Jamsai
ทดลองอ่าน Princess Syndrome ตอนที่ 1
อาการที่หนึ่ง
ไอคิวและอีคิวต่ำ
การได้พบคุณเป็นอุบัติเหตุที่แสนงดงาม…ซะที่ไหนกัน!
เด็กผู้หญิงทุกคนมักจะจินตนาการว่าตัวเองเป็นซินเดอเรลล่า แล้วเมื่อกาลเวลาผันเปลี่ยนไป ซินเดอเรลล่าเหล่านี้ก็มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘สาวโพสต์อิต’
เด็กผู้หญิงพวกนี้แม้จะมีชาติตระกูลธรรมดา หน้าตาเรียบๆ และรูปร่างงั้นๆ แต่พวกเธอก็จิตใจงดงาม ทรหดอดทน ถึงจะไม่ค่อยเฉลียวฉลาด แล้วก็ออกจะเซ่อซ่าหน่อยๆ ก็เถอะ
พวกเธอแต่งตัวเรียบง่าย ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยไปช็อปในร้านแบรนด์เนม แยกไม่ออกว่าอันไหนเกสส์ อันไหนกุชชี่ แต่ช่างน่าอัศจรรย์ที่พวกเธอมักได้พบกับพระเอกแสนเพอร์เฟ็กต์ที่เปล่งประกายเจิดจ้า แบรนด์เนมทั้งตัวในเวลาอันรวดเร็ว จากนั้นก็แสดงความโดดเด่นของการเป็นโพสต์อิตออกมาอย่างราบรื่น ติดกับตัวพระเอกแน่นหนึบไม่ยอมปล่อย จนท้ายที่สุดก็เอาชนะแฟนสาวหรือคู่หมั้นที่รูปร่างหน้าตาและฐานะดีกว่าเป็นร้อยเป็นพันเท่า กลายเป็นที่ชื่นชอบโปรดปรานของเจ้าชาย แล้วนับแต่นั้นก็ได้ก้าวสู่วงสังคมไฮโซ แปรเปลี่ยนเป็นหญิงสูงศักดิ์ที่ใครๆ พากันอิจฉาริษยาตาร้อน
ดูสิ ช่างเป็นเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจมากขนาดไหน!
แน่นอนว่าระหว่างทางจะต้องมีหยาดน้ำตาและการเสียสละบ้างไม่มากก็น้อย แต่ฉันเชื่อว่าทันทีที่ซินเดอเรลล่าสวมชุดแต่งงานที่สวยหรู ในก้นบึ้งของหัวใจจะต้องยกสองมือขึ้นเท้าเอว แหงนหน้าขึ้นฟ้าพร้อมหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง วะฮ่าๆๆ ในที่สุดข้าก็เปลี่ยนจากอีกามาเป็นหงส์แล้ว!
ถามว่าทำไมฉันถึงได้เข้าใจความคิดของซินเดอเรลล่าเหล่านั้นได้ทะลุปรุโปร่งอย่างนี้น่ะเหรอ
ไม่รู้เหมือนกันว่าโชคดีหรือโชคร้าย แม่บังเกิดเกล้าของฉัน…คุณนายจูเลียก็เป็นหนึ่งในสมาชิกชมรมอีกากลายเป็นหงส์ด้วยเช่นกัน
แม่เป็นตัวอย่างที่ดีของบรรดาหญิงสาวที่ใฝ่ฝันถึงตระกูลอันร่ำรวยมั่งคั่ง ตั้งแต่เล็กจนโตแม่มักจะคอยพูดที่ข้างหูฉันอยู่เสมอโดยยกตัวเองเป็นตัวอย่างว่าการแต่งงานเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผู้หญิง มีหน้าที่การงานที่ดีสู้แต่งงานอยู่กินอย่างมีความสุขไม่ได้ แต่งงานอยู่กินอย่างมีความสุขสู้แต่งงานกับคนรวยไม่ได้
“แต่ว่าแม่เป็นเมียน้อย” ฉันมักจะจิ้มฟองอากาศสีชมพูของผู้หญิงคนนี้อย่างไม่แยแส
“แล้วยังไง ยังมีคนที่แย่งกันเป็นชู้เป็นกิ๊กอีกตั้งเยอะแยะ” คุณนายจูเลียนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งของฉัน แล้วหยิบตะไบมาตะไบเล็บจนได้รูปสวยอย่างแคล่วคล่อง พูดน้ำเสียงกระหยิ่มยิ้มย่องโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา “ตอนนั้นไม่รู้มีดาราสาวกับพวกคุณหนูมาจีบพ่อลูกตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่”
สำหรับคนที่เป็นลูกสาวแล้ว เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะดีใจที่พ่อตัวเองหล่อเหลาเสน่ห์เหลือล้นดี หรือว่าควรร้องไห้เห็นอกเห็นใจแม่ดี
“ใช่ๆๆ ก็เลยทำให้แม่ลำบากใจ ต้องยอมอยู่กับพ่อหนูอย่างไม่มีตัวตนแบบนี้”
คุณนายจูเลียยื่นเล็บที่ทาน้ำยาทาเล็บสีแดงมาบีบจมูกอันโด่งสวยของฉันอย่างสนิทสนม “รู้ว่าแม่ลำบากใจก็ดีแล้ว”
ฉันจับดั้งจมูกที่ถูกบีบจนเจ็บและรีบถอยหนี “อย่าบีบจมูกหนูแรงสิ เพิ่งทำมานะ” ฉันส่องกระจกดูซ้ายทีขวาที ดีนะที่จมูกไม่เบี้ยว แค่แดงนิดหน่อย จึงรีบเอาแป้งพัฟมาตบหนึ่งที
“ไปเสริมจมูกตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่เห็นรู้เลย” คุณนายจูเลียตาเป็นประกาย เสียงสูงขึ้นสามสี่คีย์ “นอกจากจมูกแล้วยังทำตรงไหนอีก”
แย่แล้ว หลุดปากจนได้
“ก่อนกลับไต้หวัน แวะไปเกาหลีมาแป๊บนึงก็เลยถือโอกาส…” ฉันเบือนหน้าหนี กระแอมหนึ่งทีและพูดเสียงงึมงำ “แค่เสริมให้มันโด่งเอง” แล้วก็แถมกรีดตาสองชั้นอีกนิด
“ดูเป็นธรรมชาติดีนี่” เธอหรี่ตาหนึ่งข้าง แล้วจับใบหน้าฉันหันซ้ายหันขวาพลางเพ่งพินิจ “ใช้กระดูกอ่อนหรือซิลิโคนล่ะ แล้วทำคลินิกไหน เสียเงินไปเท่าไหร่”
“มีทั้งสองอย่างนั่นแหละ” ฉันพูดเสียงเบาราวกับยุง “ส่วนอย่างอื่น…ลืมไปหมดแล้ว”
“ลืมแล้ว?” เธอทำเสียงจิ๊จ๊ะ รู้สึกว่ามีลับลมคมใน “ไม่หรอกมั้ง หลินซิงเฉิน บอกแม่มาซะดีๆ ลูกเป็นเด็ก อายุยังไม่ถึงสิบแปดดี แถมไม่รู้ภาษาเกาหลี แล้วไปศัลยกรรมที่เกาหลีได้ยังไง”
“หนูพาล่ามไปด้วย”
“ค่าทำแพงมากนะ”
“หนูมีเงินเก็บในธนาคาร”
“หลิน-ซิง-เฉิน?”
ฉันปิดไม่อยู่แล้ว ก็เลยบอกความจริงทั้งหมด “ ‘ผู้หญิงคนนั้น’ เป็นคนพาหนูไป” ฉันถอนหายใจ แอบรู้สึกว่าตัวเองเปิดศึกระหว่างผู้หญิงสองคนอีกแล้ว
“จู่ๆ ลูกก็วิ่งโร่ไปศัลยกรรม ลูกไม่พอใจใบหน้าที่แม่ให้มาอย่างนั้นเหรอ”
เอาแล้วไง พอเอ่ยถึงผู้หญิงคนนั้นทีไร อาการหลงผิดคิดว่าตัวเองถูกกลั่นแกล้งของคุณนายจูเลียก็กำเริบขึ้นมาทุกที
“เรื่องใหญ่แบบนี้ไม่ปรึกษากับแม่ก่อน? วิ่งไปหาผู้หญิงคนนั้นทำไม ผู้หญิงคนนั้นนินทาอะไรแม่อีกหรือเปล่า”
“จำเป็นต้องยุ่งยากขนาดนี้ด้วยเหรอคะ” ฉันเหลือบมองแวบหนึ่งแล้วเบนสายตาไปทางอื่นทันที ก่อนพูดเชิงตัดพ้อเล็กน้อยว่า “ตอนนั้นแม่คลอดหนูก็ไม่เห็นจะปรึกษาหนูก่อนเลย”
“หน็อย! ยัยเด็กไม่มีหัวจิตหัวใจ แม่รู้อยู่แล้วเชียวว่าลูกไม่ชอบแม่” คุณนายจูเลียชี้ที่จมูกฉันด้วยตาแดงก่ำ “ฮือๆๆ…ทำไมชีวิตฉันถึงเป็นแบบนี้ ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพื่อคลอดลูกออกมา ลูกคิดว่าแม่ชอบเป็นเมียน้อยคนอื่นงั้นเหรอ ลูกคิดว่าแม่ชอบเห็นสีหน้า ‘ผู้หญิงคนนั้น’ หรือไง”
เฮ้อ ลูกคนนี้ผิดไปแล้ว ถูกแม่บีบจมูกก็ควรที่จะอดทน ด้วยเหตุที่ปากไวไปชั่วขณะทำให้หูของฉันไม่เป็นอันสงบไปหลายสิบนาที
ผู้หญิงคนนั้นหมายถึงภรรยาในทะเบียนสมรสของพ่อ ถ้าเป็นสมัยโบราณจะเรียกว่า ‘คุณนายใหญ่’ ซึ่งฉันเรียกว่า ‘แม่ใหญ่’ ส่วนแม่ที่ให้กำเนิดฉันเป็นผู้หญิงนอกทะเบียนสมรสของพ่อ สมัยโบราณเรียกว่า ‘อนุภรรยา’ ส่วนสมัยนี้เรียกว่า ‘เมียน้อย’
เรื่องราวระหว่างแม่กับพ่อนี้ หากเป็นนิยายรักก็คงจะเป็นแนวประธานบริษัทกับเลขานุการ
แน่นอนว่าประธานบริษัทก็คือพ่อผู้ร่ำรวยเงินทองและมากด้วยเสน่ห์ของฉัน ส่วนเลขานุการสาวสวยที่ยากจนและมุ่งแสวงหาความก้าวหน้าก็คือแม่ฉัน