โหยวเหมี่ยวยืมหนังสือเล่มนี้มาจากบ้านของหลี่เหยียนเมื่อหลายวันก่อน ตั้งใจเอาไว้อ่านตอนอยู่บ้าน เขาพับสัญญาขายตัวของหลี่จื้อเฟิงแล้วสอดไว้ด้านหลังสุดของหนังสือ พอพลิกเปิดหน้าแรกก็อ่านพึมพำว่า “นอกด่านมีชนเผ่าหนึ่งนับถือสัตว์เป็นเทพเจ้า คล้ายหมาป่าแต่ไม่ใช่หมาป่า คล้ายสุนัขแต่ก็ไม่ใช่สุนัข เรียกว่า ‘เผ่าเฉวี่ยน’ บุรุษหาญกล้าเชี่ยวชาญสงคราม แข็งแกร่งทรหดอดทน ท่อนบนคลุมขนหมาป่า ท่อนล่างสวมชุดเกราะตีจากเหล็กกล้า ชาวฮั่นที่อาศัยอยู่บริเวณชายแดนเรียกพวกเขาว่า ‘เฉวี่ยนหรง’…”
โหยวเหมี่ยวพลิกหนังสือพลางมองดูรูปร่างของหลี่จื้อเฟิง ในใจขบคิดว่าถ้าอีกฝ่ายเปลี่ยนมาสวมเสื้อขนสัตว์ ชุดเกราะเหล็กกล้าจะเป็นเช่นไร แต่แล้วก็พบว่าหลี่จื้อเฟิงกำลังมองหนังสือไม่วางตาเช่นกัน
“เจ้าไม่เคยอ่านประวัติศาสตร์ของชนเผ่าตนเองหรือ”
หลี่จื้อเฟิงส่ายหน้า รอยสักทาสตรงข้างลำคอเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษภายใต้แสงตะวัน
โหยวเหมี่ยวนอนพิงอยู่ในอ้อมแขนของหลี่จื้อเฟิงและอ่านหนังสือเล่มดังกล่าวด้วยกัน ในหนังสือเล่าว่าชาวเผ่าเฉวี่ยนหรงของหลี่จื้อเฟิงนับถือแต่คนแข็งแกร่งเท่านั้น จึงมักจะมีเรื่องเข่นฆ่ากันเป็นประจำ บุรุษรูปร่างแข็งแรงกำยำ แต่ละคนล้วนเป็นมือธนูชั้นเลิศ ปฏิบัติต่อชาวฮั่นเสมือนสิงสาราสัตว์ สมัยที่พวกชนเผ่าต่างๆ ในแถบซีเป่ยยังไม่มีอารยธรรม เวลาชาวเฉวี่ยนหรงขาดแคลนอาหารมักจะบุกข้ามกำแพงฉางเฉิงเข้ามาปล้นชิงเสบียงอาหาร กระทั่งเรื่องกินคนยังเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
“ไม่ถูกต้อง” จู่ๆ หลี่จื้อเฟิงก็เอ่ยแทรกขึ้นมา
“อะไรนะ” โหยวเหมี่ยวเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจแล้วถามว่า “ไม่ถูกต้องตรงไหน”
“พวกเราไม่กินคน”
“แน่นอนว่าต้องไม่กินคนอยู่แล้ว หนังสือของหวังจื้อกล่าวเหลวไหลทั้งเพ”
มุมปากหลี่จื้อเฟิงกระตุก โหยวเหมี่ยวรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะยิ้มจึงอธิบายเหตุผลให้ฟัง หวังจื้อเป็นบัณฑิตใหญ่แต่กลับเขียนตำรับตำรามีช่องโหว่มากมาย ตอนศึกษาเล่าเรียนที่สำนักไท่เสวียในเมืองหลวง โหยวเหมี่ยวลองจับผิดเล่นๆ ก็พบช่องโหว่หลายอย่างจึงเล่าพล่ามไร้สาระยืดยาว หลี่จื้อเฟิงพยักหน้าตาม โหยวเหมี่ยวจึงอ่านหนังสือต่อ พออ่านถึงด้านหลังที่เล่าเกี่ยวกับเรื่องขนบธรรมเนียมประเพณีก็ตกตะลึงพรึงเพริด
หวังจื้อกล่าวถึงเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของชาวเฉวี่ยนหรง นั่นก็คือ…ในเผ่าไม่มีสตรี!
ในเผ่าเฉวี่ยนหรงไม่มีสตรี ไม่มีคนชรา มีแต่เด็ก เด็กหนุ่มมักจับกลุ่มเคลื่อนไหวเช่นเดียวกับฝูงหมาป่า ส่วนเรื่องให้กำเนิดทายาทนั้นต้องอาศัยสตรีเผ่าอื่น บางครั้งเป็นชาวเผ่าเชียง บางครั้งเป็นชาวเผ่าเจี๋ย บางครั้งก็เป็นชาวฮั่น บุรุษฉกรรจ์ในเผ่าติดนิสัยขี่ม้าถือหอก คืนพระจันทร์เต็มดวงจะค่อยๆ เดินลัดเลาะกำแพงฉางเฉิง เดินเตร่ไปตามเผ่าอื่นๆ บนทุ่งหญ้ากว้างเพื่อเกี้ยวพาราสีสตรีนอกเผ่าที่ตนพึงใจ
หลังจากเกี้ยวพาราสีก็ร่วมสัมพันธ์ด้วย หลังจากร่วมสัมพันธ์กันแล้วก็จากไป
เจ็ดปีให้หลัง บิดาจะกลับมาที่เผ่าดังกล่าวอีกครั้ง ถ้าหากภรรยาให้กำเนิดบุตรชาย บุรุษเหล่านั้นจะพาเด็กวัยเจ็ดปีไปด้วย มอบม้าตัวเล็กๆ ให้และพาเขาออกรบทัพจับศึก ท่องไปในทุ่งหญ้า ถ้าเป็นบุตรสาว บุรุษเหล่านั้นจะมอบเงินให้บุตรสาวก้อนหนึ่งเพื่อเป็นสินเดิมยามแต่งงานในอนาคต
ส่วนมารดาจะถูกบุรุษเหล่านั้นสังหารด้วยมือตนเอง
“ไม่ถูกต้อง” หลี่จื้อเฟิงหัวเราะอย่างที่หาได้ยากมาก
นี่ออกจะเหลือเชื่อเกินไปนิด โหยวเหมี่ยวเอ่ยว่า “แน่นอนว่าไม่ถูกต้อง จะสังหารภรรยาด้วยมือตัวเองได้อย่างไร” โหยวเหมี่ยวมองหลี่จื้อเฟิงนิดหนึ่งแล้วกล่าวต่อ “ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องเหลวไหลที่เขาแต่งขึ้นเองสินะ”
AnAn
สิงหาคม 28, 2017 at 7:30 AM
เฮือก ตัดกันตรงนี้เหรอคะ?!โหดร้ายมาก!!!
Jamsai Editor
สิงหาคม 28, 2017 at 4:48 PM
รอติดตามบทที่ 2.2 พรุ่งนี้นะคะ
Nuch
ตุลาคม 9, 2017 at 2:26 AM
ภาษาสวยเรื่องสนุกมาก
Jamsai Editor
ตุลาคม 25, 2017 at 12:06 PM
อย่าลืมไปซื้อแพ็ค 3 เล่มที่งานมหกรรมหนังสือฯ มาอ่านด้วยนะคะ
wanida
ตุลาคม 27, 2017 at 9:20 PM
วันนี้ไปดูหนังสือมาแต่ตังไม่พอเสียดายมาก
Jamsai Editor
ตุลาคม 30, 2017 at 10:58 AM
ในเว็บก็ยังมีสินค้าอยู่นะคะ ^^