ตอนก้าวเข้ามาในรถม้า เปลวไฟในเตาเล็กๆ กำลังลุกโชติช่วง โหยวเหมี่ยวเอนตัวนอนบนแท่นเพื่อนอนชดเชยเมื่อคืน แต่หลี่จื้อเฟิงกลับนั่งเก็บข้าวของอยู่ตรงบริเวณที่มีไว้สำหรับบ่าวไพร่ “คุณชาย ได้เวลากินอาหารเช้าแล้ว”
“อีกสักพักเถอะ เจ้าเข้ามานี่” โหยวเหมี่ยวยังรู้สึกเกียจคร้านและไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น
หลี่จื้อเฟิงแหวกม่านเปิดแล้วมุดเข้ามา โหยวเหมี่ยวสั่งให้อีกฝ่ายนั่งบนแท่น ดึงมือให้เข้ามาหาตัวเองแล้วเอนพิงในอ้อมแขนก่อนหลับตาลง
ไม่รู้ว่านอนมานานแค่ไหน รู้สึกตัวอีกทีเมื่อเสียงเอะอะนอกตัวรถดังขึ้นเรื่อยๆ สุนัขเห่าม้าส่งเสียงร้อง โหยวเหมี่ยวอ้าปากหาวแล้วลืมตาถามว่า “ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น”
“ประตูเมือง”
โหยวเหมี่ยวเปิดม่านมองออกไปภายนอก ฟ้าสว่างแล้ว เมื่อคืนหิมะตก ดังนั้นท้องฟ้าวันนี้จึงขาวโล่งไปหมด บรรยากาศบริเวณประตูทางเหนือของเมืองหลวงมีเสียงดังคึกคักจอแจ คนขับรถม้าตะโกนเสียงดังโหวกเหวก
“อากาศดีมาก เราออกเดินทางกันเถอะ…”
“เทพแห่งการค้าขาย โปรดคุ้มครองคนชะตาอาภัพอย่างพวกเราด้วยเถอะ ข้ามภูเขาไหว้ภูเขา ข้ามแม่น้ำไหว้แม่น้ำ เทพเจ้าย่อมปกป้องคุ้มครอง ทำงานหาเงินเลี้ยงปากท้องได้สักก้อนแล้วจะรีบกลับบ้าน…”
“ท่านพ่อ! ซื้อของเล่นมาฝากข้าด้วยนะ”
แต่แล้วขบวนพ่อค้าก็มารวมตัวกันทันทีเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของคนขับรถม้าของโหยวเหมี่ยว “คุณชายสกุลโหยวมาแล้ว…”
หัวหน้าขบวนสินค้ากำลังพาหัวหน้าทหารรักษาประตูเมืองมาตรวจนับจำนวนรถม้า บรรจุสินค้า จดบันทึกจำนวนสินค้า ครั้นเห็นโหยวเหมี่ยวก็รีบเอ่ยว่า “สุขสวัสดิ์ยามเช้า คุณชาย”
โหยวเหมี่ยวเคยพบคนผู้นี้มาก่อน เพราะอีกฝ่ายมักจะไปที่คฤหาสน์ของโหยวเต๋อโย่วบ่อยๆ เขามีชื่อว่าห่าวซันเฉียน โหยวเหมี่ยวจึงผงกหัวทักทายตอบ ส่วนหลี่จื้อเฟิงกำลังเปิดกล่องอาหารและนำอาหารในนั้นออกมาวางเรียงทีละอย่าง เพื่อเตรียมอุ่นให้ร้อน
“ท่านนี้คือคุณชายน้อยของสกุลโหยว” ห่าวซันเฉียนอธิบายให้หัวหน้าทหารฟัง
“แล้วคนนี้เล่า” หัวหน้าทหารเอ่ยถาม
หลี่จื้อเฟิงเงยหน้าขึ้นสบตากับหัวหน้าทหารที่ซักถามด้วยความสงสัย “เจ้ามิใช่ชาวจงหยวน*?”
“นี่เป็นทาสของบ้านข้าชื่อหลี่จื้อเฟิง จะถามทำไมนักหนา” โหยวเหมี่ยวชิงตอบแทน กล่าวจบก็ปล่อยม่านลง
ทหารคนนั้นใช้ทวนยาวเปิดม่านแล้วเอ่ยว่า “คุณชายโหยว ไม่ใช่อย่างนั้น ทาสของท่านเป็นชนเผ่าคนเถื่อนสินะ ตรงชายแดนจงหยวนมีศึกสงครามรบราต่อเนื่องมาหลายปี บัณฑิตอย่างพวกท่านก็ห่วงใยบ้านเมืองเช่นกัน คิดว่าคงเข้าใจดี แต่เกรงว่าจะพลาดพลั้งรับคนสอดแนมจากชาวหู** เข้ามา ดังนั้นคงต้องเชิญเขาไปกับข้าสักครั้ง”
โหยวเหมี่ยวคิดไม่ถึงว่ากระทั่งทหารเล็กๆ ที่มีหน้าที่เฝ้าประตูเมืองยังอาจหาญถึงเพียงนี้จึงบันดาลโทสะขึ้นมา ขมวดคิ้วตวาดว่า “บังอาจนัก เจ้าชื่ออะไร”
“ข้ามีนามว่าเนี่ยตัน เป็นทหารรักษาการณ์เมืองหลวงตำแหน่งเซี่ยวเว่ย*** ท่านต่างหากที่ไม่ได้มีตำแหน่งขุนนางอะไร เดิมทีข้าคิดว่าท่านอายุยังน้อยดังนั้นอย่าถือสาท่านนักเลย แต่กระนั้นก็มิได้หมายความว่าจะปล่อยให้ท่านทำตัวไม่เคารพกฎบ้านกฎเมืองได้?!” นายทหารยังไม่ยอมถอยให้
* จงหยวน หรือตงง้วน แปลว่าที่ราบกลาง หมายถึงดินแดนจีนในสมัยโบราณ ซึ่งตั้งอยู่ตอนกลางไปจนถึงตอนใต้ของลุ่มแม่น้ำหวงเหอ
** ชาวหู เป็นคำเรียกชนต่างชาติที่อาศัยอยู่ทางเหนือและตะวันตกของจีน
*** เซี่ยวเว่ย หมายถึงนายหมู่หรือนายกองที่มียศขุนนางบู๊ตั้งแต่ลำดับหลักขั้นหกลงไป
AnAn
สิงหาคม 28, 2017 at 7:30 AM
เฮือก ตัดกันตรงนี้เหรอคะ?!โหดร้ายมาก!!!
Jamsai Editor
สิงหาคม 28, 2017 at 4:48 PM
รอติดตามบทที่ 2.2 พรุ่งนี้นะคะ
Nuch
ตุลาคม 9, 2017 at 2:26 AM
ภาษาสวยเรื่องสนุกมาก
Jamsai Editor
ตุลาคม 25, 2017 at 12:06 PM
อย่าลืมไปซื้อแพ็ค 3 เล่มที่งานมหกรรมหนังสือฯ มาอ่านด้วยนะคะ
wanida
ตุลาคม 27, 2017 at 9:20 PM
วันนี้ไปดูหนังสือมาแต่ตังไม่พอเสียดายมาก
Jamsai Editor
ตุลาคม 30, 2017 at 10:58 AM
ในเว็บก็ยังมีสินค้าอยู่นะคะ ^^