ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 2 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

overgraY

ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 2 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 3

แสงดาราพาดผ่าน ดวงชะตาเคลื่อนคล้อย

 

กลางดึก รถม้าคันหนึ่งแล่นออกจากเมืองอย่างช้าๆ

ระหว่างที่รถม้าวิ่งไปข้างหน้า ตัวรถก็ส่ายไปซ้ายทีขวาที ราวกับเรือลำน้อยที่กำลังล่องอยู่เหนือน้ำ ปล่อยให้สายลมพัดพา

‘บาดแผลของเขาเป็นอย่างไรบ้าง’

ท่ามกลางสติที่เลื่อนลอย ข้างหูแว่วเสียงของชายหนุ่มผู้หนึ่ง น้ำเสียงนั้นนุ่มนวลชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย ประหนึ่งสายน้ำอุ่นไล้ผ่านใบหน้า

‘รอยแทงที่หลังมือสาหัสมากขอรับ บาดเจ็บถึงกระดูกเลยทีเดียว ผู้น้อยทายาที่นายท่านให้เขาแล้ว แต่คงจะออกแรงไม่ได้สักพัก โชคดีที่แผลตรงหน้าอกไม่ลึกมาก ไม่บาดเจ็บถึงอวัยวะภายใน…’ เสียงสูงแปร่งหูของผู้ชายอีกคนเอ่ยตอบ

‘ฟังดูเหมือนไม่ร้ายแรงถึงชีวิต’ น้ำเสียงอ่อนโยนนั้นดังขึ้นอีกครั้ง

‘จริงอยู่ที่บาดแผลไม่นับว่าร้ายแรง แต่ว่า…’ น้ำเสียงของอีกฝ่ายแฝงความเคลือบแคลง

‘ทำไมหรือ มีเรื่องใด’

อีกฝ่ายตอบด้วยน้ำเสียงกดต่ำจนฟังไม่ชัด

‘เหตุใดจึงมีเรื่องเช่นนี้!’ น้ำเสียงของเด็กหนุ่มพลันเปลี่ยนไป บ่งบอกว่าตกตะลึงยากจะเชื่อ ‘เขายังเด็กอยู่เลย ไฉนจึงมีคนกล้าทำ…กับเขา…’

‘แม้ยากจะเชื่อ แต่ก็เป็นเรื่องจริงขอรับ ผู้น้อยเพิ่งจะช่วยทายาให้เขาเมื่อครู่’

ความเงียบปกคลุมอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่น้ำเสียงอบอุ่นของเด็กหนุ่มจะดังขึ้น ‘เรื่องนี้รู้แค่เจ้ากับข้าสองคน ห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด’

‘ขอรับ’ ฝ่ายนั้นชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะถามขึ้น ‘นายท่านจะให้คนพาเขากลับไปรักษาตัวที่วังก่อนหรือไม่ขอรับ’

‘อืม…’ เด็กหนุ่มนิ่งคิดอยู่นาน ‘ข้าเดินทางคราวนี้กินเวลาเดือนกว่า หากให้นำเขากลับวัง ด้วยบาดแผลที่ยากจะอธิบายบนร่างเขาตอนนี้เกรงว่าจะดึงดูดความสงสัยที่ชวนให้เข้าใจผิดได้ เขาอายุยังน้อย หากมีข่าวลือเสียหายแพร่ออกไป วันหน้าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน ในเมื่ออาการไม่ร้ายแรงมากก็พาไปด้วยเสียเลย…’

‘นายท่านจะพาเขาไปมองโกลด้วยหรือขอรับ’ อีกฝ่ายดูตกใจเล็กน้อย

‘คราวนี้แค่ไปอวยพรวันเกิดเท่านั้น พาคนไปเพิ่มอีกหนึ่งคงไม่เป็นไร อีกทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าผู้ใดทำเรื่องต่ำทรามเช่นนี้ หากเกิดเหตุพลิกผันทำให้เด็กคนนี้ตกไปอยู่ในกรงเล็บหมาป่าอีกครั้ง จะไม่ยิ่งเลวร้ายกว่าหรอกหรือ’ เด็กหนุ่มเอ่ยอย่างหนักแน่น ‘ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ามิใช่สำเร็จวิชาแพทย์มาแล้ว?’

อีกฝ่ายดูยุ่งยากใจแต่ก็ไม่ขัดขวางอีก ‘ถ้าเช่นนั้นพรุ่งนี้ผู้น้อยจะเตรียมรถม้าเพิ่มอีกคัน คงมิอาจให้นายท่านทนเบียดเสียดกับเด็กคนนี้’

เด็กหนุ่มพลันรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมอง เขามองเข้ามาภายในรถ เอ่ยอย่างอ่อนโยน ‘เจ้าตื่นแล้วหรือ’

ในความมืด เด็กน้อยจ้องตอบเขาแน่นิ่ง

นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีคนใช้น้ำเสียงนุ่มนวลเช่นนี้พูดกับเขา เด็กน้อยเพ่งสายตา คิดจะมองคนตรงหน้าให้ชัดเจน

อาศัยแสงจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา เขาพยายามลืมตาอย่างสุดความสามารถ อยากจะดูให้ชัดกว่านี้ ภาพที่เห็นคือเค้าโครงหน้าเรียวยาว เครื่องหน้าทั้งห้าได้สัดส่วน งดงามกว่าผู้คนที่เขาเคยแอบมองผ่านมุมของห้องครัวเหล่านั้นเสียอีก คิ้วตาจมูกปากดูแล้วสบายตาสบายใจยิ่ง อีกทั้งสีหน้าก็อบอุ่นอ่อนโยน ไม่ต่างจากน้ำเสียง ครั้งแรกที่เขาได้เห็นเด็กหนุ่มก็จดจำจนยากจะลืมเลือน

เขามั่นใจว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นคนที่รูปงามที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา

‘ไม่ต้องกลัว ที่นี่ไม่มีใครทำร้ายเจ้า’ เด็กหนุ่มปลอบเขาอย่างเอาใจใส่

ไม่เคยมีใครใส่ใจเขาเช่นนี้มาก่อน ชั่วขณะนั้นในอกพลันร้อนวูบ

‘เจ้าช่างโชคดีนักที่คืนนี้ได้มาพบผู้สูงศักดิ์เข้า เพราะมีกิจธุระยืดเยื้อ นายท่านของข้าจึงต้องออกเดินทางช้ากว่ากำหนดครึ่งวัน เผอิญพบเจ้านอนอยู่ข้างถนน หากช้ากว่านี้ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้นบ้าง’

เด็กน้อยไม่สนใจชายอีกคนเลยแม้แต่น้อย เอาแต่จ้องมองเด็กหนุ่มคนนั้น

‘เจ้าเป็นลูกหลานสกุลใด’ บ่าวรับใช้ของเด็กหนุ่มซักถาม

เขาขยับกายเล็กน้อย คิดจะตอบ ทว่ากลับไม่รู้ควรจะตอบอย่างไร เขาไม่รู้ว่าตัวเองมาจากสกุลไหน

‘เจ้าชื่อแซ่อะไร’ บ่าวรับใช้ผู้นั้นถามอีกครั้ง

เด็กน้อยนิ่งงัน ตอบไม่ถูก ตั้งแต่จำความได้ มารดาเพียงเรียกเขาว่า ‘ลูก’ ไม่เคยเรียกเป็นอย่างอื่น นอกจากมารดาแล้วก็ไม่มีใครเป็นฝ่ายพูดคุยกับเขาก่อน

‘เหตุใดจึงไม่ยอมพูดเล่า จำได้หรือไม่ว่าถูกผู้ใดทำร้าย’ บ่าวรับใช้ถามต่อไปอีก

ถูกใครทำร้าย เด็กน้อยพลันนึกถึงสีหน้ายามที่มารดาถือมีดหั่นผัก กับสีหน้าของนายท่านผู้นั้นยามที่อ้าปากกว้าง เขาสั่นเทาไปทั้งร่าง ในหัวว่างเปล่า

‘พอแล้ว ไม่ต้องถามอีก เขาตระหนกจนเสียขวัญหมดแล้ว’ เด็กหนุ่มสั่งบ่าวรับใช้ให้หยุดถาม ในน้ำเสียงอ่อนโยนปรากฏแววตำหนิ

‘โชคดีที่นายท่านใจกว้าง หากเป็นผู้อื่น ไม่แน่ว่าจะเห็นเป็นเรื่องยุ่งยากแล้วส่งให้จวนว่าการจัดการโดยตรง’

เด็กน้อยได้ยินก็ตระหนกลนลาน ในใจรู้สึกว่า ‘จวนว่าการ’ จะต้องมิใช่สถานที่ที่ดีเป็นแน่ คนที่นั่นอาจรังเกียจที่เขาสกปรกโสมม อาจจะตีเขา รังแกเขา หรือไม่ก็อาจจะฆ่าเขาเลยก็ได้…

‘ช่วย…ช่วยข้าด้วย…’ เด็กน้อยร่างกายสั่นเทา พูดด้วยเสียงเบาสั่นสะท้าน ฟังดูไร้ที่พึ่ง ‘ข้า…ข้าไม่อยากตาย’

เด็กหนุ่มชะงักนิ่ง สำหรับเขาการช่วยคนจากข้างถนนกินแรงแค่ยกมือขึ้นเท่านั้น ไม่ต่างจากช่วยหมาช่วยแมว เพราะเป็นเรื่องง่ายดายจึงไม่เคยเก็บมาใส่ใจ แต่ยามได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยปากขอร้อง กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ยากที่จะไม่หวั่นไหว โดยเฉพาะอีกฝ่ายยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ซ้ำร่างกายยังถูกทำร้ายสาหัสถึงเพียงนี้

‘เจ้าไม่เป็นอะไรหรอก นายท่านมิใช่ช่วยเจ้าไว้แล้วหรอกหรือ’

เด็กน้อยได้ฟังก็รีบหันไปมองเด็กหนุ่ม ท่าทางราวกับคนจมน้ำที่คว้าจับขอนไม้ไว้ได้ ด้วยกลัวขอนไม้จะหลุดลอยไป จึงเรียกตามด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ‘นายท่าน…’

เด็กหนุ่มถูกเสียงเรียก ‘นายท่าน’ ทำให้ตะลึงงันจนอดทอดถอนใจไม่ได้ รอบกายมีคนเรียกขานเขามากมาย แต่กลับไม่มีสักครึ่งคนที่เอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงเว้าวอนเช่นนี้ ชั่วขณะนั้นก็ยิ่งเกิดความรู้สึกสงสาร

‘เจ้าจะเรียกนายท่านมิได้ ต้องเรียกว่าผู้มีพระคุณ’ บ่าวรับใช้เอ่ยแก้

เด็กหนุ่มยกมือขึ้นเป็นการบอกไม่ให้ส่งเสียง เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะเก็บเด็กคนนี้ไว้ เมื่อเป็นเช่นนี้ การที่เด็กน้อยเรียกเขาว่านายท่านก็ถูกต้องแล้ว ครั้นเห็นอีกฝ่ายจ้องตนด้วยสองตาทอประกายคาดหวังปนหวาดหวั่น เสมือนว่าบนโลกใบนี้มีเพียงเขาที่เป็นที่พึ่ง คิดเช่นนั้นเด็กหนุ่มก็รู้สึกราวกับตัวเองเป็นวีรบุรุษผู้กล้าในเรื่องเล่าจอมยุทธ์ ท่องไปทั่วยุทธภพช่วยเหลือผู้อ่อนแอ ในใจจะไม่รู้สึกฮึกเหิมได้อย่างไร

ความคิดวาบผ่านหมื่นขุนเขา เพียงพริบตาทิวทัศน์ก็แปรเปลี่ยนไปหลากหลาย เด็กหนุ่มเห็นเด็กน้อยตัวสั่นไม่หยุด ก็รีบปลดผ้าคลุมลงจากตัว ค่อยๆ ห่มทับบนร่างของเขา

‘นายท่านจะหนาวเอาได้นะขอรับ ประเดี๋ยวผู้น้อยจะหาเสื้อคลุมอีกผืนมาให้เขาเอง’

‘ผืนนี้ของข้าอุ่นที่สุดแล้ว ให้เขาก่อนเถิด’ เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเบา ย้ายสายตามองไปที่ใบหน้าของเด็กน้อย ‘หลับเถิด อยู่ข้างกายข้าจะไม่มีผู้ใดกล้ารังแกเจ้าทั้งนั้น’

จะไม่มีผู้ใดกล้ารังแกเขา เช่นนั้นก็หมายความว่าเขาปลอดภัยแล้ว? ดวงตาทั้งสองข้างที่เอาแต่จ้องเด็กหนุ่มเบิกกว้างขึ้นกว่าเดิม เมื่อก่อนท่ามกลางราตรีอันเงียบสงัด เขาจะนั่งอยู่ข้างบานหน้าต่างเพียงลำพัง เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า คิดไปว่าสุดปลายฟากฝั่งของดวงดาวอาจจะมีเขาอีกคนหนึ่งที่กำลังใช้ชีวิตอย่างเบิกบานใจอยู่ก็เป็นได้

ชั่วขณะนั้นดวงตาทั้งคู่ของนายท่านช่างสว่างไสวเหลือเกิน ราวกับเก็บดวงดาวบนฟากฟ้าเอาไว้ เด็กน้อยคิด บางทีเขาอาจจะกระโดดข้ามไปถึงดวงดาวแล้วก็เป็นได้…

หน้าที่แล้ว1 of 3

Comments

comments

Continue Reading

More in overgraY

  • overgraY

    ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 5 #นิยายวาย

    By

    พิศวาสรัญจวนในห้องหนังสือ คราแรกของเด็กหนุ่ม   ดูจากการที่องค์ชายสามทั้งตีทั้งตวาด แล้วแบกเขาเดินเร่งฝีเท้าด้วยท่าทางกระโชกกระชาก หรูซิ...

  • overgraY

    ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 4 #นิยายวาย

    By

      มรสุมพลันสาดซัด เด็กหนุ่มโชกไปด้วยเลือด   ราตรีล่วงผ่านไปโดยไม่อาจข่มตาหลับ วันถัดมาฟ้าเพิ่งจะสาง หรูซิ่วก็รีบวิ่งออกไปเคาะประตู...

  • overgraY

    ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 3 #นิยายวาย

    By

    เด็กหนุ่มรูปงาม อุทิศตนเป็นบ่าวรับใช้   ในห้องที่ซ่อนอยู่หลังชั้นหนังสือ คนทั้งสองหลับตาพักผ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ท่ามกลางความมืด...

  • overgraY

    ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 1 #นิยายวาย

    By

    สะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก ฝันร้ายอันยากจะลืม   ความจริงแล้ว...เขาแตกต่างจากผู้อื่นที่ใดกันแน่ เหตุใดใครๆ จึงต่างรังเกียจเขาเช่นนี้   ส...

  • overgraY

    เสด็จอา บทที่ 3.2 #นิยายวาย

    By

    บทที่ 3.2   เมื่อกลับมาถึงวังอ๋อง เนื่องจากเหตุการณ์ของชายาทำให้บรรยากาศในวังยังคงอึมครึม ข้าเรียกคนให้หยิบกาสุรามาดื่มในสวนเล็กของตำหน...

  • overgraY

    เสด็จอา บทที่ 3.1 #นิยายวาย

    By

    บทที่ 3.1   วันถัดมา ข้าเข้าวังเพื่อกราบทูลผลการลงโทษชายาต่อฝ่าบาทและไทเฮา เดิมทีข้าจะไปเข้าเฝ้าฉีเจ่อก่อน แต่ขันทีน้อยบอกข้าว่าฝ่าบาทก...

  • overgraY

    เสด็จอา บทที่ 2 #นิยายวาย

    By

    บทที่ 2   ข้าย่างเท้าออกจากประตูตะวันออกของอุทยานหลวงภายใต้แสงสายัณห์ ยังไม่ทันเดินออกมาได้ถึงสองก้าวก็ได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกจากทางเบื...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 124

บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบสี่ เพราะเป็นภาคเรียนสุดท้ายนักเรียนปีสี่จะจบการศึกษาในฤดูร้อนของปีนี้ การเรียนการสอนในห้องเรียนแทบจ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 2

บทที่ 2 ความสงสัย+คลื่นใต้น้ำ เจ้าเมืองหลี่ตามซูโม่อี้ออกไปแล้ว หลินหวั่นชิงเห็นเงาของเขาวิ่งอยู่ไกลๆ รู้สึกว่าชุดทางการ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี บทที่ 27-1

บทที่ 27-1 หวงปอรับใช้อยู่ข้างกายฮ่องเต้มานาน แม้จะเทียบไม่ได้กับพวกไป๋ตันหย่งที่ยืนอยู่ข้างกายซ้ายขวาของฮ่องเต้มาตั้งแต...

community.jamsai.com