วันรุ่งขึ้น สาวใช้หลายคนในเรือนต่างจับคู่ไปเที่ยวด้วยกัน อาเหม่าไปรับใช้ที่เรือนนายท่านแต่เช้า ระหว่างนั้นเซี่ยฟั่งก็เข้ามา นางรู้สึกได้ว่าเขามองตนอยู่หลายครั้ง ทว่าอาเหม่าก็มิได้เงยหน้าขึ้นมา รอจนนางยกน้ำออกไปแล้ว จึงได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง ฟังแล้วเหมือนของเซี่ยฟั่ง เมื่อนางหันไปมอง…ก็พบว่าเป็นเขาจริง
เซี่ยฟั่งเรียกนางไว้ ก่อนเดินหน้าเข้าไปถาม “ข้าจำได้ว่าเจ้าต้องหยุดพักวันนี้”
อาเหม่ากล่าวตอบ “ข้าหยุดพักช่วงกลางเดือน”
“เมื่อคืนข้าให้เด็กหญิงคนหนึ่งไปแจ้งที่เรือนบ่าวรับใช้เป็นรายคนแล้ว เจ้าไม่อยู่หรือ”
อาเหม่าส่ายหน้า “ข้ารู้ว่าคนที่หยุดพักวันเดียวกับข้าในเดือนนี้ต่างได้รับแจ้งว่าวันนี้หยุดพัก แล้ววันที่สิบห้าทำงาน เมื่อคืนข้ายังแปลกใจอยู่…” ทันใดนั้นนางก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา “เมื่อคืนข้าไม่อยู่ ตอนที่ออกมาจากในเรือนมีคนอยู่แค่คนเดียว…ตอนนั้นเด็กรับใช้แจ้งใครหรือ”
เซี่ยฟั่งเองก็เป็นคนฉลาด ครั้นนางบอกเขาก็เดาได้ว่าคนผู้นั้นอาจมีเจตนาปิดบัง แต่เหตุใดจึงปิดบังเฉพาะอาเหม่าคนเดียว ทำให้นางจำวันผิด ให้นางต้องขาดงานวันที่สิบห้าแล้วจะได้ประโยชน์อะไร
“เด็กรับใช้อาจแจ้งตกหล่นก็ได้” เซี่ยฟั่งเอ่ยบอก “เช่นนั้นพรุ่งนี้เจ้าหยุดพักเถอะ”
อาเหม่ามองเขาแวบหนึ่ง รู้ว่าเขาก็คงเดาอะไรได้บ้างแล้ว แต่กลัวนางกับคนผู้นั้นเกิดความบาดหมางขึ้น เพราะฉะนั้นเขาจึงหยุดหัวข้อสนทนานี้ “ข้าหยุดวันนี้ได้หรือไม่”
“วันนี้เจ้าตื่นแต่เช้าแล้ว หยุดพักพรุ่งนี้จะได้ไม่เสียเปรียบ” เซี่ยฟั่งกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง “หากพักวันนี้ เวลานอนก็น้อยลงหลายชั่วยาม”
“ข้าต้องไปซักผ้าห่ม” อาเหม่ารู้ว่าเป็นฝีมือของชุ่ยหรง แต่นางไม่มีหลักฐาน
“อืม เจ้าไปเถอะ”
เซี่ยฟั่งไปถามเรื่องนี้กับเด็กหญิงรับใช้ทันที เด็กหญิงรับใช้คนนั้นเค้นความจำอยู่นานจึงกล่าวว่า “เป็นพี่ชุ่ยหรง นางยังรับปากข้าว่าจะบอกพวกนางเองด้วย”
ชุ่ยหรงหรือ…เซี่ยฟั่งจำสาวใช้ที่แกล้งป่วยคนนั้นได้ นางกับอาเหม่ามีเรื่องผิดใจกันอย่างนั้นหรือ ความสามัคคีของบ่าวรับใช้ก็เป็นหน้าที่ของเขา ซักถามพวกนางตรงๆ เขาคงไม่ได้เรื่องแน่ คิดแล้วก็ให้เด็กหญิงรับใช้ไปตามเถาฮวามา
เถาฮวาได้ยินเซี่ยฟั่งถามเรื่องของชุ่ยหรงกับอาเหม่า นางจึงกล่าวอย่างฉุนเฉียว “พ่อบ้าน ชุ่ยหรงคนนั้นก่อเรื่อง นางโยนผ้าห่มของอาเหม่าลงที่พื้น ทั้งยังใช้เท้าเหยียบ ข้ารู้ว่านางเป็นคนเหยียบ เพราะข้าแอบเทียบรอยเท้าของนางแล้ว เป็นนางนั่นแหละ”
เซี่ยฟั่งคิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องเช่นนี้ “เพราะอะไรชุ่ยหรงถึงกลั่นแกล้งอาเหม่าล่ะ”
เถาฮวาปากไวใจเร็ว โพล่งออกไปตามตรง “เพราะชุ่ยหรงชอบท่าน แต่พ่อบ้านชอบอาเหม่านี่นา”
เซี่ยฟั่งนิ่งอึ้ง ใบหน้าหล่อเหลาขาวใสไม่รู้จะแสดงสีหน้าเช่นไร “…ข้าไม่ได้ชอบอาเหม่า เพียงแต่คุณชายรองแกล้งข้า เพราะฉะนั้นจึงใช้ชื่อข้าไปมอบแป้งชาดให้นาง”
เถาฮวาโบกมือ “แต่พวกท่านเป็นคู่แท้ชะตาฟ้าลิขิต ตอนนี้ไม่ชอบ ภายหน้าอย่างไรก็ต้องชอบแน่ มิฉะนั้นคุณชายรองที่ไม่เคยหยอกใครเช่นนี้ ไฉนจึงเลือกอาเหม่าเล่า”
“คู่แท้ฟ้าลิขิตหรือ”
“ท่านไม่รู้หรือ ข้าคิดว่าท่านรู้เสียอีก” เถาฮวานั่งลง ในศาลาพักร้อนที่โล่งว่างนางเล่าโดยมิได้เบาเสียง “เช้าวันที่ท่านเข้าคฤหาสน์ อาเหม่ากับเหล่าสาวใช้ที่สนิทกันไปเสี่ยงเซียมซีที่อาราม เซียมซีดวงความรักของอาเหม่าทำนายว่าเนื้อคู่จะมาเยือน ผู้ทำนายที่แปลคำทำนายเซียมซีบอกว่าในตระกูลจะมีคนมาใหม่ คนผู้นั้นก็คือคู่ครองของอาเหม่า ปรากฏว่า…”
…ปรากฏว่าเขาก็มา
เซี่ยฟั่งนึกย้อนไปถึงตอนแรกที่ตนเข้าคฤหาสน์แล้วอาเหม่าหลบสายตาเขา รวมถึงสีหน้าท่าทางของเหล่าสาวใช้ที่มองเขา ในที่สุดก็พลันเข้าใจกระจ่าง
ที่แท้ระหว่างพวกเขาสองคนยังมีเรื่องเซียมซีก่อนหน้า ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้สึกว่าอาเหม่าและเหล่าสาวใช้ทำตัวแปลกพิกล
“คำพูดของคนทำนายชะตาเชื่อไม่ได้” เซี่ยฟั่งรู้ว่าเถาฮวามีนิสัยร่าเริง น่ากลัวว่าจะพูดไม่หยุด จึงกล่าวว่า “อ้อ ข้าจำได้ว่าอีกเดี๋ยวเจ้ายังมีงานต้องทำ รีบไปเถอะ”
เถาฮวาเองก็นึกขึ้นได้แล้ว จึงลุกพรวดขึ้นกล่าว “เช่นนั้นข้าไปล่ะ แต่พ่อบ้าน อารามนั้นศักดิ์สิทธิ์มาก เซียมซีก็แม่นยำ และที่สำคัญที่สุดคืออาเหม่าเป็นหญิงที่ดี นาง…ไม่น่าจะเกลียดท่าน”
นางราวกับนกน้อยที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังเลือกพูดถึงแต่เรื่องที่เขาปวดหัว เซี่ยฟั่งจึงยกมือขึ้นโบก “อืม ไปเถอะ”
เถาฮวากล่าวทิ้งท้าย “ท่านอย่าให้ชุ่ยหรงรังแกอาเหม่าอีกก็พอ อาเหม่าเป็นพวกไม่สู้คน แค่บีบก็อ่อนยวบแล้ว”
เซี่ยฟั่งชะงัก ท้ายที่สุดก็ยังพยักหน้า
รอเถาฮวาไปแล้ว เขายืนอยู่ในศาลาพักร้อน คำว่า ‘เซียมซีคู่วาสนานำพา’ ก็วนเวียนอยู่ในหัว เขากลั้นหายใจเล็กน้อย ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าสายลมฤดูใบไม้ร่วงนี้ช่างน่ารำคาญ
เขามาที่สกุลหานมิใช่เพื่อชะตารัก แต่มาเพื่อจบชะตาแค้น…