เวลาผ่านไปอีกสิบกว่าวัน หลี่เฉิงฮ่วนจึงเตรียมการเรียบร้อย และออกเดินทางมุ่งหน้าไปซีจิง
หลังจากเร่งรุดเดินทางทั้งวันทั้งคืน ในที่สุดประตูเมืองซีจิงก็ปรากฏขึ้นแต่ไกล หลี่เฉิงฮ่วนหยุดม้าบนที่ราบ แหงนหน้าจ้องมองไปยังเมืองหลวงที่อยู่ห่างออกไป ห้าปีก่อนตอนไปจากเมืองหลวง เขาก็เคยยืนอยู่บนทุ่งกว้างแห่งนี้เพ่งมองเมืองหลวง ภายใต้ท้องฟ้าสีครามที่กว้างไพศาล หอสูงบนประตูกำแพงเมืองตั้งตระหง่านโดดเด่นดูยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม ไม่ต้องเข้าไป เขาก็วาดภาพความเจริญรุ่งเรืองภายในเมืองขึ้นมาในสมองได้
ห้าปีแล้ว
ตอนจากไปเขายังเป็นเด็กชายอายุสิบสองที่โฉดเขลาคนหนึ่ง ทว่าเวลานี้เขาเป็นท่านอ๋องผู้ปรีชาสามารถออกนั่งบัญชาการรักษาการณ์ที่ชายแดน ห้าปีนี้สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงทุ่งหญ้ากว้างไพศาลสุดลูกหูลูกตา สิ่งที่ได้ยินมีเพียงเสียงทหารม้าสวมเกราะถือหอกแวววาวที่ควบม้าห้อตะบึงไม่หยุด ชนเผ่าตี๋เหนือยกทัพมาประชิดกำแพงเมืองหลายครั้ง ลูกศรของชาวตี๋ปลิวเข้ามากระทั่งถึงจวนบัญชาการ เขาในฐานะชินอ๋อง* ผู้นั่งรักษาการณ์เป่ยฝู่กลับไม่อาจถอยหลังแม้ก้าวเดียว ไม่เพียงไม่อาจถอย เขายังต้องถือหอกถือโล่ ปลุกเร้าขวัญทหาร ร่วมรบกับเหล่าทหารหาญ ร่วมปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของตน ทั้งที่เขาในตอนนั้นเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปีคนหนึ่งเท่านั้น
ในขณะที่เด็กหนุ่มในเมืองหลวงยังตีไก่แข่งม้าอย่างไร้ทุกข์ไร้กังวล เขากลับต้องเติบโตอยู่ท่ามกลางความยากลำบากในหัวเมืองทางเหนือ ห้าปีที่เป่ยฝู่ดูเหมือนผ่านไปเงียบๆ แต่ก็นานพอที่จะทำให้เขาเติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่สูงตระหง่านต้นหนึ่ง
“ท่านอ๋อง” เสียงร้องเรียกจากด้านหลังของซ่งเหยาทำให้หลี่เฉิงฮ่วนตื่นจากภวังค์
หลี่เฉิงฮ่วนหันไปยิ้มให้สหายสนิท “เข้าไปกันเถิด”
ท่ามกลางเสียงร้องของม้าฝีเท้าดี จิ้นอ๋องหลี่เฉิงฮ่วนก็เข้าไปในซีจิง…เมืองที่บงการชะตาชีวิตของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนแห่งนี้
สองวันมานี้ฮองเฮาดูเหมือนจิตใจจะไม่ค่อยสงบ
ถึงแม้แต่ไรมาฮองเฮาจะปฏิบัติต่อผู้น้อยด้วยความโอบอ้อมอารี แต่เวลาอารมณ์ไม่ดี เหล่านางกำนัลต่างก็ต้องระวังเนื้อระวังตัว เพื่อจะได้ไม่ไปก่อกวนอารมณ์ของฮองเฮาเข้า
หร่านเซียง นางกำนัลข้างพระวรกายที่คล่องแคล่วที่สุดเห็นคนในตำหนักต่างเงียบกริบแทบไม่ได้ยินเสียงลมหายใจ กระทั่งมีท่าทีเป็นกังวล นางจึงคิดว่าแต่ไรมาฉีซู่ก็เป็นคนที่ฮองเฮาทรงโปรดปราน อาจจะพอพูดจาให้สบายพระทัยขึ้นได้บ้าง จึงแอบส่งนางกำนัลน้อยสองคนไปเชิญฉีซู่มา
นางกำนัลน้อยสองคนมาถึงห้องพักของฉีซู่กลับไม่เห็นคน ทั้งสองมองหน้ากันไปมา ไม่รู้ว่านางหายไปที่ใด สุดท้ายจำต้องกลับไปรายงานหร่านเซียงว่าไม่พบตัวฉีซู่ หร่านเซียงนึกแปลกใจ น้อยครั้งที่ฉีซู่จะออกไปข้างนอก นางจะไปที่ใดได้
ความจริงแล้วฉีซู่กำลังยืนอยู่ใต้กำแพงวังสนทนาอยู่กับตู้ซื่อ* นางกำนัลชั้นสูงแห่งวังไท่ซั่งหวง
* ชินอ๋อง (ชินหวัง) คือสกุลยศที่องค์จักรพรรดิแต่งตั้งแก่พระราชโอรส พระเชษฐาหรือพระอนุชา ลำดับศักดิ์รองจากรัชทายาท
* คนจีนสมัยโบราณแบ่งนามสกุลออกเป็นสองลักษณะคือซิ่ง (姓) คือสายต้นสกุล และซื่อ (氏) เป็นสายสกุลย่อย โดยยุคก่อนสังคมศักดินา ‘ซิ่ง’ เป็นสกุลของฝั่งผู้หญิงเพื่อให้เกียรติเพศแม่ แต่เมื่อชาวจีนถือบุรุษเป็นใหญ่ ‘ซื่อ’ จึงกลายเป็นสกุลของฝั่งผู้หญิงแทน และมีธรรมเนียมเรียกขานสตรีที่แต่งงานแล้วโดยใช้คำว่า ‘ซื่อ’ ต่อท้ายนามสกุลเดิมของสตรี
หมูกระต่าย
พฤศจิกายน 2, 2017 at 4:17 PM
อยากอ่านแล้วค่าาาา รอนะค้าาา