everY
ทดลองอ่านนิยายวาย ปราชญ์กู้บัลลังก์ บทที่ 2.1 #นิยายวาย
อยู่บ้านดีร้อยพัน ออกจากบ้านพลันประสบปัญหา นับแต่เด็กจนโตโหยวเหมี่ยวไม่ค่อยได้ออกจากบ้าน ครั้งเดียวที่เดินทางไกลก็คือจากหลิวโจวมาที่เมืองหลวง ตอนนั้นทิวทัศน์งดงามเพียงใดไม่ต้องพูดถึง ไหนเลยจะมีสภาพอเนจอนาถเช่นเวลานี้ นั่งรถม้าแล่นโขยกเขยกมาหลายพันลี้* แม้จะมีหลี่จื้อเฟิงคอยปรนนิบัติ แต่โหยวเหมี่ยวก็อดบ่นอุบอิบไม่ได้
คนทั้งขบวนเข้าพักในโรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดในเมือง พ่อค้าเร่ต่างแยกย้ายกันไปทำการค้าของตัวเอง โหยวเหมี่ยวพาหลี่จื้อเฟิงออกไปเดินเล่นและพบว่าสินค้านอกด่านส่วนใหญ่เป็นพวกขนสัตว์ สมุนไพรหายาก เนื้อสัตว์ป่า เขากวาง แส้กวาง ขนหางกวาง เครื่องรางกะโหลกหมาป่า หนังเสือปูพื้น เสื้อคลุมขนจิ้งจอกราคาแพง เหล้าองุ่นจากซีอวี้ อำพันทะเล** โสมพันปี หินประหลาดจากเหมืองแร่ ยาจินกังชั้นเยี่ยม…ในเมืองหลวงของเหล่านี้แค่ชิ้นเดียวก็ขายได้ราคาสูงแล้ว เรียกได้ว่าเป็นของล้ำค่าหายากในห้องเก็บสมบัติทีเดียว แต่ในตลาดของเมืองเหยียนเปียนกลับมีมากมายเกลื่อนกลาดราวกับของดาษดื่น
ตรงกันข้าม เทียนไข ผ้าไหม เกลือ สมุนไพรจากทางใต้ รวมถึงไข่มุกคุณภาพต่ำ ปะการังหรือเปลือกหอยจากทะเลตงไห่ และใบชาที่พ่อค้าชาวจงหยวนนำติดตัวมาด้วยกลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทันทีที่เข้าเมือง
กระทั่งภาพวาดอวยพรวันตรุษของชาวจงหยวนยังขายได้ราคาดี โหยวเหมี่ยวคิดว่าพลาดเสียแล้ว ถ้ารู้เช่นนี้เขาคงหอบข้าวของในเมืองหลวงมาขายด้วย ห่าวซันเฉียนรู้จักตั้งราคา กระทั่งใบชาคุณภาพต่ำที่โรงงิ้วโรงน้ำชาในเมืองหลวงยังไม่เหลือบแล แค่ครึ่งชั่งยังขายได้ตั้งห้าอีแปะ*** และแลกหนังจิ้งจอกคุณภาพกลางๆ ในตลาดได้หนึ่งผืน
โหยวเหมี่ยวเคยเห็นพวกคุณชายลูกเศรษฐีซื้อหนังจิ้งจอกเช่นนี้ไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้ง ทุกครั้งที่มีของใหม่เข้ามาในร้านอวี้เป่าถัง หลี่เหยียนจะพาพรรคพวกไปชม ต่อให้มีมิตรภาพกับเถ้าแก่ดีสักแค่ไหน ผืนหนึ่งก็ต้องจ่ายถึงห้าตำลึงเงิน
ห้าอีแปะแลกได้ห้าตำลึงเงิน ในที่สุดโหยวเหมี่ยวก็ตระหนักได้ถึงวิธีขูดรีดหากำไรของพ่อค้าหน้าเลือดแล้ว เขาอ้าปากค้างอยู่นาน อดบ่นไม่ได้ว่าถ้ารู้แต่แรก! แค่ขนสินค้ามาเทขายที่เมืองเหยียนเปียนสักหนึ่งคันรถก็ได้เงินหลายพันตำลึงเงินอย่างง่ายดายแล้ว ช่างน่าเสียดายนัก
ในตลาดเต็มไปด้วยผู้คน บ้างก็คว้าขนสัตว์พับใหญ่ บ้างก็หอบหิ้วโสมคนกองโต แย่งกันยัดสินค้าใส่มือพ่อค้าชาวจงหยวน บางคนดูฐานะของโหยวเหมี่ยวออกก็ลอบยื่นของให้เขาอย่างลับๆ เพื่อให้เขารับสินค้าของตนเองเอาไว้
“ช้าก่อนๆ อย่าแย่งกัน ข้าไม่ได้มาขายของ” โหยวเหมี่ยวตะโกนเสียงดัง
“ระวังเบียดคุณชาย ช้าก่อน เข้ามาทีละคน” ห่าวซันเฉียนตะโกน
ผู้คนมากมายในเมืองเหยียนเปียนใช้ภาษาสื่อสารกันไม่เข้าใจ ทำได้เพียงใช้ภาษามือเจรจากันเท่านั้น เพราะต่างคนต่างพูดภาษาของเผ่าตนเอง บ้างก็ชี้สินค้าของตัวเองแล้วชี้สินค้าของพ่อค้าชาวจงหยวน บางคนมือไวแย่งได้เร็วก็ทำท่าจะต่อยตีกันขึ้นมา หลี่จื้อเฟิงคอยทำหน้าที่คุ้มกันโหยวเหมี่ยว ชาวหูที่เบียดเข้ามาตรงหน้าโหยวเหมี่ยวพอเห็นหน้าตาของหลี่จื้อเฟิงดูเหมือนคนนอกด่านด้วยกันก็ไม่กล้าจับต้องตัวโหยวเหมี่ยวอีก
“รับสินค้าของนาง” โหยวเหมี่ยวรับกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งไว้แล้วหันไปพูดกับห่าวซันเฉียน
“ได้” ห่าวซันเฉียนตอบพร้อมรอยยิ้ม แม้ว่าพ่อค้าเร่พวกนี้จะเป็นคนที่พ่อค้าในเมืองหลวงจ้างวานมา แต่ก็ต้องฟังคำพูดของโหยวเต๋อโย่วอยู่ดี…เพราะใครเข้าขบวนสินค้าได้หรือไม่ได้นั้น ล้วนขึ้นอยู่กับโหยวเต๋อโย่ว ทุกคนจึงไม่กล้าขัดคอโหยวเหมี่ยว
โหยวเหมี่ยวพลิกขนสัตว์พับหนึ่งดู พ่อค้าคนหนึ่งพูดเย้าว่า “ตระกูลคุณชายทำการค้าใหญ่โต สนใจของพวกนี้ด้วยหรือ”
* ลี้ (หลี่) เป็นหน่วยมาตราวัดของจีน เท่ากับความยาว 15 อิ่น เทียบได้กับระยะทางประมาณ 500 เมตร
** อำพันทะเล หรือขี้ปลาวาฬ เป็นสารประกอบอินทรีย์ชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับอำพัน มีกลิ่นหอม
*** เงินอีแปะ (เหวิน) หรือเงินสำริด มีลักษณะเป็นเหรียญที่มีรู มีค่าเล็กที่สุดในหน่วยเงินตราสมัยก่อนของจีน โดย 1,000 อีแปะมีค่าเท่ากับ 1 ตำลึงเงิน
AnAn
สิงหาคม 28, 2017 at 7:30 AM
เฮือก ตัดกันตรงนี้เหรอคะ?!โหดร้ายมาก!!!
Jamsai Editor
สิงหาคม 28, 2017 at 4:48 PM
รอติดตามบทที่ 2.2 พรุ่งนี้นะคะ
Nuch
ตุลาคม 9, 2017 at 2:26 AM
ภาษาสวยเรื่องสนุกมาก
Jamsai Editor
ตุลาคม 25, 2017 at 12:06 PM
อย่าลืมไปซื้อแพ็ค 3 เล่มที่งานมหกรรมหนังสือฯ มาอ่านด้วยนะคะ
wanida
ตุลาคม 27, 2017 at 9:20 PM
วันนี้ไปดูหนังสือมาแต่ตังไม่พอเสียดายมาก
Jamsai Editor
ตุลาคม 30, 2017 at 10:58 AM
ในเว็บก็ยังมีสินค้าอยู่นะคะ ^^