หลังจากข้ามเขาหยางโค่ว หลายวันต่อมาอากาศก็เปลี่ยนเป็นสดใสอย่างกะทันหัน ฟ้ากระจ่างใสราวกับไม่เคยมีหิมะตกมาก่อน เมื่อออกจากเขาหยางโค่ว ภายใต้กำแพงฉางเฉิงยาวคดเคี้ยวพลันเห็นตัวเมืองอันแสนคึกคักจอแจที่ตั้งอยู่ตรงชายแดน…เมืองเหยียนเปียน
เมืองเหยียนเปียนเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนสินค้าใหญ่ตั้งอยู่สุดชายแดน มีอายุยาวนานเกือบสี่ร้อยปี สี่สิบสองชนเผ่านอกด่านต่างเดินทางมาทำการค้า ณ ที่แห่งนี้ หลายปีมานี้ไม่ว่าจะมีศึกสงครามเกิดขึ้นสักกี่ครั้ง ชาวหูที่คิดรุกรานเข้าจงหยวนล้วนจงใจหลีกเลี่ยงที่นี่
ชาวฮั่นหรือชาวหูที่โดนไล่ตามเข่นฆ่า ขอเพียงหนีมาถึงหรือหลบซ่อนตัวในเมืองเหยียนเปียน ต่อให้ข้างนอกมีกองทหารนับพันนับหมื่นก็ไม่สามารถไล่ตามต่อได้ และไม่สามารถบุกเข้าเมืองเพื่อเข่นฆ่าจับกุมคน
นี่เป็นสิ่งที่กษัตริย์ซยงหนูกับฮ่องเต้ทำสัญญากันไว้นานนับพันปี ไม่ว่าสองแคว้นจะมีความสัมพันธ์เช่นใด เมืองเหยียนเปียนจะเป็นกันชนระหว่างสองแคว้น ไม่มีวันเปิดสงคราม
คนขับรถม้าที่อยู่นอกตัวรถส่งเสียงร้องฮือฮากันขึ้นมา โหยวเหมี่ยวหลับมาทั้งคืน เวลานี้กำลังมองออกไปตรงเนินเขาด้านนอกด้วยสีหน้าสะลึมสะลือ สายลมเย็นเยียบพัดหวิวบาดผิว เมื่อมองลงไปตรงที่ราบด้านล่าง เมืองเหยียนเปียนมีอาณาบริเวณกว้างใหญ่โอบล้อมด้วยกำแพงฉางเฉิงซึ่งดูคล้ายมังกรที่ทอดตัวยาวไปทางตะวันออก ในเมืองมีผู้คนพลุกพล่าน เสียงตะโกนโห่ร้องดังแว่วมาแต่ไกล
ไกลออกไปนอกเมืองเหยียนเปียน ทะเลสาบน้ำแข็งขนาดใหญ่สะท้อนแสงตะวันพราวระยิบระยับจับตาดุจอัญมณี ชาวบ้านต้อนฝูงวัวและแกะเป็นแถวยาวคดเคี้ยวมุ่งหน้าตรงเข้ามาในเมืองอยู่ท่ามกลางทุ่งหิมะ
ที่นี่คือเมืองเหยียนเปียน โหยวเหมี่ยวคิด แม้ว่าบรรยากาศจะไม่ได้คึกคักจอแจเท่าเมืองหลวง แต่ก็มีลักษณะเฉพาะของชนเผ่านอกด่าน ขบวนสินค้าออกจากเขตเขาหยางโค่ว ลัดเลาะลงไปยังพื้นที่ราบ โหยวเหมี่ยวเหลือบมองหลี่จื้อเฟิงแวบหนึ่ง
หลี่จื้อเฟิงเอาศอกวางตรงขอบหน้าต่าง และมองออกไปไกลๆ อย่างใจลอย
“เจ้าเคยมาเหยียนเปียนหรือ”
หลี่จื้อเฟิงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วหันมามองโหยวเหมี่ยว ราวกับอยากพูดอะไรสักอย่าง
โหยวเหมี่ยวคิดในใจว่าไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอกับครอบครัวของหลี่จื้อเฟิงในเมืองเหยียนเปียนหรือไม่ ถ้าหลี่จื้อเฟิงอยากหลบหนี ที่นี่ก็คือสถานที่ที่เหมาะสมที่สุด และเป็นโอกาสที่ดีสุดด้วยเช่นกัน
“ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยว”
“เมื่อก่อนมาบ่อยหรือ” โหยวเหมี่ยวดูออกว่าหลี่จื้อเฟิงอารมณ์ดีไม่น้อยจึงถามลองเชิง
ขบวนสินค้าเคลื่อนเข้าใกล้ประตูเมือง หลี่จื้อเฟิงเอียงหน้าฟังบทสนทนาของชาวหูที่ยืนอยู่ไกลๆ แล้วเอ่ยว่า “ไม่ใช่เสียทีเดียว”
โหยวเหมี่ยวพยักหน้า ขบวนสินค้าจะพักอยู่ที่เมืองเหยียนเปียนสามวัน จากนั้นค่อยออกจากเมืองเหยียนเปียน โหยวเหมี่ยวตัดสินใจว่าจะปล่อยหลี่จื้อเฟิงให้กลับไปบ้านของเขา ต่างฝ่ายต่างกลับบ้าน ไม่ต้องเป็นทาสอีกต่อไป
วันแรกที่ไปถึงเมืองเหยียนเปียน ขบวนสินค้ายื่นขอหนังสือผ่านด่าน หลังจากทำตามขั้นตอนเสร็จแล้ว คนสี่สิบกว่าคนก็เข้าพักในโรงเตี๊ยม ขนสินค้าลงเพื่อนำไปขายที่ตลาด ในที่สุดโหยวเหมี่ยวก็ได้หยุดพักจากการเดินทางและจะได้ผ่อนคลายร่างกายที่เมื่อยล้าสักที
AnAn
สิงหาคม 28, 2017 at 7:30 AM
เฮือก ตัดกันตรงนี้เหรอคะ?!โหดร้ายมาก!!!
Jamsai Editor
สิงหาคม 28, 2017 at 4:48 PM
รอติดตามบทที่ 2.2 พรุ่งนี้นะคะ
Nuch
ตุลาคม 9, 2017 at 2:26 AM
ภาษาสวยเรื่องสนุกมาก
Jamsai Editor
ตุลาคม 25, 2017 at 12:06 PM
อย่าลืมไปซื้อแพ็ค 3 เล่มที่งานมหกรรมหนังสือฯ มาอ่านด้วยนะคะ
wanida
ตุลาคม 27, 2017 at 9:20 PM
วันนี้ไปดูหนังสือมาแต่ตังไม่พอเสียดายมาก
Jamsai Editor
ตุลาคม 30, 2017 at 10:58 AM
ในเว็บก็ยังมีสินค้าอยู่นะคะ ^^