้นก็ปราดเข้าไปคว้ามือของนาง อาเหม่าตกใจจนส่งเสียงกรีดร้อง นึกเสียใจทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องนี้
เหตุใดจึงไม่หนีไป ต่อให้ต้องใช้ชีวิตอยู่ในป่าลึก แต่อย่างน้อยก็มีอิสระ…
ยามที่เจ้าบ้านสกุลหานออกแรงกระชาก ข้อมือของอาเหม่าก็แทบจะหลุด นางเจ็บจนทรุดลงไปคุกเข่าที่พื้น เจ้าบ้านสกุลหานดึงร่างบางขึ้นหมายลากนางขึ้นเตียง ทว่ามืออีกข้างหนึ่งของอาเหม่ากลับจับขาโต๊ะไว้แน่น อย่างไรก็ไม่ยอมไป
เจ้าบ้านสกุลหานหมดความอดทนไปนานแล้ว จึงตวัดฝ่ามือตบหน้านาง อาเหม่าถึงกับตาลาย วิงเวียนจนต้องปล่อยมือจากขาโต๊ะ
อาเหม่ารู้สึกสิ้นหวังทันที
ทันใดนั้นก็มีคนแค่นหัวเราะเสียงเย็นที่ประตู น้ำเสียงแหลมสูงนั้นยิ่งหัวเราะเสียงก็ยิ่งแหลมมากขึ้น
“ดีมาก ข้าสงสัยอยู่เชียวว่าเหตุใดคืนนี้ท่านจึงไม่ไปหาเขา ที่แท้ก็มีคนใหม่แล้วนี่เอง”
เจ้าบ้านสกุลหานชะงักงัน จู่ๆ ก็มีปิ่นทองเสียบทะลุประตูบุกระดาษ แล้วกรีดจนกระดาษขาดทันที เผยให้เห็นดวงตาสวยข้างหนึ่ง ซึ่งเห็นภาพเหตุการณ์ในห้องอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
อาเหม่าดิ้นสะบัดหลุดจากเจ้าบ้านสกุลหานแล้ววิ่งออกไปเปิดประตู ทันทีที่เห็นหญิงสาวเย้ายวนตรงหน้าแล้ว นางก็เอ่ยเสียงสั่น “ช่วยข้าด้วย…”
แววตาที่ฉายแววไร้ที่พึ่งและสิ้นหวังทำให้หลิ่วอิงอึ้งงัน สายตาเช่นนี้นางเคยเห็นมาก่อน หลายปีนั้น ตอนที่ตนถูกขายให้หอนางโลม นางก็มักเห็นในคันฉ่องเสมอ
ไร้ที่พึ่งและสิ้นหวัง…มีเพียงน้ำตาเท่านั้น…
หลิ่วอิงยื่นมือรั้งอาเหม่าไว้ด้านหลัง ราวกับมาช่วยตัวนางที่สิ้นหวังในยามนั้น