ระหว่างที่จิ้นอ๋องกำลังบอกเล่า ฮองเฮาก็คลายจากความตื่นตระหนกและสงบนิ่งลง หลังจากนิ่งเงียบไปนาน ในที่สุดก็สั่นพระเศียรน้อยๆ ตรัสด้วยท่าทางเศร้าระทม ‘เรื่องนี้…ช่างเถิด…’
จิ้นอ๋องก้มหน้า ‘กระหม่อมอยู่เป่ยฝู่มานาน ไม่มีคนอบรมสั่งสอน หากทำอะไรบุ่มบ่ามตามอำเภอใจเกินไป ขอฮองเฮาโปรดลงโทษ’
‘ไม่ เจ้าไม่ได้ทำผิด’ ฮองเฮาทรงยิ้มเศร้า ‘ตอนฝ่าบาทขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ ข้าก็เคยคิดเรื่องย้ายที่ฝังศพ แต่ประการแรกเพราะหรงตะวันตกอยู่ห่างไกลนับพันลี้ เคลื่อนย้ายไม่สะดวก ประการที่สองภารกิจในราชสำนักยุ่งเหยิงซับซ้อน ข้าไม่อาจเพิ่มภาระยุ่งยากให้ฝ่าบาท ประการที่สามเมื่อใคร่ครวญถึงไท่ซั่งหวง ก็กลัวว่าจะไปรื้อฟื้นเรื่องที่ทำให้พระองค์เสียพระทัยขึ้นมาอีก เรื่องนี้จึงถูกปล่อยล่วงเลยมา เจ้าเชิญอัฐิกลับมา เท่ากับทำให้เรื่องที่ค้างคาอยู่ในใจของข้าลุล่วงไป ลำบากเจ้าแล้ว’
ฮองเฮาตรัสไป ความเศร้าอาดูรก็พวยพุ่งขึ้นมาจากส่วนลึกของหัวใจจนต้องรีบเบือนหน้าหนี ครู่ใหญ่จึงหันกลับมา ก่อนจะลุกขึ้นพยุงจิ้นอ๋องด้วยองค์เอง ‘ลุกขึ้นเถิด’
ขอบพระเนตรแดงก่ำของฮองเฮาไม่อาจหลุดรอดจากสายตาจิ้นอ๋องไปได้ เขาก้มหน้าเอ่ยขึ้น ‘ซูเฟยสิ้นไปก่อนวัยอันควร กระหม่อมเห็นพระองค์เป็นดั่งพระมารดาผู้ให้กำเนิด เพียงแต่กระหม่อมรู้ฐานะตนเองดี ไม่กล้าทำตัวสนิทสนมชิดใกล้ เพียงหวังจะสามารถช่วยอะไรได้บ้างแม้เพียงน้อยนิด…’
ฮองเฮาพยุงเขากลับขึ้นนั่ง พลางตรัสขึ้น ‘หลายปีมานี้ข้าไม่ได้ทำหน้าที่ของแม่อย่างเต็มที่ กับเจ้าก็นับว่าบกพร่องแล้ว’
‘ไม่ กระหม่อมอยู่เป่ยฝู่ก็นึกถึงพระคุณและความเมตตาของพระองค์อยู่เสมอ…’
ฮองเฮานิ่งมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตรัสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ‘ในเมื่อเห็นข้าเป็นดั่งมารดา ไยต้องวางตัวห่างเหินเช่นนี้’
จิ้นอ๋องนิ่งเงียบไปอึดใจหนึ่ง สุดท้ายก็เรียกเบาๆ ‘พระมารดา’
ฮองเฮาเห็นเขาตัวสั่นน้อยๆ ในที่สุดก็ใจอ่อน เพราะซูเฟยที่ล่วงลับไปแล้วเป็นเหตุให้นางมีอคติต่อพระโอรสที่เกิดจากพระชายาผู้นี้อยู่บ้าง จิ้นอ๋องกลับเมืองหลวงในครั้งนี้ แม้นางจะไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรต่อการตัดสินพระทัยของฝ่าบาท แต่ในใจก็ไม่เห็นด้วยนัก ทว่าจิ้นอ๋องช่วยนำอัฐิของพระโอรสองค์โตกลับมา นั่นทำให้นางทั้งนึกละอายและสงสาร ความแสลงใจตลอดหลายปีที่ผ่านมามลายหายไปถึงเจ็ดแปดส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรักและเคารพ ตนก็เป็นแม่คน จะใจแข็งปฏิเสธไม่ยอมรับเขาได้อย่างไร
หลังจากต่างคนต่างนิ่งเงียบอยู่นาน ฮองเฮาจึงตรัสขึ้น ‘เรื่องย้ายที่ฝังศพ ฝากเจ้าจัดการจะได้หรือไม่’
จิ้นอ๋องประสานมือคำนับ ‘กระหม่อมจะทำสุดความสามารถพ่ะย่ะค่ะ’
หลังจากนั้นสองคนแม่ลูกก็สนทนาเรื่องทั่วไปอีกครู่หนึ่ง จิ้นอ๋องเห็นฮองเฮาสีหน้าดูอ่อนล้า จึงไม่รั้งอยู่นาน ทูลลากลับไป
“หลังจากวังกลางส่งจิ้นอ๋องแล้วก็ประทับอยู่ในห้องพระมาโดยตลอด” หร่านเซียงเล่าเหตุการณ์ที่ฮองเฮาพบจิ้นอ๋องแล้วก็เอ่ยเสริมขึ้น “ข้าห่วงว่าวังกลางจะทรงกลัดกลุ้มเป็นทุกข์ และนึกถึงว่าแต่ไรมาวังกลางก็ทรงใกล้ชิดสนิทสนมกับแม่นางน้อย ด้วยเหตุนี้จึงถือวิสาสะไปเชิญแม่นางน้อยมา”
ฉีซู่พยักหน้า “ข้าเข้าใจ ถ้ามีอะไรที่ข้าสามารถทำได้ เชิญพี่สาวสั่งมาได้เลย”
เมื่อได้รับการพยักหน้ายินยอมจากฉีซู่ หร่านเซียงจึงเข้าไปในห้องพระ ครู่เดียวก็ออกมาบอกว่า “วังกลางเชิญแม่นางน้อยเข้าไป”
หมูกระต่าย
พฤศจิกายน 2, 2017 at 4:17 PM
อยากอ่านแล้วค่าาาา รอนะค้าาา