ทดลองอ่านนิยายวาย ปราชญ์กู้บัลลังก์ บทที่ 1.1 #นิยายวาย – หน้า 11 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่านนิยายวาย ปราชญ์กู้บัลลังก์ บทที่ 1.1 #นิยายวาย

เส้นผมของหลี่จื้อเฟิงยังเปียกชื้น แต่หน้าตาเริ่มดูได้บ้างแล้ว เขาคล้ำกว่าที่โหยวเหมี่ยวคิดเล็กน้อย และผอมซูบจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน โหนกแก้มสูง ตรงโหนกคิ้วมีรอยแผลที่ยังไม่หายสนิท คิดว่าคงเป็นผลจากที่โดนซ้อมหนนั้น ทั้งยังถูกหลี่เหยียนเอาแจกันฟาดตี รอยแผลดังกล่าวยาวประมาณสองชุ่น* จากโหนกคิ้วลากยาวถึงข้างหู บุรุษหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมคายคนหนึ่งกลับต้องมาเสียโฉมเพราะรอยแผลนี้

เขาหลับตา คิ้วดกหนาคมเข้มสองสายงดงามมาก จมูกโด่งเป็นสัน นิ้วมือเรียวยาว แต่สีหน้าซีดเซียวราวกับคนตาย โหยวเหมี่ยวส่งเสียงเรียกเขาอีกหน “นี่”

หลี่จื้อเฟิงลืมตาอย่างอ่อนแรง นัยน์ตามีสีน้ำตาลนิดๆ เผยอปากทำท่าจะพูดแต่ไม่มีเสียงออกมา

“นี่เป็นหยกคุ้มครองที่ท่านแม่มอบให้ ข้าจะให้เจ้ายืมก่อน เวลานี้ลุกขึ้นมากินอะไรสักนิดก่อน” โหยวเหมี่ยวดึงหยกชิ้นหนึ่งออกมาจากคอแล้วเอาสวมหัวอีกฝ่าย

โหยวเหมี่ยววางชามโจ๊กลงข้างอ่างน้ำร้อน แล้วควานหยิบนกหวีดหยกอันเล็กๆ ออกมาเล่นรอสือฉีกลับมา จากนั้นทั้งสองคนก็ช่วยกันประคองหลี่จื้อเฟิงขึ้นมานั่งดีๆ โหยวเหมี่ยวเพิ่งอายุสิบห้า ส่วนสือฉีอายุสิบสี่ เด็กหนุ่มกำลังโตสองคนช่วยกันแบกประคองชายหนุ่มตัวโตๆ คนหนึ่งช่างเป็นเรื่องที่เหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก แต่สุดท้ายก็ป้อนโจ๊กทั้งชามให้เขากินหมดจนได้

หลังกินโจ๊กโหยวเหมี่ยวก็สั่งให้สือฉีไปเชิญหมอ ดูท่าวันนี้คงออกไปไหนไม่ได้แล้วจึงตัดสินใจนั่งอยู่ในห้อง พลิกหนังสือตำราแล้วนั่งใจลอย

หลี่จื้อเฟิงส่งเสียงไออยู่หลังฉากกั้น โหยวเหมี่ยวจึงรีบเข้าไปดู หลังจากหลี่จื้อเฟิงกินโจ๊กแล้ว สีหน้าก็เริ่มมีสีเลือดขึ้นมาบ้าง สีผิวของเขาค่อนข้างเข้ม ไม่ได้เนียนละเอียดเหมือนโหยวเหมี่ยว หลังมือเห็นเส้นเลือดสีเขียวปูดโปนชัดเจนเพราะตอนไอตัวงอเอามือปิดปากไว้

โหยวเหมี่ยวลูบหลังให้และมองอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยไว้วางใจครู่หนึ่ง ในใจคิดว่ารอหมอมาแล้วถ้าบอกว่ารักษาไม่หาย ก็…โยนทิ้งไปเลย แต่คนตัวโตขนาดนี้ ข้างนอกลมแรงหิมะตกหนัก โยนทิ้งไว้ในตรอกคงไม่ได้ ต้องเอาไปโยนทิ้งไกลๆ หน่อย

แต่อันที่จริงก็น่าสงสารเหมือนกัน ทั้งยังเสียเงินไปตั้งสองร้อยตำลึงเชียวนะ…ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้คงไม่ทำอย่างนั้นแล้ว แค่โหยวเหมี่ยวนึกถึงเรื่องวันนั้นก็อดปวดใจไม่ได้ ลอบเตือนตัวเองว่าตอนเอาไปโยนทิ้งอย่าลืมเอาหยกที่ท่านแม่มอบให้เขาคืนมาด้วย เดี๋ยวจะเผอเรอโยนทิ้งไปพร้อมคนเสียเปล่าๆ

“เจ้าอายุเท่าไร” โหยวเหมี่ยวถามอย่างเห็นใจ

“ปีรัชศกชิ่งซั่วที่สิบเอ็ด”

โหยวเหมี่ยวผงกหัว ปีนี้เป็นปีรัชศกชิ่งซั่วที่สามสิบสาม นั่นก็แปลว่าเขาอายุยี่สิบสองแล้ว

โหยวเหมี่ยวกลับไปนั่งที่โต๊ะ กุมเตาอุ่นมือแล้วขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเดินไปเอาเตาอุ่นมือยัดใส่อกเสื้อหลี่จื้อเฟิง จากนั้นทรุดตัวลงนั่งข้างๆ พรมด้านหลังฉากกั้นพร้อมถามว่า “แล้วโดนขายมาที่เมืองหลวงปีไหน”

“เจ็ดปีก่อน”

อายุสิบห้าก็โดนขายเข้าหอสังคีตแล้ว โหยวเหมี่ยวพอรู้อยู่บ้างว่าที่นั่นเป็นสถานที่เช่นไร…พวกเศรษฐีโดนริบทรัพย์แล้วเนรเทศไปเป็นทหาร เหล่าสตรีถูกขายเข้าหอสังคีตเป็นนางคณิกา ในนั้นยังมีบุรุษอีกไม่น้อย แต่ของเล่นอย่างทาสเฉวี่ยนหรง เขาเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่าเจ้านี่มีความเป็นมาอย่างไร แต่ดูจากลักษณะของอีกฝ่ายแล้วไม่เหมือนผู้ชายขายตัว

* ชุ่น เป็นหน่วยมาตราวัดของจีนสมัยโบราณ เทียบความยาวประมาณ 1 นิ้ว ระยะ 10 ชุ่นเป็น 1 ฉื่อ (เชียะ)

Comments

comments

Continue Reading
Click to comment

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com