โหยวเหมี่ยวพยักหน้า ในใจคิดว่าหลี่จื้อเฟิงตอนนี้ต่างหากที่เป็นหลี่จื้อเฟิงตัวจริง คนเมื่อวานที่กล้าพูดจาเช่นนั้นเหมือนโดนอะไรสักอย่างเข้าสิงร่างมากกว่า เขาขบคิดแล้วเอ่ยว่า “กินเถอะ โรงครัวทำมาให้ข้าเยอะขนาดนั้น ข้าคงกินไม่หมด”
หลี่จื้อเฟิงส่ายหน้า โหยวเหมี่ยวทราบดีว่าอาหารพวกนี้เป็นฝีมือของแม่นางในโรงครัวที่รักใคร่กับสือฉีเอ๋อร์ นางทำมาให้เยอะมากเพราะเกรงว่าสือฉีเอ๋อร์จะหิวในระหว่างทาง แต่สือฉีไม่มาหลี่จื้อเฟิงจึงได้ประโยชน์แทน โหยวเหมี่ยวกินนิดๆ หน่อยๆ แล้วแสดงท่าทีบอกให้เขามากินเหมือนเรียกสุนัข คราวนี้หลี่จื้อเฟิงไม่ได้ปฏิเสธ คีบกับข้าวมากินคู่กับโจ๊กที่เริ่มเย็นชืดจนหมดเกลี้ยง
แสงตะวันสาดส่องเข้ามาจากนอกหน้าต่าง โหยวเหมี่ยวเอ่ยว่า “เส้นทางนี้ไปทางภูเขาหยางโค่ว ลัดเลาะกำแพงฉางเฉิง* เลียบเมืองเหยียนเปียน ในด่านมีเมืองเล็กๆ ค่อนข้างหนาแน่น แต่พอเลยออกไปก็เป็นดินแดนของชาวเฉวี่ยนหรงอย่างพวกเจ้าแล้ว”
หลี่จื้อเฟิงพยักหน้าช้าๆ โหยวเหมี่ยวอดใช้คำพูดทดสอบอีกฝ่ายไม่ได้ “เจ้าอย่าหนีไปกลางทางล่ะ จงติดตามข้ากลับบ้าน”
“ไม่หลบหนี ข้าจะคอยติดตามเจ้า”
“ที่จริงต่อให้เจ้าหนีไป ข้าก็ทำอะไรไม่ได้”
ทว่าหลี่จื้อเฟิงไม่ได้เอ่ยตอบคำใด แค่นั่งเงียบๆ เท่านั้น แต่แล้วจู่ๆ โหยวเหมี่ยวก็รู้สึกตัดใจจากอีกฝ่ายไม่ลงจึงกวักมือเรียก “มานี่”
พอหลี่จื้อเฟิงขยับเข้าใกล้ โหยวเหมี่ยวก็สั่งให้นั่งดีๆ แล้วเอนพิงในอ้อมอกของอีกฝ่ายอย่างเกียจคร้าน พลางลูบไล้มือไปมา
หลี่จื้อเฟิงยังคงนิ่งเงียบเช่นเดิม มองทิวทัศน์นอกตัวรถ โหยวเหมี่ยวอดคาดเดาไม่ได้ว่าคนผู้นี้กำลังขบคิดเรื่องอะไร คิดถึงเผ่าของตนเอง? คิดถึงอดีตของตนเอง? แสงตะวันอบอุ่นที่สาดส่องเข้ามาจากนอกรถม้าชวนให้รู้สึกเกียจคร้านยิ่งนัก ประติมากรรมหิมะสองข้างทางงดงามดุจดังแดนศุทธิไวฑูรย์*
พื้นที่ราบไกลออกไปปกคลุมด้วยหิมะขาวจนดูราวกับไร้ขอบเขต อรุณแรกแย้มแต่งแต้มสีสันตรงขอบฟ้า เมื่อเดินทางออกห่างจากเมืองหลวง สองข้างทางหลวงล้วนเป็นพื้นที่ราบโล่งกว้างสุดลูกหูลูกตา
โหยวเหมี่ยวกินอาหารเช้าแล้วงีบหลับ ผ่านไปสักพักหลี่จื้อเฟิงก็หยิบกล่องไม้ออกมาจากใต้ที่นั่ง หยิบใบชาด้วยปลายนิ้วแล้วนำมาอังไฟ เติมน้ำ ต้มจนน้ำร้อนปุดๆ ใบชาก็ส่งกลิ่นหอมโชยไปทั่วก่อนนำไปให้โหยวเหมี่ยวที่เพิ่งตื่นดื่มกระตุ้นความสดชื่น โหยวเหมี่ยวหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากห่อสัมภาระ เอนพิงหลี่จื้อเฟิงแล้วพลิกอ่านด้วยท่วงท่าเกียจคร้าน สัญญาขายตัวของหลี่จื้อเฟิงร่วงลงมาจากหนังสือ
หลี่จื้อเฟิง “…”
โหยวเหมี่ยวยิ้มแล้วยกหนังสือให้อีกฝ่ายดู
นั่นเป็นหนังสือที่บัณฑิตแคว้นเหลียงนามหวังจื้อเขียนเล่าเกี่ยวกับเรื่องราวนอกด่าน เล่มสาม ‘ประวัติศาสตร์เฉวี่ยนหรง’
* กำแพงเมืองจีน
* พุทธเกษตรของพระไภษัชยคุรุ ในพระสูตรบรรยายว่าเป็นดินแดนที่สวยงามอลังการไม่แพ้แดนสุขาวดีหรือพุทธเกษตรของพระอมิตาภะซึ่งตั้งอยู่ตรงกันข้าม
AnAn
สิงหาคม 28, 2017 at 7:30 AM
เฮือก ตัดกันตรงนี้เหรอคะ?!โหดร้ายมาก!!!
Jamsai Editor
สิงหาคม 28, 2017 at 4:48 PM
รอติดตามบทที่ 2.2 พรุ่งนี้นะคะ
Nuch
ตุลาคม 9, 2017 at 2:26 AM
ภาษาสวยเรื่องสนุกมาก
Jamsai Editor
ตุลาคม 25, 2017 at 12:06 PM
อย่าลืมไปซื้อแพ็ค 3 เล่มที่งานมหกรรมหนังสือฯ มาอ่านด้วยนะคะ
wanida
ตุลาคม 27, 2017 at 9:20 PM
วันนี้ไปดูหนังสือมาแต่ตังไม่พอเสียดายมาก
Jamsai Editor
ตุลาคม 30, 2017 at 10:58 AM
ในเว็บก็ยังมีสินค้าอยู่นะคะ ^^