ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน เซียมซีทายรัก บทที่ 7
“พ่อบ้าน?”
น้ำเสียงดุจธนูนี้ดึงสติเขาให้กลับมาในชั่วพริบตา เซี่ยฟั่งเงยหน้าขึ้นมอง อาเหม่าใกล้จะเดินมาถึงตรงหน้าแล้ว นางเห็นสีหน้าของเขาแปลกไปจึงละล่ำละลักถาม “ท่านเป็นอะไรไป”
เซี่ยฟั่งส่ายหน้าเบาๆ “ไม่เป็นอะไร เจ้ามาได้อย่างไร”
“นายท่านบอกว่าท่านมานานเกินไปแล้ว จึงให้ข้ากับเถาฮวามาดู”
เซี่ยฟั่งเพิ่งเห็นว่าเถาฮวาก็อยู่ด้วย “ข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว ไปรายงานนายท่านเถอะ”
เถาฮวาได้ยินแล้วก็รีบไปรายงานเจ้าบ้านสกุลหานทันที ด้วยกลัวว่านายท่านจะเกรี้ยวกราด อาเหม่าเองก็วิ่งไปก้าวสองก้าว ก่อนนึกได้ว่าสีหน้าของเขาแปลกไปจึงย้อนกลับไปถาม “ใช่คุณชายฉินแกล้งฉีกหน้าท่านอีกแล้วหรือไม่”
เวลานี้เซี่ยฟั่งไม่อยากให้นางซักไซ้ อาเหม่าจึงมั่นใจว่าฉินโหยวแกล้งเขาแน่แล้ว นางขมวดคิ้วมุ่น “คุณชายฉินดูไปก็มิใช่คนเลว แต่กลับชอบกลั่นแกล้งท่าน ว่าไปแล้วท่านก็มีศักดิ์เป็นเพียงหลานสหายของท่านลุงฉินเท่านั้น เหตุใดเขาถึงอคติกับท่านถึงเพียงนี้”
ถ้อยคำนี้เข้าโสตประสาทของเซี่ยฟั่ง ฟังแล้ว…เหมือนจะไม่รู้เรื่องของเขากับฉินโหยวแม้แต่น้อย
เพียงแต่คนที่ฉลาดเกินไปก็จะพูดเช่นนี้เหมือนกัน เจตนาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของอีกฝ่าย มิให้ภัยมาถึงตัว
เซี่ยฟั่งเคยคิดว่าอาเหม่าเป็นเพียงสาวใช้ธรรมดาผู้หนึ่ง วันนี้มาคิดดูแล้ว ที่ผ่านมาเขาล้วนมองนางผิดไป เขาตัวสูงกว่าอาเหม่ามาก สายตายามหลุบมองลงจึงยิ่งดูสลัว “ก็มิได้แกล้งอะไรหรอก เพียงแค่ขึ้นบันไดไปหลายชั้น ข้าจึงเหนื่อยนิดหน่อย”
คำตอบนั้นทั้งคลุมเครือและกลบเกลื่อน อาเหม่าได้ยินแล้วก็แค่แสร้งเชื่อไปเช่นนั้น
“อ้าว อาเหม่า” ฉินโหยวที่เดินตามลงมาเมื่อเห็นนางแล้ว ฝีเท้าเขาก็พลันก้าวเร็วขึ้นมาก “เมื่อครู่ข้ายังคิดจะให้เจ้าขึ้นหอไปชมทิวทัศน์งามๆ อยู่เลย ตอนนี้ก็เจอเจ้าพอดี เจ้าว่าใช่บังเอิญหรือไม่ มา…ขึ้นไปด้านบนกับข้าเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปชมสวนดอกกุ้ยด้วยตนเอง ทิวทัศน์ข้างบนกับข้างล่างต่างกันอย่างสิ้นเชิงเชียวล่ะ”
ฉินโหยวพูดพลางจับมือนางมากุม อาเหม่านิ่งอึ้ง รีบดึงมือกลับ ครู่เดียวเซี่ยฟั่งก็เข้ามาขวางอยู่ระหว่างกลางทั้งสองแล้ว
“อาเหม่ายังมีงานต้องทำ คงไม่ว่างอยู่กับคุณชายฉิน”
ฉินโหยวมองเขาหลายครั้ง ก็ถูกแล้วที่พ่อบ้านจะปกป้องผู้ใต้บัญชา นั่นเป็นเรื่องสมควร เขาแค่นหัวเราะเสียงเย็น “ไว้หน้าเจ้าแล้วท่าทางเจ้าจะไม่ชอบ”
พูดจบเขาก็รู้สึกว่าตนเองใช้คำพูดแรงเกินไป เกิดอาเหม่าคิดว่าเขาเป็นคนถ่อยไร้ความละอายจะทำเช่นไร เขาอยากจะกล่าวเสริมอีกสักคำสองคำ ทว่ากลับเห็นเซี่ยฟั่งจ้องตนเองเป็นเชิงบอกให้ไป เขาจำต้องไปอย่างเสียมิได้ เดินไปก็พลางกลุ้มใจไปพลาง เขามิควรกล่าววาจาจนเป็นเช่นนั้นไปเสียได้
อาเหม่าจ้องเซี่ยฟั่งจากทางด้านหลัง หรือว่า…คืนนั้นจะจำผิดคนจริงๆ
แต่จะจำผิดได้อย่างไร…เพราะฉะนั้น เซี่ยฟั่งต่างหากที่ยังคงเล่นละครอยู่
แต่ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไรกันแน่
อาเหม่านิ่งเงียบไม่พูดไม่จา รู้สึกเพียงว่าเซี่ยฟั่งในยามนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
พวกเจ้าบ้านสกุลหานขึ้นไปยังหอชมทิวทัศน์แล้ว เหล่าสาวใช้จึงถือโอกาสช่วงกลางวันนี้ไปเก็บดอกกุ้ยในสวนเหมือนทุกปี หนึ่งเพื่อนำมาหมักสุราดอกกุ้ย สองคือนำมาทำขนมดอกกุ้ยที่สดใหม่ และอย่างสุดท้ายก็คือนำไปตากแห้งแล้วทำเป็นถุงหอม เช่นนี้ตลอดหลายเดือนข้างหน้า คฤหาสน์สกุลหานก็จะอบอวลด้วยกลิ่นหอมจางๆ ของดอกกุ้ย
สาวใช้ทุกคนต้องทำถุงหอมสามใบ แต่ดอกไม้แห้งไม่ได้มีปริมาณเต็มเม็ดเต็มหน่วยอย่างดอกไม้สด ดอกไม้สดหนึ่งกองเมื่อตากแห้งแล้วก็เหลืออยู่เพียงกำมือเดียว เพราะฉะนั้นแต่ละคนจึงต้องเก็บดอกไม้ให้ได้ถึงสองกระด้ง
ดอกไม้ที่มีมากที่สุดในสวนไป่กุ้ยย่อมเป็นดอกกุ้ย แม้จะต้องเก็บในปริมาณมาก แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามเหล่าสาวใช้ก็เก็บกันเสร็จแล้ว พร้อมนำไปตากและคัดเลือกอีก
เมื่อถึงพลบค่ำ หลังจากดอกกุ้ยถูกตากด้วยแดดแรงๆ มาครึ่งวันก็แห้งจนได้ที่แล้ว
เหล่าสาวใช้ทยอยเก็บดอกไม้ที่ตนเด็ดมา อาเหม่าเองก็จะไป แต่ยังไม่ทันไปถึงก็มีสาวใช้ที่สนิทวิ่งมาเรียกนาง “อาเหม่า กระด้งของเจ้าถูกลมพัดหล่นบนพื้น ดอกไม้ตกพื้นกระจายหมดแล้ว”
อาเหม่านิ่งอึ้ง ก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าไปที่ชั้นวางไม้นั้น ดอกไม้ที่นางตากไว้ตกกระจายเปื้อนดินทั้งหมดจนไม่อาจใช้การได้แล้ว
แต่กระด้งของสาวใช้คนอื่นๆ ล้วนไม่เป็นไร มีแต่ของนาง…
ลมคงจะไม่เลือกรังแกเฉพาะนาง ทว่าคนนั้นทำได้
นางเหลือบตาขึ้นมองเหล่าสาวใช้ปราดหนึ่ง พวกนางล้วนมีสีหน้าเสียดาย มีเพียงดวงหน้าสวยหนึ่งเดียวที่ซ่อนอยู่ในกลุ่มทั้งยิ้มเยาะเย็นชา เมื่อสายตาสบประสานกับนางแล้วก็หาได้หลบเลี่ยงไม่ คล้ายกำลังประกาศว่า… ‘ใช่ ข้าเป็นคนทำเอง เจ้าจะทำอะไรข้าได้’
ชุ่ยหรง…อาเหม่าพลันรู้สึกว่าตนเองบาดหมางกับคนนิสัยแปลกผู้นี้เข้าแล้วจริงๆ ชุ่ยหรงจะชอบเซี่ยฟั่งก็ชอบไปเถิด เหตุใดจึงต้องคอยรังแกนางด้วย นางเพียงจะอยู่อย่างสงบเท่านั้น ไม่เคยคิดขัดแย้งแก่งแย่งกับใคร ทว่าชุ่ยหรงกลับนำเรื่องที่เซี่ยฟั่งไม่ชอบตนเองมาคิดบัญชีกับนางเช่นนี้ได้
หากเซี่ยฟั่งชอบนางจริงก็แล้วไปเถอะ แต่เซี่ยฟั่งไม่ได้ชอบนางสักนิด หากชุ่ยหรงยังท้าทายนางเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าก็นับว่าทำเกินไปแล้ว
อาเหม่าก้มหน้าเก็บเศษดอกไม้ ทันใดก็พลันเข้าใจแล้วว่าการอดกลั้นรังแต่จะทำให้อีกฝ่ายได้คืบจะเอาศอกนี้เป็นเช่นไร
มือบางของนางพลันกำแน่น แน่นเสียจนได้กลิ่นหอมของดอกกุ้ยที่เจือกับกลิ่นดินเหม็นอับจนเต็มมือ ก่อนแปรสภาพเป็นทั่งที่ทุบลงบนหัวใจที่ชาชินมาสิบห้าปีของอาเหม่า
* ยามไฮ่ คือช่วงเวลา 21.00 น. ถึง 23.00 น.
* ลี้ (หลี่) หมายถึงหน่วยมาตราวัดของจีน เท่ากับความยาว 15 อิ่น เทียบได้กับระยะทางประมาณ 500 เมตร