overgraY
ทดลองอ่าน REDMOON SYNDROME บทที่ 2 #นิยายวาย
อาชินเขียนคำว่า ‘ถูกแทง’ ไว้ข้างหลังชื่อของคิมอึนชิก แล้วกอดอกพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง เวลาที่วิเคราะห์ครุ่นคิด ท่าทางของอาชินจะกลับมาดูเย็นชาอีกครั้ง ชางอีจึงแอบถอนหายใจเบาๆ
“ตำแหน่งที่ถูกแทงล่ะ”
“อืม…ปาก คอ ฝ่ามือ อวัยวะเพศ ทวารหนัก เป็นบาดแผลฉกรรจ์ทั้งหมดครับ”
ทันทีที่ได้ฟัง อาชินก็ถึงกับเข่าอ่อน ชางอีจึงรีบเข้าไปประคองด้วยความตกใจ
“ไม่เป็นไรนะครับคุณนักสืบ”
“มะ…ไม่เป็นไร แค่มึนๆ ปล่อยได้แล้ว”
“เอ่อ…ครับ”
ชางอียังคงจับแขนข้างหนึ่งของอาชินเอาไว้เพราะกลัวจะล้มลงไปอีก ในขณะที่อาชินพยายามสะบัดออก แต่ชางอีไม่ยอมปล่อย จนเมื่ออาชินดูโอเคขึ้น ชางอีถึงได้ยอมปล่อยมือ
แล้วสิ่งที่อาชินเขียนต่อจากการถูกแทงก็คือ ‘ปาก คอ ฝ่ามือ อวัยวะเพศ ทวารหนัก’ จนครบทุกคน
“ดูนะ ชื่อเหยื่อ วิธีสังหาร ตำแหน่ง ปกติผมจะเขียนข้อมูลของเหยื่อในรูปแบบนี้”
“ครับ ทั้งหมดถูกแทงที่ปาก คอ ฝ่ามือ อวัยวะเพศ ทวารหนักเหมือนกันหมดเลยครับ”
“ใช่”
ชางอีดูรายชื่ออีกครั้งและพยายามทำความเข้าใจว่าผู้ตายมีความสัมพันธ์กันยังไง
คิมอึนชิก : ถูกแทง – ปาก คอ ฝ่ามือ อวัยวะเพศ ทวารหนัก
ฮอซองอิล : ถูกแทง – ปาก คอ ฝ่ามือ อวัยวะเพศ ทวารหนัก
ปาร์คจองกิล : ถูกแทง – ปาก คอ ฝ่ามือ อวัยวะเพศ ทวารหนัก
ลีวอนมิน
คังฮเยกยูน
อูซองฮู
ชางอีหันไปมองอาชินที่กำลังหลับตาและยกมือขึ้นกุมขมับ กลิ่นแชมพูหอมสดชื่นที่ไม่ได้เข้ากับสถานการณ์ลอยมาจากผมดำที่ยาวสลวยลงมาถึงเอวของเขา
“แล้วอีกสามชื่อที่เขียนบนกระดานคืออะไรครับ”
ชางอีถามพร้อมกับวาดนิ้วเป็นวงกลมล้อมรอบตั้งแต่ชื่อลีวอนมินมาจนถึงอูซองฮู อาชินลืมตาขึ้นมาช้าๆ แล้วเดินโซเซไปล้มตัวนั่งลงบนโซฟา
“คนที่จะตายเป็นรายต่อไป”
“หา?!”
ชางอีจ้องชื่อคนทั้งสามที่เหลืออย่างเคร่งเครียด แม้ว่าอีกสองชื่อจะเป็นคนที่ไม่รู้จักแต่ก็ยังเป็นเรื่องที่น่าตกใจอยู่ดี สิ่งที่ต้องรู้โดยเร็วที่สุดตอนนี้ก็คือความสัมพันธ์ของสามคนที่กำลังจะเป็นเหยื่อรายต่อไป ไม่สิ ต้องรู้ความสัมพันธ์ของทั้งห้าคนนี้และซองฮูให้ได้ และจากอาการที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน ชางอีไม่เชื่อว่าอาชินจะไม่รู้อะไร
“มันคืออะไรยังไงกันครับ คุณใช้บรรทัดฐานอะไรระบุชื่อพวกเขาเหล่านี้ แล้วคุณซองฮูมาเกี่ยวอะไรด้วย คุณรู้หรือครับว่าฆาตกรเป็นใคร”
“เปล่า ผมไม่รู้หรอกว่าใครคือฆาตกร…แต่ถ้าลงมือฆ่าลักษณะนี้แล้ว ผมค่อนข้างแน่ใจว่ารุ่นพี่ซองฮูจะเป็นรายสุดท้าย คนที่จะตายรายต่อไปก็คือไอ้หมอนั่น ลีวอนมิน”
“นี่มันอะไรกันเนี่ย! ถ้าสิ่งที่คุณพูดมันจะเกิดขึ้นจริง ก็หมายถึงชีวิตของคุณซองฮูด้วยไม่ใช่เหรอครับ ถ้างั้นก็ต้องรีบบอกตำรวจแล้วเร่งมือสืบสวนให้เร็วที่สุดเพื่อช่วยชีวิตคุณซองฮูและคนที่เหลือ…ผมอยากรู้เหมือนกันว่าคุณรู้รายชื่อพวกนี้ได้ยังไง!”
“ผมจะไม่ทำ ผมจะไม่รับทำคดีนี้”
“ว่าไงนะครับ”
“ผมไม่ทำ จะไม่มีการช่วยเหลือจากผมในคดีนี้”
แล้วอาชินก็หยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกพร้อมเปิดลำโพงเพื่อให้ชางอีได้ยินด้วย หลังจากเสียงรอสายดังได้ไม่นาน เสียงหัวเราะก็ดังมาจากปลายสาย
[ฮ่าๆ อาชิน โทรมามีอะไรเหรอ ได้เบาะแสอะไรแล้วเหรอ]
“ผมไม่ทำแล้ว”
[…อะไรนะ]
“ผมจะไม่ทำคดีนี้ โชคดีนะ”
“คุณนักสืบ!!!”
ชางอีโกรธที่อาชินพูดออกไปอย่างนั้น จึงพุ่งเข้าไปแย่งมือถือแล้วพูดกับปลายสายแทน “ขอโทษด้วยครับ คุณนักสืบไม่ได้ตั้งใจ พบกันพรุ่งนี้นะครับ” ก่อนจะโยนมือถือลงบนโซฟาฝั่งตรงข้าม การกระทำนั้นทำให้อาชินจ้องหน้าชางอีเขม็งแล้วพูดออกไปอย่างเย็นชา
“ออกไป”
“คุณนักสืบ!”
“ออกไป! ที่นี่ไม่ต้องการคุณแล้ว”
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
“ออกไป!!!”
“คุณรยูอาชิน!!!”
“ไอ้พวกนั้นมันสมควรตายแล้ว!!”
“รู้ตัวมั้ยครับว่ากำลังพูดอะไรออกมา!”
ชางอีปรี่เข้าไปเขย่าไหล่ของอาชินหวังจะให้เจ้าตัวได้สติ แม้เขาจะเป็นแค่ผู้ช่วยแต่ชางอีก็รู้สึกอยากจะกำราบอีกฝ่าย อาชินรู้เรื่องทั้งหมดอยู่คนเดียว เป็นเพียงคนเดียวที่จะกำหนดชีวิตของคนอื่น แต่ชางอีจะไม่ยอมปล่อยมันไปแบบนี้ ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องช่วยชีวิตของเหยื่อที่เหลือรวมถึงซองฮูให้ได้
“บอกให้ออกไปไง!!”
“คุณนักสืบ คุณช่วยชีวิตคนได้นะ!”
“คนอย่างไอ้สารเลวพวกนั้น…!”
อาชินดิ้นสุดแรง แต่ก็ต้านแรงของชางอีไม่ไหว แล้วทั้งสองก็เสียการทรงตัวจนล้มทับกัน
“เฮือก!”
เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของชางอี แต่เป็นเสียงของอาชิน ชางอียังคงจับไหล่ของอาชินแน่น ขาทั้งสองกำลังคร่อมร่างของอาชินอยู่
“เหยื่อพวกนั้นเป็นคนแบบไหนไม่สำคัญ แต่สิ่งสำคัญคือต้องช่วยชีวิตพวกเขา นั่นต่างหากคือหน้าที่ของคุณ!”
“…”
“การช่วยเหลือคนคือเหตุผลที่คุณเลือกทำงานเป็นนักสืบไม่ใช่เหรอ!”
ความเงียบยังคงดำเนินต่อไป อาชินไม่โต้ตอบอะไรสักคำจนชางอีรู้สึกแปลกใจ แต่แล้วอาชินก็หลับตาลง สองมือพยายามดึงเสื้อของชางอี ขาทั้งสองข้างหุบชิด หายใจหอบ ร่างสั่นเทาอย่างรุนแรง ราวกับคนตกอยู่ในอาการหวาดกลัวอย่างสุดขีด
เมื่อเห็นท่าทางไม่ค่อยดีของอีกฝ่าย ชางอีก็รีบผละออกทันที
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ”
อาชินลืมตาขึ้นมาแล้วน้ำตาก็ไหลริน แต่ชางอีได้เห็นภาพความอ่อนแอนั้นเพียงครู่ จากนั้นอีกฝ่ายก็รีบลุกขึ้นไปนั่งที่มุมหนึ่งของโซฟาอีกตัวด้วยท่าทางตื่นตระหนก
“คุณนักสืบ…”
“…”
อาชินไม่ตอบคำใด เอาแต่นั่งตัวสั่น
ชางอีคิดว่านี่น่าจะเป็นหนึ่งในอาการของโรคเกลียดผู้ชาย
สามสิบนาทีผ่านไป
“ผมไม่ใช่คนแบบนั้นนะครับ”
“รู้แล้ว…”
“ขอโทษที่ใช้กำลังนะครับ”
“ตอนนี้ผมไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้น”
อาชินยกมือปิดหน้าพร้อมเอนพิงพนักโซฟาอย่างหมดแรง เมื่อกี้เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย แล้วเขาก็ไม่อยากเผชิญกับความรู้สึกแบบนั้นอีก ชั่วขณะที่เห็นภาพผู้ชายอยู่เหนือร่างตัวเองนั้น มันน่ากลัวจนอยากจะอาเจียน ทำไมเขาต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้
อาชินไม่อยากช่วยทำคดีนี้เลย ถ้าเขารับงานนี้เพื่อช่วยเหลือคนพวกนั้นสิจะยิ่งแปลก
ชางอีถอยออกมายืนมองอยู่ห่างๆ เพื่อให้หัวใจที่เต้นรัวจนแทบจะระเบิดออกมาของอาชินค่อยๆ ผ่อนคลายลง ซึ่งชางอีเดาว่าอาการเหล่านี้ต้องเกี่ยวกับการเกลียดผู้ชายและรายชื่อบนไวท์บอร์ดนั่นอย่างแน่นอน
เวลายังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางความเงียบ ชางอีทอดสายตาไปทางอื่น ในขณะที่อาชินยังคงเอามือปิดหน้าอยู่อย่างนั้น