“จิ้นอ๋องนอบน้อมมีมารยาท ไม่ได้พูดอะไรที่เสียมารยาท” หร่านเซียงเอ่ยเบาๆ “ทว่าที่วันนี้วังกลางทรงผิดไปจากปกติ กลับมีสาเหตุมาจากจิ้นอ๋องจริง”
“หมายความว่าอย่างไรหรือ”
หร่านเซียงมองไปรอบๆ เห็นทั่วบริเวณไม่มีผู้คน จึงเล่าเหตุการณ์ที่จิ้นอ๋องเข้าเฝ้าฮองเฮาให้ฉีซู่ฟังเบาๆ
แม้จะบอกว่าจิ้นอ๋องกับฮองเฮาไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายโลหิต แต่จะอย่างไรฮองเฮาก็ได้ชื่อว่าเป็นพระมารดาของเขา จิ้นอ๋องกลับมาเมืองหลวง ไม่ว่าจะด้วยเหตุด้วยผลก็สมควรมาเยี่ยมคำนับ ฮองเฮาเองทรงมีฐานะเป็นแม่ใหญ่ ก็ต้องแสดงออกถึงท่วงทำนองที่มารดาพึงมี ทั้งนี้จะได้ไม่ตกเป็นขี้ปากคน ด้วยเหตุนี้ยามที่ฮองเฮาและจิ้นอ๋องพบหน้ากัน จึงพอจะพูดได้ว่ามารดามีความเมตตาปรานีบุตรก็มีความกตัญญูรู้คุณ
หลังจากจิ้นอ๋องถวายบังคมอย่างเต็มรูปแบบ ฮองเฮาก็รีบบอกให้เขาลุกขึ้น ประทานเก้าอี้ แล้วให้คนยกนมเนยผลไม้ต่างๆ มารับรอง ทั้งสองไม่ได้พบหน้ากันมานาน ย่อมมีเรื่องให้พูดคุยกัน ฮองเฮาทรงถามถึงความเป็นอยู่ของจิ้นอ๋องที่เป่ยฝู่ จิ้นอ๋องก็เล่าถึงทัศนียภาพ ความเคยชินและประเพณีนิยมของเป่ยฝู่ที่แตกต่างจากเมืองหลวง บางครั้งก็เอ่ยถึงทัศนียภาพบริเวณนอกด่านชายแดน
‘พูดเช่นนี้ เจ้าคงเคยออกไปนอกด่านชายแดนมาแล้ว’ ฮองเฮาตรัสถามด้วยความสนพระทัย
‘เคยไปตอนติดตามเจิ้งกั๋วกงออกรบพ่ะย่ะค่ะ’
ฮองเฮาฟังแล้วอดทอดถอนใจไม่ได้ ‘ไปอยู่เป่ยฝู่ตั้งแต่อายุยังน้อยๆ ยังต้องติดตามกองทัพออกรบ หลายปีมานี้ลำบากเจ้าแล้วจริงๆ’
‘จงรักภักดีต่อบ้านเมืองเป็นหน้าที่ของกระหม่อม’ จิ้นอ๋องยิ้มน้อยๆ ‘กลับมาเมืองหลวงครั้งนี้ กระหม่อมนำของพื้นเมืองของเป่ยฝู่มาน้อมถวายฮองเฮา ทรงโปรดรับไว้ด้วย’
‘ลำบากเจ้าแล้ว’
จิ้นอ๋องมีท่าทีลังเลเล็กน้อย แล้วเอ่ยต่อ ‘นอกจากของพื้นเมืองเป่ยฝู่แล้ว กระหม่อมยังนำของสำคัญมาอีกหนึ่งอย่าง…’
‘อ้อ อะไรหรือ’
จิ้นอ๋องพูดไม่ค่อยเต็มปากเต็มคำ ‘ก่อนกลับเมืองหลวง กระหม่อมได้ส่งคนไปที่แม่น้ำสือเชิญอัฐิของหวงไท่ซุนกลับมา…’
‘อะไรนะ’ ฮองเฮาสีหน้าแปรเปลี่ยน ‘เจ้า…เจ้าทำอะไรนะ’
น้ำเสียงของฮองเฮาสั่นสะท้าน ไม่รู้ว่าตื่นตระหนกหรือโกรธ
จิ้นอ๋องหมอบกราบต่อพระพักตร์ฮองเฮา เอ่ยเสียงต่ำ ‘ทูลฮองเฮา ปีนั้นพระเชษฐาติดตามไท่ซั่งหวงออกรบ โชคร้ายจบชีวิตลง เพราะการศึกกำลังคับขัน ไท่ซั่งหวงจึงฝังร่างพระเชษฐาไว้ที่นั่น กระหม่อมหวนคะนึงถึงพระเชษฐา สองปีก่อนเคยส่งคนไปหรงตะวันตกเพื่อเซ่นไหว้ คนที่ส่งไปเก็บกวาดเซ่นไหว้กลับมาแจ้งว่าสุสานของพระเชษฐาไม่มีคนดูแล พื้นที่แถบนั้นนับวันยิ่งรกชัฏ ยากจะหาพบ กระหม่อมคิดว่าพระเชษฐาสละชีวิตเพื่อบ้านเมือง หลังจบชีวิตกลับต้องถูกทิ้งให้โดดเดี่ยววังเวงเช่นนี้ กระหม่อมไม่อาจทนดูได้ จึงส่งคนไปค้นหาทั้งวันทั้งคืน ในที่สุดก็หาที่ฝังร่างพระเชษฐาพบ ได้ส่งคนไปซ่อมแซมบูรณะใหม่ แต่จะอย่างไรหรงตะวันตกก็ไม่ใช่บ้านเกิดของพระเชษฐา ด้วยเหตุนี้กระหม่อมจึงตัดสินใจโดยพลการ ก่อนกลับเมืองหลวงได้ให้คนไปขุดอัฐิของพระเชษฐาขึ้นมา ย้ายกลับมาฝังที่เมืองหลวงบ้านเกิด…’
หมูกระต่าย
พฤศจิกายน 2, 2017 at 4:17 PM
อยากอ่านแล้วค่าาาา รอนะค้าาา