ตู้ซื่อในวัยสาวเนื่องจากมีความสามารถและคุณธรรมเพียบพร้อม จึงถูกเรียกตัวเข้าวังมาดำรงตำแหน่งข้าหลวงฝ่ายพิธีการ หลังจากไท่ซั่งหวงสละราชสมบัติ นางก็ลาออกจากตำแหน่งข้าหลวงฝ่ายพิธีการ มาติดตามปรนนิบัติอยู่ข้างพระวรกาย หลายปีก่อนตอนหลี่เฉิงเพ่ยพาฉีซู่เข้าไปในวังตะวันตก นางก็เป็นคนพาเด็กทั้งสองเข้าเฝ้าไท่ซั่งหวง ฉีซู่ได้รู้จักกับนางในตอนนั้นเอง
นางกำนัลตู้ซื่ออ่านหนังสือบทกวีมาอย่างโชกโชน แม้นางจะลาออกจากตำแหน่งข้าหลวงฝ่ายพิธีการ แต่ฮองเฮายังคงมีพระเสาวนีย์ให้นางเข้ามาที่สถานศึกษาในวังมาสอนพระสนมและนางกำนัลชั้นสูงในวังทุกสองสามวัน ตั้งแต่ฉีซู่รู้จักกับนางก็เข้าออกสถานศึกษาในวังมาขอคำชี้แนะเกี่ยวกับบทกวีและคำสอนในศาสนาพุทธอยู่เสมอ นางกำนัลตู้ซื่อไม่เชี่ยวชาญการเย็บปักถักร้อย เห็นฉีซู่ฝีมือดีจึงขอให้ฉีซู่ช่วยทำอะไรให้นางอยู่บ่อยครั้ง ด้วยเหตุนี้เองทั้งสองจึงได้คบหากันโดยไม่คำนึงถึงวัยวุฒิและคุณวุฒิ
ครั้งนี้ฉีซู่มาเพื่อจะเอางานปักมาให้นางกำนัลตู้ซื่อ
นางกำนัลตู้ซื่อพลิกดูแล้วก็ชมไม่ขาดปาก “ฝีมือของแม่นางน้อยนับวันยิ่งประณีตงามวิจิตร”
“ท่านอาจารย์พอใจก็ดีแล้ว” ฉีซู่มองท้องฟ้า “ออกมานานแล้ว ข้ากลับไปก่อนล่ะ”
บอกลานางกำนัลตู้ซื่อแล้ว ฉีซู่ก็เดินไปตามทางเล็กๆ ในวังตามลำพัง เดินมาได้ไม่นานก็มองเห็นตำหนักเฉิงเซียงอยู่ไกลๆ ตำหนักแห่งนี้เคยเป็นที่พำนักของซูเฟยผู้ล่วงลับไปแล้ว หลังจากซูเฟยสิ้นพระชนม์ตำหนักแห่งนั้นก็ไม่มีคนอยู่ นอกจากมีนางกำนัลมาเก็บกวาดทำความสะอาดบางครั้งบางคราวแล้วก็ไม่เคยมีคนมาที่นี่ เดินผ่านตำหนักเฉิงเซียงมาไม่ไกลก็มาถึงข้างสระไท่เยี่ย
เวลานี้เป็นช่วงใกล้กลางฤดูใบไม้ร่วง ต้นหลิวที่ห้อยย้อยริมสระใบร่วงหมดแล้ว เฟิง** แดงที่อยู่ริมทางกลับงดงามชวนมอง ฉีซู่มัวแต่มองทัศนียภาพในฤดูใบไม้ร่วง จึงไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีด้ายเส้นเล็กๆ เส้นหนึ่งผูกอยู่ระหว่างต้นเฟิงสองต้นที่นางเดินผ่าน นางเพียงรู้สึกคล้ายเท้าไปสะดุดถูกอะไรบางอย่าง จากนั้นก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศ คล้ายมีสิ่งมีคมกำลังพุ่งเข้ามาที่นาง
“ระวัง!” จู่ๆ ก็มีคนกระโดดออกมา ดึงตัวนางออกไปข้างๆ
ฉีซู่รู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างพุ่งเฉียดนางไป หลังคลายจากอาการอกสั่นขวัญหาย นางจึงเห็นตะขอทองอันหนึ่งห้อยแกว่งไปมาอยู่บนต้นไม้ นางเพ่งดูอย่างละเอียดอีกครั้งก็พบว่าที่ปลายข้างหนึ่งมีเส้นด้ายขาดติดอยู่ เห็นชัดว่ามีคนวางกลไกไว้ที่นี่ และนางคงเผลอไปเตะถูกเข้า
“เหตุใดในวังจึงมีของอันตรายเช่นนี้ได้” มีเสียงพึมพำดังขึ้นมาด้านข้าง คนที่ดึงฉีซู่หลบนั่นเอง
ฉีซู่จึงได้มีโอกาสมองประเมินผู้มา คนผู้นี้เป็นเด็กหนุ่มอายุราวสิบเจ็ดสิบแปด คิ้วรูปดาบดวงตาสดใส หน้าตาหล่อเหลาสง่างาม ใช้ผ้าโพกศีรษะ สวมเสื้อม่วงกางเกงขาว สวมรองเท้าหนังหุ้มแข้งสีดำ ดูจากสีเสื้อผ้าและถุงประดับปลาทองที่ห้อยอยู่ตรงเอว ก็เห็นชัดว่าคนผู้นี้มีฐานะสูงส่ง อีกทั้งเขายังปรากฏตัวขึ้นในวัง เป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็นเชื้อพระวงศ์ ทว่าแม้จะเป็นพระญาติก็ควรจะมีผู้ติดตามรับใช้นำทาง มาเดินอยู่ในวังหลวงตามลำพังเช่นนี้ออกจะแปลกประหลาดไปสักหน่อย ทั้งหน้าตาของเขาก็ดูไม่เคยคุ้น ฉีซู่นึกถึงเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่นางพอจำได้ทั้งหมด แต่ยังคงคาดเดาฐานะของเขาไม่ออก
เด็กหนุ่มผู้นั้นก็กำลังมองฉีซู่อย่างตรวจสอบ ฉีซู่ได้รับพระกรุณาจากฮองเฮาเป็นกรณีพิเศษ ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวเหมือนพวกนางกำนัล วันนี้นางผูกผมสองข้างเหน็บปลายไว้กลางศีรษะทิ้งช่วงโค้งลงมาสองข้างแก้ม ช่วงบนสวมเสื้อตัวสั้นตัดเย็บด้วยผ้าไหมทอสีเหลืองอ่อน กระโปรงผ้าแพรสีเขียวอ่อนสูงถึงหน้าอก เท้าสวมรองเท้าผ้าไหมสีเขียวอมดำ นอกจากติดแผ่นทองคำลายดอกไม้รูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนบนหน้าผากแล้วก็ไม่มีเครื่องประดับอื่นอีก สีหน้าเด็กหนุ่มมีแววสงสัย เห็นชัดว่าก็ไม่แน่ใจว่านางเป็นใครเช่นกัน
** ต้นเฟิง คือต้นเมเปิ้ล
หมูกระต่าย
พฤศจิกายน 2, 2017 at 4:17 PM
อยากอ่านแล้วค่าาาา รอนะค้าาา